ยินดีต้อนรับครับ

ขอแนะนำให้ทุกท่าน สมัครสมาชิก เพื่อป้องกันการแอบอ้างชื่อครับ

Mark Mafia

เอามาให้อ่านแก้เซ็ง เผื่อจะช่วยให้อารมณ์จะดีขึ้น
  • :o001::m000:
    > > ..ทำไม บักหม่อง
    > > ถึงพาเพื่อน..แห่กันไปเที่ยวผับ.. ทีละ 18 คน...
    > > ก็เพราะหน้าผับ .................เขาประกาศไว้ว่า .................ต่ำกว่า
    > > 18 ห้ามเข้าน่ะสิ (!!)
    > > ------------
    > > * บักหม่อง..ไปร้านขายทีวี.. ! ถามคนขายว่า
    > > 'ไม่ทราบว่า..ที่นี่มีทีวีสีขายรึเปล่า?
    > > คนขายตอบว่า..'มี'
    > > บักหม่องเลยบอกว่า .................'งั้นเอาสีเขียวมาเครื่องนึง'
    > > (!!)
    > > ------------
    > > บักหม่อง..เข้าไปเดินดูของในร้านจีฉ่อย
    > > เห็นกระติกน้ำทำจากโลหะอันหนึ่งวางอยู่
    > > บักหม่องถามอาอึ้มว่า
    > > 'อึ้ม.. **ที่วอบแวบสีเงินๆ นั่นอะไร'
    > > อึ้มตอบว่า 'กระติกน้ำไง .................(**ฟาย)'
    > > 'แล้วมันทำอะไรได้มั่ง'
    > > 'ก็ใส่ของร้อน-ก็ร้อนนาน .................ใส่ของเย็น-ก็เย็น นาน'.
    > > บักหม่อง..เห็นว่าน่าสนใจ................เลยตกลงซื้อมาอันนึง
    > > เช้าของวันใหม่..อากาศแจ่มใส
    > > บักหม่อง..ก็เอากระติกน้ำที่เพิ่งซื้อมา..ไปที่ทำ งาน..
    > > ตั้งอวดบนโต๊ะ..อย่างภาคภูมิ
    > > หัวหน้าบักหม่องเห็นเข้า................เลยถามขึ้น
    > > 'อะไรนั่นน่ะ..บักหม่อง'
    > > 'กระติกน้ำครับ'
    > > 'แล้วมันมีอะไรพิเศษรึ'
    > > 'ก็ใส่ของร้อน..ก็เก็บความร้อนได้
    > > หรือใส่ของเย็น..ก็เก็บความเย็นได้'
    > > หัวหน้าเลยถามว่า..
    > > 'แล้วใส่อะไรมาล่ะ'
    > > บักหม่องยืด..ก่อนจะตอบว่า..
    > > 'กาแฟร้อน 2 แก้ว.. กับไอติม 1 ถ้วยครับ'
    > > (!!)
    > > --------------
    > > ทุกครั้ง..หลังถ่ายเอกสารเสร็จ
    > > บักหม่อง..จะเอาฉบับก๊อปปี้-มาตรวจทาน..เทียบกับต้น ฉบับ
    > > เพื่อเช็คดูว่า..มีคำไหนสะกดผิดรึเปล่า
    > > (!!)
    > > --------------
    > > บักหม่อง..จะยิ้มทุกครั้ง................ที่ฟ้าผ่า
    > > เพราะนึกว่า..มีคนกำลังถ่ายรูปเขาอยู่ !!)
    > > -------------
    > > รู้ป่าวว่า...ทำไมบักหม่อง................ถึงกดโทรศัพท์เบอร์ฉุกเฉิน 911)..ไม่ได้
    > > ก็เพราะ.....เขาหาเบอร์ 11 (สิบเอ็ด) .................บนแป้นไม่เจอน่ะสิ
    > > (!!)
    > > -----------------
    > > บักหม่อง..เพิ่งซื้อคอมพิวเตอร์มาใหม่เครื่องหนึ่ง
    > > เล่นไปซักพัก..ก็เจอปัญหา
    > > บักหม่อง..เลยลองกดที่ HELP บนแป้น F1
    > > ผ่านไปพักใหญ่.... บักหม่องหงุดหงิดมาก
