ยินดีต้อนรับครับ

ขอแนะนำให้ทุกท่าน สมัครสมาชิก เพื่อป้องกันการแอบอ้างชื่อครับ

Mark Mafia

PITBULL...โหดร้ายจริงหรือ(ภาค2)
  • กฎหมายเหล่านี้ทำลายสุนัขที่กล้าหาญไปหลายตัวเปลี่ยนคนดีให้เป็นคนร้ายไปหลายคน โดยสรุปการที่เราต้องการทดสอบสุนัขในแง่ของความกล้าหาญถูกมองว่าผิด หรือเป็นอาชญากรรม มันช่างบ้าสิ้นดี! ผลลัพธ์ของกฎหมายเหล่านี้คือสายพันธุ์ Pitbull Terrier ไม่ได้ถูกพัฒนา และกีฬากัดสุนัขตกอยู่ในมือของกลุ่มคนนอกกฎหมายที่มีแต่ความโหดเหี้ยมและป่าเถื่อนต่อสุนัข และด้วยเหตุนี้สังคมจึงตราหน้าว่ากีฬากัดสุนัขทำให้สุนัขดุร้าย รวมถึงกลุ่มคนที่เข้าร่วมกิจกรรมคือกลุ่ม ?ผู้ร้าย? ของสังคม ซึ่งแท้จริงแล้วสุนัขหรือกลุ่ม ?ผู้ร้าย? เหล่านั้นมีส่วนรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ของกิจกรรม แต่ผู้ที่ต้องรับผิดชอบหลักก็คือกฎหมายที่สร้างข้อห้าม ข้อจำกัดเหล่านั้นเสียมากกว่า







    คำถามเกี่ยวกับความ ?โหดร้าย??

    หากคุณคิดว่าการให้สุนัข Pitbull ลงสนามกัดในกีฬากัดสุนัขเป็นสิ่งที่โหดร้าย หากเช่นนั้นแล้วกีฬาชกมวยของมนุษย์ก็เป็นสิ่งท่โหดร้ายไม้แพ้กัน เผลอๆ อาจโหดร้ายยิ่งกว่าเนื่องจาก Pitbull มีสภาพ่างกายที่แข็งแรง และทนทานกว่าเยอะ การให้บทสรุปว่าสุนัข Pitbull ที่ร่วมกิจกรรมการกัดนั้นเป็นสุนัขที่โหดร้ายทุกตัวนั้นผิดอย่างมหันต์ สุนัขที่กัดเพื่อสู้ในเกมกีฬาไม่ได้หมายความว่ามันจะดุร้ายในการใช้ชีวิตร่วมกับคน เพาะหากเป็นเช่นนั้นนักมวยที่อยู่นอกสังเวียนก์คงต้องทำร้ายผู้คนทั่งไปมากมายเต็มไปหมดแล้วล่ะ

    และกับคำกล่าวที่บอกว่า Pitbull เป็นสุนัขดุร้ายเพียงเพราะว่ามันสนุกกับกีฬาการกัดนั้น ก็คงต้องบอกว่าไม่เป็นสาระเลย เช่นเดียวกับนักชกที่ก็ไม่ได้ดุร้ายเลยหากอยู่นอกสังเวียน ถามว่าทำไม่ถึงแน่ใจได้เช่นนี้ คำตอบคือจากประสบการณ์กว่า 20 ปีของผมกับสุนัข Pitbull นั้นสามารถยืนยันได้ว่ามันเป็นสัตว์เลี้ยงที่ฉลาดมาก และมันรู้จักที่จะผ่อนคลายรวมถึงเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารักของคุณในเวลาที่มันไม่ด้อยู่ในสังเวียนกัด สรุปสั้นๆ คือ Pitbull เป็นสัตว์เลี้ยงที่มีมันสมอง ฉลาดคิด และไม่ได้ก้าวร้าวกัดไม่เลือกตลอดเวลา ถึงแม้ว่ามันจะถูกฝึกมาเพื่อให้กัดแต่ด้วยมันสมองของมันทำให้มันรู้ว่าช่วงเวลาไหนที่มันควร หรือไม่ควรกัด นี่คือ American Pitbull Terrier ในรูปแบบของตัวตนที่แท้จริงที่มันถูก breed มาให้เป็นนักสู้ที่สู้ยิบตาเมื่ออยู่ในสังเวียน และเพื่อนแสนรู้ผู้ซื่อสัตย์ของคุณเมื่ออยู่นอกสังเวียน

    กีฬากัดสุนัขในอดีตก่อนที่จะถูกห้ามนั้นถือเป็นกีฬาแห่งศักดิ์ศรี บุคคลในสังคมชั้นสูงล้วนแล้วแต่ต้องเคยเข้าร่วมชมในกีฬานี้ไม่เว้นแม้กระทั่งประธานธิบดีแห่งสหรัฐ อเมริกา ปัญหาคือกลุ่มคนที่คิดว่าตัวเองทำเพื่อปกป้องสิทธิ์ของสัตว์โดยที่ไม่เคยรู้ว่าสัตว์เหล่านี้คิด และรู้สึกอย่างไรเมื่อตัวมันได้กัด บุคคลเหล่านี้เห็นแค่เลือดกับความรุนแรงและด่วนสรุปเอาเองว่านี่คือความโหดร้าย และการทารุณสัตว์

    ความโหดร้ายไม่ได้อยู่ที่มุมมองของใครคนใดคนหนึ่ง แต่ขึ้นอยู่กับมุมมองของผู้ที่เป็นคนกระทำ หรือประสบกับเหตุการณ์นั้นๆ ด้วยตัวเอง เช่นเดียวกับที่ Pitbull ที่กัดอยู่เท่านั้นที่จะสามารถบอกได้ว่านี่คือความโหดร้ายหรือไม่ แต่โชคร้ายที่ความชัดเจนเหล่านี้ไม่สามารถแทรกซึมเข้าไปในความเข้าใจของกลุ่มคนเหล่านี้ที่ไม่ใส่ใจต่อมุมมองของใครนอกจากของตัวเอง กิจกรรมที่ดูโหดร้ายสำหรับสัตว์หนึ่งชนิด แต่อาจไม่โหดรายสำหรับอีกนึ่งชนิด เช่นหากคุณนำสุนัขพันธุ์ Poodle มากัดเหมือนกับ Pitbull แน่นอนนั้นคือความโหดร้าย และทารุณกรรม แต่ Pitbull คือสายพันธุ์ที่ถูกสร้างมาให้เผชิญกับความกล้าหาญ และการกัดคือวิธีการทดสอบความกล้าหาญของมัน



    รากฐานของความโหดร้าย

    ความโหดร้ายเป็นเรื่องของมุมมองของผู้ที่กำลังเผชิญหน้ากับมันอยู่ อย่างที่ผมบอกไปว่าเราไม่สามารถตัดสินความโหดร้ายได้นอกจากว่าเรานั้นเองที่กำลังเผชิญกับมันอยู่ นอกเหนือจากนั้นมันเป็นแค่ความคิดเห็นของเราเท่านั้นเอง อีกหนึ่งปัจจัยก็คืออยู่ที่ผู้เข้าร่วมในเหติการณ์ ไม่ใช่ที่ตัวเหตุการณ์ที่เราจะบอกว่ามันเป็นเหตุการณ์ หรือกิจกรรมที่โหดร้าย ยกตัวอย่างเช่นการวิ่งมาราธอน 5 กม.ในวันที่แสงแดดแทบจะเผาผลาญ หากเป็นนักกีฬาวิ่งมาราธอนที่แข็งแรงเต็ม 100 มาลงแข่งเราคงไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่โหดร้าย แต่หากในการแข่งขันเดียวกันมีนักกีฬาที่เป็นโรคหัวใจมาลงแข่ง เราคงมองว่ามันเป็นการแข่งขันที่โหดร้าย แต่โชคไม่ดีที่ในสังคมปัจจุบันมีคนมากมายที่พยายามยัดเยียดมุมมองส่วนตัวให้กับสังคมเพื่อให้ยอมรับมุมมองส่วนตัวเป็นมุมมองส่วนรวม หากคุณนำสุนัข Pitbull มากัดกับสุนัข Poodle แน่นอนความโหดร้ายนั้นถูกต้องสำหรับเจ้า Poodle ที่ตัวสั่นงันงก และกลัวจนแทบคลั่งในขณะที่เจ้า Pitbull มีความสุขกับการต่อสู้เป็นอย่างมาก นั้นเป็นบทพิสูจน์ของรากฐานของความโหดร้ายว่าผู้เข้าร่วมในเหตุการณ์เท่านั้นที่จะตัดสินได้ว่าเหตุการณ์นั้นๆ โหดร้ายสำหรับเขาหรือไม่ เพราะฉะนั้นการเข้าใจในมุมมองของสุนัขเท่านั้นจึงจะทำให้เรารู้ว่ามันรู้สึกอย่างไร ว่ามันกำลังทุกข์ทรมานหรือมันกำลังสนุก และมีความสุขในการที่มันได้กัดเพื่อทดสอบศักยภาพของตัวมันเอง และนี่คือคำตอบอีกครั้งว่าการตัดสินว่ากีฬากัดสุนัข Pitbull เป็นกิจกรรมที่ผิดกฎหมายนั้นไม่ได้แก้ปัญหาการทารุณสัตว์ แต่การเลือกสุนัขที่เหมาะสมกับกีฬาดังกล่าวต่างหากจึงจะแก้ปัญหาได้