    > > เลยโทรไปต่อว่า..ร้านที่เขาซื้อคอมมา
    > > 'ผมกด F1 ตามที่เครื่องบอก.. เวลาที่มีปัญหา
    > > แล้วก็รออยู่เป็นชั่วโมง.. ยังไม่เห็นมีใครมาช่วย เลย'
    > > คนขาย : '(**....)' (!!)
    > > วันรุ่งขึ้น
    > > บักหม่อง : เครื่องคอมพิวเตอร์ คุณนี่ห่วยมากอีกแล้ว น่ะ
    > > ผมเสียเงินซื้อไปตั้งเยอะมีแต่ปัญหาไม่รู้จบ
    > > หน่ำซ้ำ
    > > พอโทรมาสอบถามพนักงานงานขายของคุณ ก็ดันตอบไม่รู้ เรื่อง
    > > ผู้จัดการ : มีปัญหาอะไรให้ดิฉันรับใช้ได้ค่ะ
    > > ( เสียงสั่นเครือมากด้วยอาการที่หวาดกลัวจะถูกลูกค้าด่ากลับ )
    > > บักหม่อง : ก็หน้าจอคอมพิวเตอร์ ของคุณน่ะ
    > > รายงานผลว่า
    > > ซีตุ๊ป - ซีตุ๊ป
    > > ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง
    > > ผู้จัดการ : บอกว่า เธอก็ไม่รู้ว่า ไอ้ซีตุ๊ป-ซีตุ๊ปเนี่ยมันคืออะไร
    > > ช่วงนั้นก็น้ำตาเกือบไหล เพราะกะว่าถ้าตอบปัญหาลูกค้าไม่ได้
    > > ต้องถูกไล่ออกแน่เลยตู
    > > จนกระทั่ง.....
    > > ผู้จัดการ : คุณลองสะกดคำว่า ' ซีตุ๊ป - ซีตุ๊ป ' หน่อยสิคะ
    > > ว่าสะกดอย่างไร
    > > บักหม่อง : S - E - T - U-P - S - E - T - U - P
    > > ผู้จัดการ : คุณนี่ สุดยอด จริง ๆ อ่านได้งัย ซีตุ๊ป ซีตุ๊ป 555!
    > > -------------
    > > บักหม่อง..ไปหาหมอ...ในส ภาพ หูบวมแดงน่ากลัว
    > > หมอถามว่า.. 'ไปโดนอะไรมาครับ'
    > > บักหม่องตอบว่า.. ' ผมกำลังรีดผ้าอยู่.. แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
    > > แต่แทนที่จะหยิบโทรศัพท์มาพูด
    > > ผมดันเผลอ..เอาเตารีดขึ้นมาแนบหูน่ะสิ'
    > > 'โอ้ว..เดียร์'
    > > หมออุทานเป็นภาษาฝรั่ง................ด้วยความเวทนา
    > > 'แล้วหูอีกข้าง..ทำไมถึงแดงเหมือนกันล่ะ'
    > > ..หมอถามต่อ
    > > 'ก็**บ้านั่น...เสือ_ โทร.กลับมาอีกรอบ..อ่ะดิหมอ'
    > > (!!)
    > > ---------------
    > > * หลังจาก...ใช้ความพยายาม................ต่อจิ๊กซอว์อยู่นาน
    > > ในที่สุด..บักหม่องก็ต่อเสร็จ
    > > เขาเอาไปอวดเพื่อน...ด้วยความภูมิใจ
    > > 'เป็นไง ................เนี่ยฉันใช้เวลาต่อ..แค่ 5
    > > เดือนเองนะโว้ย'
    > > เพื่อนบักหม่องงง..ที่เขากล้าอวด
    > > ' 5 เดือนเหรอ ! แถวบ้านฉันเรียกว่า..!
    > > โคตรนานเลยนะนั่น'
    > > 'แกนี่ไม่รู้อะไร'
    > > บักหม่อง..ไม่ยอมลดละ
    > > 'ดูที่กล่องนี่ ................เห็นมั้ย .................มันบอกว่า...
    > > 'สำหรับ 4-7 ปี'
    > > แต่..ฉันใช้เวลาแค่ 5 เดือนเองนะเฟ้ย..(!!)
    > > อ่านจบแล้วก้ออย่าแอบอมยิ้มคนเดียวล่ะ แจกให้....คนอื่นยิ้มบ้างนะ

    :m073:
  • ฮามากๆๆคร๊าบ พี่Mafia
    ไฟล์แนบ
    kong52.jpg 120K
  • ขอบคุณครับ ได้ยิ้มแต่เช้าเลยวันนี้
  • :005:มีเหมือนกันครับ:006:
    ณ หมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่ง มีศาลเพียงตาศักดิ์สิทธิ ประจำหมู่บ้าน เป็นที่เคารพของคนทั้งหมู่บ้าน ใครมีเรื่องอะไร ถ้ามาบนบานศาลกล่าว เป็นต้องได้ตามประสงค์

    ทิดอ่ำ คนปากไม่ดี ไม่ค่อยเชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ และก็ทะเลาะกับแม่ยายประจำ วันหนึ่ง ควายทิดอ่ำหายไป ตามยังไงก็ไม่เจอ สงสัยคงโดนขโมย ทิดอ่ำและครอบครัวเดือดร้อน เมียก็มาต่อว่าทิดอ่ำ แม่ยายก็บังคับให้ไปบนที่ศาล ทิดอ่ำก็ไปด้วยความไม่เต็มใจ อธิฐานในใจ แม่งถ้าได้ควายคืน จะเล่นแม่ยายสักที

    เช้าวันรุ่งขึ้น ไอ้ควายตัวดีของทิดอ่ำ ก็เดินกลับมา ทิดอ่ำและครอบครัวต่างก็ดีใจ แม่ยาย ก็พร่ำบอกเห็นไหม ไอ้ควายอ่ำ เองได้ควายคืน เพราะเอ็งไปบนที่ศาล เห็นไหม เอ็งรีบไปแก้บนด้วยล่ะ ไม่งั้นเอ็งต้องมีอันเป็นไปแน่ๆ แต่ทิดอ่ำก็อ้ำอึ่ง เมียก็มาคาดคั้น ทำไมพี่ไม่ไปแก้บนซ่ะทีล่ะ ทิดอ่ำก็บอกว่าแกปากพล่อย ไปบนว่าจะเล่นแม่ยาย เมียก็มาบอกแม่ยาย แม่ยายก็ด่าได้ควายอ่ำ ไอ้ปากหมา บนอะไรไม่เข้าท่า แต่ด้วยจำยอม กลัวลูกเขยเป็นอะไรไป เพราะกำลังเป็นกำลังสำคัญของบ้าน จึงยอม

    ทิดอ่ำ ก็มากราบแม่ยาย แล้วก็ปฏิบัติกิจ พอเสร็จปั๊บก็รีบขอโทษแม่ยาย แล้วรีบมุดมุ้งออกมาทันที ขณะกำลังจะพ้นมุ้ง แม่ยาย ก็คว้าข้อมือทิดอ่ำอย่างแรง แล้วถามว่า ไอ้อ่ำ เอ็งคิดให้ดีๆ แน่ ว่าเอ็งบนไว้กี่ทีกันแน่
  • :006:ขอบคุณมากนะคะที่ทำให้อารมณ์ดี
  • กร๊ากๆๆๆอย่าง ฮา :m117:
  • :031:ขอบคุณค่ะพี่ เรื่องน่ารักดีค่ะ อ่านให้น้องๆที่ออฟฟิตฟังด้วย:005::005:
  • :013:แก้เหงาดีครับ...:013:
  • 555....ครับพี่ สถานะการณ์บ้านเมืองที่ร้อนๆคงเบาลงเพราะมุขนี้น่ะครับ...555...:062::062::006:
  • ผมชอบธรรมมะจากหลวงพ่อคูณอันนี้มาก ตรงๆง่ายๆ แต่แฝงด้วยข้อคิด
    ไฟล์แนบ
    Drumma.jpg 48K
  • ลูกที่รักแม่ทุกท่านควรอ่านให้จบ

    "เมื่อฉันแก่ตัวลง"
    เป็นบทความที่ดีและน่าอ่านเพื่อเป็นข้อเตือนใจสำหรับลูกๆทุกคน