    ขยายความคำว่า ?โหดร้าย?

    ในเกมการแข่งขันเมื่อใดที่สุนัขแสดงอาการ ?ยอมแพ้? หรือไม่ต้องการที่จะอยู่ในเกมอีกต่อไปแล้วนั้นล่ะคือจังหวะที่เกมกีฬาจะเปลี่ยนเป็นความโหดร้ายสำหรับตัวนั้นหากเรายังไม่ให้มันยุติเกม หรือหากเกมยังคงดำเนินต่อไปก็จะกลายเป็นการทรรุณสุนัขตัวนั้นทันที Dogman ที่ดีจะต้องหยุดเกมทันที ดังนั้นการออกกฎหมาย ban กีฬาประเภทนี้จึงทำร้ายสุนัขมากกว่าที่จะช่วยเหลือมัน อย่างที่เคยกล่าวไปเบื้องต้นว่าเมื่อกฎหมายถูกบังคับใช้คนที่เคารพกฎหมายและเป็นคนดีจึงเลิกเล่นเกมกีฬานี้ คงเหลือก็แต่พวกนอกรีตที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้มาซึ่งเงินเดิมพันดังนั้นอย่าคาดหวังว่าจะมี dogman ที่ดีอยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้ ด้วยเหตุนี้สุนัขจึงต้องเจอกับความโหดร้าย กฎหมายไม่ได้ช่วยเหลือสุนัขแต่กลับทำร้ายมันต่างหาก เหตุผลที่แท้จริงของการแข่งขันคือเพื่อทดสอบพละกำลัง และความสามารถของมันถูกพับเก็บไป เปลี่ยนเป็นการแข่งขันเพื่อล่าเงินรางวัลของการเดิมพันโดยไม่สนใจกับสภาพของสุนัข
  • ที่เขียนมาก็พอมีเหตุผลหรอกนะครับ แต่เป็นเหตุผล ที่มาจากคนที่รัก pitbull อยู่ในหัวในไม่ยอมดุสภาพหมาเขาตามความเป็นจริง เปรียบเสมือน ลูกรัก ที่ใครก็รู้ว่าแสนเกเร ติดยา หนีโรงเรียน แต่ด้วยความเป็นพ่อ ลูกเลวอย่างไรก็ ต้องพยายามบอกว่าลูกดีไว่ ก่อน

    ข้อมูลที่มาหักล้าง ความโหดร้ายของ pitbull นั้นฟังไม่ค่อยขึ้นหรอก ครับ เอาตัวเลขที่เกิดขึ้นจริงมาอ้างกันดีกว่า
    According to a well-publicized CDC report, between the years of 1979 to 1998 pit bulls and rottweilers made up 60% of attacks that ended in death.1 DogsBite.org reports that in 2007, this same combination inflicted 71%.
    The CDC does not record attacks by specific breed that cause severe injury, but an animal organization does. By compiling US and Canadian press accounts between 1982 and 2007, Animal People News found that the combination of pit bulls, rottweilers and wolf hybrids accounted for 77% of attacks that resulted in bodily harm and 77% in maiming

    สรุปเขาบอกว่าในบรรดาการกัด หรือทำรัายคนด้วยหมาพันธั์ต่างๆ ที่ทำให้ถึงแก่ความตายนั้น หมาพันธ์ pit และ rott เป็นตัวตันเหตุ มากถึง 60 pct ของหมาทั้งหมดทุกสายพันธุ์ ในช่วงปี 1979-1988 ในปี 2007 ปีเดียว pitt กับ rott เป็นหมาที่กัด และทำให้คนตาย มากถึง 71 pct ของหมาทั้งหมด นอกจากนี้ pit/rott/wolf hybrids มีสัดส่วนถึง 77 pct จากทุกสายพันธ์ ที่ทำร้ายคน ลองแปลเอาเอง ขี้เกียจแปล

    จะมาบอกว่า pit ปลอดภับ นั้น อย่ามาโกหกกันเลยครับ ตัวเลขในประเทศที่เจริญแล้ว เขามีให้ดูถมเถไป ลองดู link นี้ http://www.dogsbite.org/dangerous-dogs.htm

    ประเด็นที่ว่า กัดหมานั้น เป็นการช่วยหมา ไม่เป็นการทรมาน ไม่ทราบว่าคุณใช้ส่วนไหนของสมองคิด คุณไปเปรียบเทียบกับการชกมวย ตีไก่ กัดปลา ได้ยังไง เปรียบเหมือน ถ้าคุณไปอยู่ในสังคม ที่พี้ยา เล่นการพนัน มีซ่อง ลูกเมียขาย ตัว เห็นเป็นของธรรมดา คุณก็บอกว่า นั่นมัน ok เขาก็ทำกัน เราเข้าไปอยู่ในสังคมนั้น ทำแบบ เขาบ้างมันก็ไม่ผิดอะไร มันบ้ากันใหญ่นะ ผมว่า

    คุณจะเลี้ยงก็เลี้ยงไป แต่มาพูดโน้มน้าว ว่า สิ่งที่ pit ถูกประนามเพราะคนไม่เข้าใจหมา ผมว่า ตรรกะนี้ผิดแน่นอน และ จะทำให้ผู้เลี้ยงอื่นๆ เข้าใจผิด กันไปใหญ่ด้วย
  • ข้อมูลที่ คุณ boy นำมาอ้างนั้น เป็นการแก้ตัวให้ pitbull ทั้งเพ เป็นความเชื่อที่ผู้รัก pitbull พยายามหามาต่อสู้เพื่อหมาที่เขารัก อย่างหัวปรักหัวปรำ เขาเรียกว่า myths ลองไปอ่านดูไหมครับ แล้วคุณจะได้เลิกโกหกตัวเองกันเสียที จะได้ลดการเข้าใจที่ผิดๆ กับตัวหมา ที่คิดว่าเขา ดีเลิศ ผิดที่คนเลี้ยง ผิด ที่สื่อที่คอยแต่จะชย้ำ เมื่อเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้น