    ได้รับเรื่องนี้จากเพื่อน และเห็นว่าน่าจะเป็นข้อเตือนใจสำหรับ

    คนที่เป็นลูกทุกคน ทั้งที่อยู่ใกล้พ่อแม่และห่างไกลกับท่าน

    เพราะบ่อบครั้งที่เรามักลืม ตระหนักถึงความรักของพ่อแม่ และ

    อาจเผลอทำร้ายความรู้สึกของท่านโดยไม่ตั้งใจ


    เป็นเรื่องเล่าของลูกผู้ชายชาวจีนคนหนึ่ง ซึ่งเมื่อเติบโตขึ้นต้องมี

    ภารกิจเดินทาง และตั้งถิ่นฐานอยู่ไกลจากพ่อแม่ แต่ก็มักติดต่อ

    พูดคุยทางโทรศัพท์กับแม่อยู่เสมอ


    แม่มักจะบอกเขาว่า "ไม่ต้องห่วงแม่" ไม่ต้องกลับมาเยี่ยมบ่อยๆ

    เพราะจะสิ้นเปลืองเงินทอง ยิ่งพูดก็ยิ่งซ้ำๆซากๆ เขารู้ดีว่า

    แม่เริ่มคิดถึงเขามาก


    จนกระทั่งปีนึงที่แม่มีอายุครบ 75 เขาจึงตั้งใจจะกลับไปเยี่ยมแม่

    โดยตั้งใจว่าจะอยู่ด้วยสัก 1 เดือน ขอเป็นเพื่อนแม่เพียงอย่างเดียว


    พอบอกข่าวนี้ให้แม่ทราบ แม้จะมีเวลาอีกตั้ง 2 เดือนเศษ แม่ก็เริ่ม

    เตรียมตัวในการกลับมาเยี่ยมบ้านของลูก แม่ดึงเอาสมุดบันทึกมาจด

    สิ่งที่ต้องตระเตรียม แม่เตรียมรายการอาหารที่ลูกชอบ รื้อเอาผ้าห่มที่ลูก

    เคยชอบห่มมาปะชุนใหม่ สำหรับคนอายุ 75 เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย


    พอลูกกลับถึงบ้าน ตอนอยู่บนเครื่องบิน เคยตั้งใจว่าจะขอกอดแม่

    ให้ชื่นใจสักครั้ง แต่พอมาเห็นแม่ แม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า ผอมแห้ง

    หน้าตาเหี่ยวย่น ช่างไม่เหมือนแม่ คนก่อนหน้านี้เลย


    แม่ใช้เวลาเป็นชั่วโมงเตรียมอาหารที่ลูกเคยชอบ โดยที่หาทราบไม่ว่า

    ลูกไม่ได้ชอบอาหารแบบนั้นแล้ว และเพราะแม่ตาไม่ค่อยดี รสชาติ

    อาหารจึงแย่มากๆ บางจานก็เค็มจัด บางจานก็จืดสนิท ผ้าห่มที่แม่อุตส่าห์

    เตรียมให้ ทั้งหนาทั้งหยาบ ไม่สบายกายเลย แม่หารู้ไม่ว่า เดี๋ยวนี้ลูก

    นอนห้องแอร์ และใช้ผ้าห่มขนแกะแล้ว แต่เขาก็ไม่บ่นอะไร

    เพราะเขาตั้งใจจะกลับมาเป็นเพื่อแม่จริงๆ


    สองสามวันแรก แม่ยุ่งอยู่กับเรื่องจิปาถะ จนไม่มีเวลาพักผ่อน

    พอเริ่มได้พัก แม่ก็เริ่มพูดมาก สอนโน่นสอนนี่ พูดแต่ปรัชญาเก่าๆ

    ซึ่งปรัชญาเหล่านั้น 10 กว่าปีก่อนก็เคยพูดแล้ว พอลูกบอกให้ฟังว่า

    ปรัชญาเหล่านั้นไม่ทันสมัยแล้ว แม่ก็เริ่มนิ่งเงียบ และเศร้าซึม


    เหตุการณ์เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ เขาพบว่าสุขภาพแม่แย่ลง โดยเฉพาะสายตา