    http://www.dogsbite.org/dangerous-dogs-pitbull-myths.htm
    Pit bull myths ::
    The black and white debate, "It's the owner, not the breed," has caused the pit bull problem to grow into a 25-year old problem. In 1987, Sports Illustrated wrote a cover story that can still be written today.
    "The horror stories involving pit bulls are voluminous. Recent tragedies include the death of two-year-old James Soto, who was mauled in Morgan Hill, Calif., on June 13th by a neighbor's pit bull rendering the child "unrecognizable as a human being."1
    1. It's the owner not the breed
    Poor ownership of a pit bull may exacerbate aggressive tendencies, but the pit bull is still an innately aggressive breed. Pit bulls have been selectively bred since the 1800s for the purposes of fighting and continue to be bred for fighting today. US courts agree that the following breed characteristics of pit bulls are not in dispute: robust strength, unpredictability, tenaciousness (the refusal to give up a fight) and high pain tolerance.2
    Perpetuators of this myth also cannot account for the many instances in which responsible pit bull owners are victimized by their dogs. In 2007, pit bull type dogs were responsible for 60% of attacks that led to fatality. Half of these attacks involved a family member and the family pit bull.3
    Related articles:
    06/19/08: Pit Bull in Greensburg Chews Off Owners Arm
    11/07/07: Seth Lovitt, 11-Years Old, Killed by Family Pit Bull
    10/02/07: Tina Canterbury, Killed by Her Two Red Nosed Pit Bulls
    2. Pit bulls are animal-aggressive, not people-aggressive
    Historically, it is believed that dogfighters removed people-aggressive dogs from the gene pool. If this is true, there is no indication that these same selective pressures are still in operation. Fatality statistics over the past 20-years continue to reflect a high number of pit bulls killing people. News stories flourish about pit bulls breaking free of their property and attacking children and the elderly. These victims did not have pets with them, nor were they provoking the dog before the attack.
    Pit bull advocates who propagate this myth refuse to admit that both traits are unacceptable. It is not "okay" that pit bulls are animal-aggressive. Due to this genetic trait, pit bulls frequently maim and kill our pets. In many instances, owners of these pets get injured trying to stop the attack. While some attacks might start from animal aggression, they can quickly lead to human aggression.
    Related articles:
    07/21/07: Woman, Dog Attacked By Two Pit Bulls in Tacoma
    06/14/08: 2007 Fatality: Mary Diana Bernal Killed by In-Law's Pit Bull
    01/15/08: Pit Bull Attacks Owner in Ohio, Pursues Through Broken Glass Door
    3. Fatality statistics regarding pit bull attacks are false
    Statistics regarding pit bull fatalities and severe injury are true. It has been suggested that because the Center for Disease Control and Prevention (CDC) fatality data relies, in part, on newspaper articles, that the entire study is inaccurate. Pit bull advocates say that pit bull fatalities are more extensively reported by the media, therefore the CDC must have "miscounted" or "double counted" the number of pit bull fatalities. Considering the time spent developing the studies, it is safe to say that the authors were careful to count each event only once.4
    Related articles:
    09/15/00: Breeds of Dogs Involved in Fatal Human Attacks
    11/01/07: Dog Attack Deaths and Maimings, US & Canada
    4. The media is unfair to pit bulls
    Pit bulls have the highest propensity of any breed to be involved in catastrophic maulings. Media and law enforcement members treat each pit bull attack as a serious public safety threat. About half of all pit bull reported news regards police officers shooting pit bulls. In many of these cases, pit bulls are used as part of criminal operations for drug dealers, gang members and other violent offenders.
    There is an absence of media regarding the collective damage inflicted by this breed. In 2007 alone, pit bull type dogs were responsible for 60% of US dog bite fatalities5, the bulk of disfigurements and countless episodes of killing our pets and livestock. Over the next decade, pit bulls are on pace to maul 200 Americans to death. Major news agencies are AWOL on these important issues.
    Related articles:
    07/02/08: 90-Year Old Suffers Amputations After Pit Bull Attack on Staten Island
    06/06/08: Cincinnati Police Kill Two Pit Bulls in Separate Shootings in Same Day
    05/12/08: 11 Years of Police Gunfire: Pit Bulls Top the Charts
    5. Pit bulls are not unpredictable
    Pit bulls frequently attack without provocation or warning. As a fighting breed, pit bulls were bred to conceal warning signals before an attack. For instance, they rarely growl, bear their teeth or issue a stare before they strike. They are also disrespectful of traditional signs of submission and appeasement.6
    Pit bulls are also liars. Randall Lockwood, a senior vice president to the American Society of the Prevention of Cruelty for Animals (ASPCA), shares the following story in a law enforcement training video:
    "Fighting dogs lie all the time. I experienced it first hand when I was investigating three pit bulls that killed a little boy in Georgia. When I went up to do an initial evaluation of the dog's behavior. The dog came up to the front of the fence, gave me a nice little tail wag and a "play bow" -- a little solicitation, a little greeting. As I got closer, he lunged for my face."7
    Related articles:
    06/25/08: Pit Bull in Omaha Attacks 2 Babies and a Mother
    06/05/08: 2-Year Old Taken by LifeFlight Helicopter After Pit Bull Bite
    05/13/08: The Unpredictability of a Pit Bull; a Realistic Fear
    6. Pit bulls do not have a locking jaw
    A pit bull's jaw may not physically lock, but the inherent fighting trait of a pit bull is to "hold and shake." This is why we consistently hear in news reports that the dog would not let go. Many pit bull breeders and owners promote "hold and shake" behavior through the act of spring poling, in which the pit bull leaps into the air, locks down on a rope and holds for as long as possible.
    The most stunning instance that debunks the "not locking jaw" myth occurred in a courtroom. During the Toldeo v. Tellings trial, Lucas County Dog Warden Tom Skeldon showed a videotape of a tranquilized pit bull hanging from a steel cable. The dog is unconscious and still does not release his grip. Having seen this video, DogsBite.org can only imagine that gasps were uttered in the courtroom.8
    Related articles:
    04/02/08: Pit Bull Bites Man, Man Chokes Dog to Get Free
    03/23/08: Screwdriver Used to Pry Open Pit Bull's Mouth During Attack
    08/13/07: Ghetto Star Pitbull on Spring Pole
    7. My pit bull is a sweetheart
    According to a study done by the Tufts Center for Animals and Public Policy, pit bull owners use a variety of strategies to lessen the stigma attached to owning a negatively perceived dog. One of the strategies is to emphasize counter-stereotypical behavior. For instance, to offset the popular idea that pit bulls are fierce and predatory, respondents in the study voiced just the opposite: "My dog is the biggest sweetheart in the world."
    Other strategies used to combat the pit bull stigma included, trying to pass their dogs off as other breeds, denying that their behavior is genetically determined, discrediting unfavorable media coverage, using humor, avoiding stereotypical gear or accessories, taking preventive measures, or becoming "breed ambassadors."9
    Related articles:
    03/06/08: Vet Tech Denies Pit Bull is Aggressive After Attack
    02/13/08: Pit Bull Pup Who Chewed Off Owner's Toes Back Home
    11/25/03: Flashback: Companion Trained Pit Bull Attacks Police Horse
    8. Pit bulls used to be the most popular dog in America
    Pit bull advocates often say that, "by World War I, the pit bull had become the most popular dog in America." A resource is never cited with this claim. Last year, Animal People News, tested this claim. By searching the classified dogs-for-sale ads between 1900-1950 on NewspaperArchive.com, they discovered that Huskies and St. Bernards topped the charts. Of the 34 breeds searched, pit bulls ranked 25th.
    Due to the variety of names that pit bulls are known by, Animal People News ran searches on three names: pit bull terrier, Staffordshire, and American bulldog. The combined sum came to 34,770. This is equivalent to 1% of the sampling of nearly 3.5 million breed-specific mentions of dogs.
    Related articles:
    07/20/08: Comment: ASPCA Perpetuates Myth that Pit Bulls Were Once a Popular Family Dog
    11/13/07: Group Asks: How Popular Were Pit Bulls Once Upon a Time?
    9. Pit bulls pass the American Temperament Test
    In 1977, Alfons Ertel10 designed the American Temperament Test in hopes of creating a uniform temperament test for dogs. Since then, about 930 dogs are tested annually. Given that 74.8 million dogs populate the US today,11 it is fair to say that this test is not widely practiced nor recognized as a critical evaluation tool.
    The 12-minute test simulates a casual walk through a park. In a few instances, the dog is required to walk on usual surfaces. The test focuses on stability, shyness, aggressiveness, and a few other factors. Over 80% of all dogs pass, including pit bulls.12 The test is not performed without the dog owner present (unlike the AKC's Canine Good Citizen test). It also fails to evaluate the most basic scenario that leads to aggression: How a dog reacts when it sees another dog.
    Related articles:
    06/17/08: Comment: High Marks on the ATTS Test is Pit Bull Propaganda
    10. Punish the deed not the breed!
    "Punish the deed not the breed," works to the benefit of pit bull breeders and owners who accept the large collateral damage pit bulls inflict on the public. The motto also seeks to place all dog breeds on equal grounds. US courts, dog behaviorists, doctors, statisticians and public safety officials disagree. They instead recognize the grave threat that pit bulls pose to community members and our pets. Like the antiquated echoing of myth #1, "It's the owner not the breed," this last myth lies at the heart of outdated dog policy. The modern answer to this final myth is to develop policy that prevents future victims from being created: Prevent the deed, regulate the breed!
  • อ่านกันเอง ขี้เกียขแปล แต่สรุปง่ายๆ คือข้อมูลที่ boy ออกมาเผยแพร่นั้น มัน ได้มีการพิสูจน์แล้ว ว่า ไม่ใช้ ไม่เป็นจริง เป็นแต่การสร้างเรื่อง สร้างความน่าเชื่อถึอให้กับสายพันธุ์นี้เท่านั้น