    บางครั้งเขาพยายามชวนแม่ไปกินอาหารนอกบ้าน แม่ก็บอกอาหารข้าง

    นอกไม่สะอาด เมื่อเขาบอกแม่ว่าจะหาคนรับใช้มาช่วยแม่สักคน

    แม่ก็โวยวายว่า แม่เองยังสามารถทำงานได้ เขาเลยพูดไม่ออก

    พอเขาจะออกไปช็อปปิ้ง แม่ก็จะตามไปด้วย ทำเอาวันนั้น

    ทั้งวันไม่ได้ซื้ออะไรเลย


    เมื่อเขาคุยกับเพื่อนในเรื่องทันสมัย แม่ก็หาว่าพวกเขาเพี้ยน เขาก็เริ่ม

    บอกแม่อย่างไม่ค่อยเกรงใจว่า แม่นี่มันสมัยใหม่แล้ว แม่ก็ต้องหัดมอง

    โลกในแง่ใหม่ๆบ้าง ช่วงครึ่งเดือนหลังที่อยู่กับแม่ เขาเริ่มขัดแม่มากขึ้น

    เรื่อยๆ และรู้สึกรำคาญเพิ่มมากขึ้น แต่แม่ลูกเขาก็ไม่เคยทะเลาะกันนะ

    พอเขาขัดแม่ แม่ก็หยุดกึกลง ไม่พูดไม่จา นัยน์ตามีแววเหม่อลอย

    โรคซึมเศร้าแบบคนแก่ของแม่ชักหนักขึ้นเรื่อยๆ
  • ได้เวลาที่เขาจะเดินทางกลับ แม่ดึงกล่องกระดาษกล่องหนึ่งออกมา

    ในนั้นเป็นข่าวหนังสือพิมพ์ที่แม่ตัดเก็บไว้ ในช่วงที่เขาไม่อยู่

    แม่เริ่มสนใจข่าวสารบ้านเมือง ทุกครั้งที่มีข่าวตึงเครียดในจังหวัดนั้นๆ

    แม่จะต้องตัดข่าวเก็บไว้ ตั้งใจจะมอบให้เขา ตอนที่เขากลับมา แม่พูด

    อยู่เสมอว่า อยู่ไกลบ้านต้องระวังตัวให้มากๆ


    แม่ดึงเอาปึกกระดาษข่าวนั้นออกมาอย่างยากลำบาก วางใส่ในมือเขา

    เหมือนของวิเศษชิ้นหนึ่ง มันหนักมาก เขาเริ่มรู้สึกลำบากใจ เพราะเขา

    ไม่อยากนำกลับไป มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เขารู้ว่าแม่เก็บมันด้วย

    ความยากลำบาก แม่สายตาไม่ค่อยดี ต้องใช้แว่นขยายอ่านได้วันละ 2

    หน้าก็เก่งแล้ว นี่ยังตัดเก็บได้ขนาดนี้


    ทันใดนั้น มีข่าวแผ่นหนึ่งปลิวหลุดลงมา แม่รีบเอื้อมไปหยิบ แต่แทนที่

    แม่จะเก็บเข้ากองเดิม แม่กลับพับเก็บไว้ในกระเป๋าของตัวเอง เขารู้สึกเอะใจ

    เลยถามว่า "แม่ นั่นกระดาษอะไร ขอผมดูหน่อยนะ" แม่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง

    จึงล้วงออกมาวางบนข่าวปึกนั้น แล้วหุนหันเข้าครัวไปทำกับข้าวทันที


    เขาหยิบแผ่นข่าวนั้นขึ้นมาดู มันเป็นบทความบทหนึ่งชื่อว่า

    "เมื่อฉันแก่ตัวลง" ตัดจากหนังสือพิมพ์เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2004

    เป็นช่วงที่เขาเริ่มเถียงกับแม่ถี่มากขึ้นทุกที บทความนี้คัดมาจาก

    นิตยสารฉับหนึ่งของแม็กซิโก ฉบับเดือนพฤศจิกายน

    เขาอ่านบทความนั้น รวดเดียวจบทันที


    เมื่อฉันแก่ตัวลง ไม่ใช่ฉันที่เคยเป็น

    ขอโปรดเข้าใจฉัน มีความอดทนต่อฉันเพิ่มขึ้นอีกสักนิด

    ตอนฉันทำแกงหกใส่เสื้อตัวเอง

    ตอนฉันลืมวิธีผูกเชือกรองเท้า

    ขอให้คิดถึงตอนแรกๆ ที่ฉันใช้มือสอนเธอทำทุกอย่าง

    ตอนฉันเริ่มพร่ำบ่นแต่เรื่องเดิมๆที่เธอรู้สึกเบื่อ

    ขอให้อดทนสักนิด อย่าเพิ่งขัดฉัน

    ตอนเธอยังเล็กๆ ฉันยังเคยเล่านิทานซ้ำๆซากๆ

    ที่เธอชอบฟังจนหลับไป

    ตอนฉันต้องการให้เธอช่วยอาบน้ำให้ อย่าตำหนิฉันเลย

    ยังจำตอนที่เธอยังเล็กๆ ฉันต้องทั้งออดอ้อน

    ทั้งปลอบเพื่อให้เธอยอมอาบน้ำได้ไหม


    ตอนฉันงงกับวิทยาการใหม่ๆ อย่าหัวเราะเยาะฉัน

    จำตอนที่ฉันเฝ้าอดทน ตอบคำถาม "ทำไม ทำไม"