    เลิกโกหกกันเถอะ ยอมรับในสภาพที่เขาเป็น พวก หน้าใหม่ๆ ที่คิดจะเข้ามาจะได้ ระมัดระวังมากขึ้น หรือถ้าดีก็เป็นการไล่แขกไปเลย
  • สรุปแล้วมันดุ ใช่ป่ะ

    พ่อจะเลี้ยงไว้กัดคนซะเลย...ซะจาย ๆ
  • เฮ้ย...ไอ่กะทู้แบบนี้พวกมึงพอซักทีเถอะว๊ะ แม่งตั้งซ้ำๆกันอยู่ได้ ไอ่ห่าก่อนจะตั้งมึงโทรคุยกันก่อนได้มั๊ยว๊ะ จะได้ไม่ซ้ำกัน กลัวชาวบ้านเค้าไม่รู้หรือไงว๊ะ หรือว่าพวกมึงจะแข่งกันโชว์ความดัง

    ปล......F u c king...Head
  • ตังมาเผื่อไอ้ผีอย่างมึงจะได้ฉลาดบ้าง อ่านภาษาอังกฤษออกป่าว เดี๋ยวกูจะแปลให้ฟัง มึงจะด่าเป็นภาษาอังกฤษมึงยัง ด่าไม่เป็นเลย น่าสมเพช mother fucker ใช้ไม่เป็นก็ไม่ต้องไปใช้ มันไม่เท่ห์หรอก

    คนฉลาดกว่ามึงเขายังหาความรู้เพิ่มเดิม เสริมความรึุ้วันละนิด ทำเป็นตุ่มน้ำล้นไปได้
  • ไอ่เจ๊สแม่...มึงแปลมาเลย ไม่ต้องมาพ่นหลอก ถ้าไม่แปลอย่าสะเออะมาโชว์พาว์ กูนั่งหน้าจอรอมึงอยู่...สาด...ด่ามึงอีกที...ไอ่เจ๊สพ่อเอ๋ย
  • สรุปแล้ว pit มันรัายกาจ อันตราย มือใหม่ห้ามเลี้ยง
  • อยากรู้คำตอบ ลองโดดเข้ารั้วบ้านคนเลี้ยงพิทบูล ตอนเจ้าของบ้านไม่อยู่ซิครับ
    หรือวิ่งเขาไปในสนามที่เขาล่ามสายกัดตอนเจ้าของเขาไม่อยู่ดูสักครั้ง

    แต่อย่าลืมให้คนถ่ายคลิบเอาไว้ด้วย รอดออกมาแล้วช่วยเอามาเล่าให้เพื่อนๆในนี้ฟังด้วยนะครับ :030:

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    กฏหมายเขาออกมาเพื่อคุ้มครองคนส่วนใหญ่ เขาไม่ฟังเหตุผลของคุณที่เป็นคนส่วนน้อยหรอกครับ
    แทนที่จะมาแก้ต่างให้พิทบูล ผมว่าช่วยกันต่อต้าน คนที่สร้างความเสื่อมเสียให้แก่วงการไม่ดีกว่าหรือ
  • ใจเยนๆๆครับบบบบบบบ


    พี่น้องชาวพิทบูลลลล
  • กลับจากดำน้ำ นั่งกินข้าวก็ประเดิมด้วยข่าวหมาพิตบูลกัดคนทันที งานเข้าแต่หัววัน

    ช่วงนี้มีคนอยากบริจาคพิทบูลเยอะเลย คงเพราะข่าวนี้แน่ๆ
    เซ็งจริงๆ
  • อะไรกันครับ ผมแค่อยากแบ่งปันความรู้และสาระให้กับคนที่ยังไม่รู้ผมไม่ได้เจตนาจะโชว์ POWER อะไรทั้งนั้น



    ปวดหัวครับ ปวดหัว
  • ทำอะไรก็ผิดอะพี่ มาร์ค
    จะหนีก็ไม่ใช่นิสัย จะทำไงดีพี่
  • ทุกอย่างอยู่ที่เจตนาครับ เราเจตนาดีเสียอย่างก็อย่าสนใจเสียงวิจารณ์
    ไม่มีใครทำอะไรได้ถูกใจคนทุกคนหรอกครับ พี่เองก็โดนมามิใช่น้อย ฮ่าๆๆๆๆ

    ถือคติ ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
    ทำดีไม่มีใครเห็น แต่ตัวเราเห็น จงภูมิใจในตัวเอง

    สวัสดีครับ
  • ไอ้ที่ไล่แจก ทิ้งๆๆขว้างๆๆ ผมว่ามันไม่ใช่กระแสความดุร้ายของมันหลอก แต่มันเป็นหมาตกเทรน แล้วทั้งสิ้น ไม่เห็นมีไอ้เตี้ยๆๆ หัวโตๆๆ บริจาคเลย

    ปลาหมอสีเบื่อไม่สวยเหมือนคนอื่นยังทิ้งท่อได้ แต่พิทนี่สิ ทิ้งที่ไหนสงสารมันจัง