    ทุกครั้งที่เธอถามได้ไหม


    ตอนฉันเหนื่อยล้า จนเดินต่อไม่ไหว

    ขอจงยื่นมือที่แข็งแรงของเธอออกมาช่วยพยุงฉัน

    เหมือนตอนที่ฉันพยุงเธอให้หัดเดิน

    ในตอนที่เธอยังเล็กๆ


    หากฉันเผอิญลืมหัวข้อที่กำลังสนทนากันอยู่

    ให้เวลาฉันคิดสักนิด ที่จริงสำหรับฉันแล้ว

    กำลังพูดเรื่องอะไรไม่สำคัญหรอก

    ขอเพียงมีเธออยู่ฟังฉัน ฉันก็พอใจแล้ว


    ตอนเธอเห็นฉันแก่ตัวลง ไม่ต้องเสียใจ

    ขอให้เข้าใจฉัน สนับสนุนฉัน

    ให้เหมือนตอนที่ฉันสนับสนุนเธอ

    ตอนเธอเพิ่งเรียนรู้ใหม่ๆ

    ตอนนั้นฉันนำพาเธอเข้าสู่เส้นทางชีวิต

    ตอนนี้ขอให้เธอเป็นเพื่อนฉัน เดินไปให้สุดเส้นทาง

    ให้ความรัก และอดทนต่อฉัน

    ฉันจะยิ้มด้วยความขอบใจ

    ในรอยยิ้มของฉัน มีแต่ความรัก

    อันหาที่สิ้นสุดมิได้ของฉัน ที่มีให้กับเธอ


    สุดท้าย เท่าที่ทราบ ลูกชายก็ตัดสินใจไม่ขนสัมภาระบางอย่างกลับไป

    แต่ขนหนังสือพิมพ์ที่แม่เขาตัดไว้ให้ทั้งหมดไปด้วย


    ทุกคนทราบ ทุกคนรู้ดี ทุกคนเห็นด้วย พ่อแม่รักเรา

    แต่จะสักกี่คน ที่สามารถดูแลท่านได้ดีเสมือนหนึ่งที่

    ท่านได้ให้เรา หรือกระทำต่อท่านให้ดีกว่าที่เราได้รับ


    อ่านแล้วน้ำตาซึม ก็หวังว่าบทความนี้จะช่วยเตือนสติให้แก่คนบางคน ให้โปรดคิดสักนิดก่อนจะด่าพ่อแม่ใคร
    และก็หวังว่าจะช่วยลดการด่าพ่อด่าแม่กันในบอร์ดแห่งนี้

    ท้ายสุด ขอให้ลูกกตัญญูทุกคน ประสบกับความสำเร็จในหน้าที่การงาน สุขภาพแข็งแรง และโชคดีมีความสุขตลอดไป
    :039::039::039:
  • ซึ้งครับ..:o061::o061:
  • ...แบ่งกันฮา...
    เรื่องมีอยู่ว่า มีลูกสาวกำนันคนหนึ่งเป็นคนหน้าตาดี เซ็กซี่ที่สุดในหมู่บ้าน
    และทุกวันลูกสาวกำนันคนนี้ ต้องไปอาบน้ำที่คลองหลังบ้านทุกวัน ซึ่งเธอไม่รู้เลย
    ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งมาแอบดูเธออาบน้ำแทบจะทุกวัน แต่วันนี้เธอสังเกตุเห็นผู้ชายคนดังกล่าว
    อยู่หลังพุ่มไม้ เธอจึงไม่ยอมขึ้นจากน้ำ จนผู้ชายคนดังกล่าวรอไม่ไหวจึงเดินออกไปหา
    แล้วบอกว่า " อยู่ในน้ำนานๆไม่กลัวไอ้เข้มาหรือ" ฝ่ายลูกสาวกำนันจึงตอบกลับไป
    ทันทีว่า " ไอ้เข้อ่ะ นานๆมันมาที...แต่ไอ้เหี้ย มันมาทุกวันเลย..... :062::062::062: