ยินดีต้อนรับครับ

ขอแนะนำให้ทุกท่าน สมัครสมาชิก เพื่อป้องกันการแอบอ้างชื่อครับ

Mark Mafia

ขอชื่นชมคนเลี้ยงพิทบูลทุกท่าน
  • เนื่องจากผมติดตามการตอบคำถาม และการตั้งคำถาม มีการพัฒนาการไปในทางที่ดีขึ้น

    มีการตอบแบบตรงประเด็น ไม่ค่อยมีการด่ากันเกิดขึ้น มีเหตุมีผลมากขึ้น

    นั่นแสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะของคนในเว็บครับ ดูสมกับเป็นผู้เลี้ยงพิทบูลที่แท้จริง

    ขอยกย่องครับ ถ้าใครมีอะไรจะเสนอ ก็เชิญร่วมลงความคิดเห็นได้เลยครับ

    ผมจะหาบทความที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงมาให้อ่านกันเล่นๆ แต่ใช้ได้จริงครับ
  • ในด้านที่มืดย่อมมีแสงสว่าง ในแสงสว่างย่อมมีจุดที่มืดเป็นธรรมดา

    อย่างที่เห็นคนดีก็มี คนไม่ดีก็มี มันมีกันทุกสังคม อยู่ที่เราจะใส่ใจกับมันไหม ก็เท่านั้น
  • แล้วเมื่อก่อนใช้ ชื่ออะไรครับ ถึงโดนด่าประจำ
    ผมว่ามันขึ้นอยู่กับคำถาม ไอ้ประเภท กระทู้ล่อเป้า มันก็น่าให้ น้าผี ด่า
    คนในเว็บ มัน ก็รวม ทั้ง คน ถาม คน ตอบ คนอ่าน

    ไอ้ประเภท ไม่ ค้น ไม่ หา ถามลูกเดียว เห่า กัด มีเยอะ ปลงปลง ซะเหอะ
    ใครใคร่ตอบ ก็ตอบ

    ไม่ใช้ชื่อเดิม แล้ว เปลี่ยน เป็น ชื่อนี้ ก็อาจโดน เหมือนกัล

    กระทู้นี้ ไม่แน่ ก็อาจโดน ครับ

    ก็อีกหนึ่งความเห็น.......
  • ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับ

    ก็อย่างที่บอกไป คนที่ทำผิด แล้วรู้จักแก้ไข

    ก็สมควรให้อภัยไม่ใช่เหรอครับ

    ทุกๆคนก็เคยทำผิดกันทั้งนั้น

    ถ้าไม่มีคนทำความผิดก็ไม่มีคนดีหรอกครับ
  • สำหรับผู้เลี้ยงเจ้าตัวน้อยสี่ขา ไม่ว่าจะเป็นมะหมาหรือแมวเหมียว การดูแลเอาใจใส่สุภาพสัตว์เลี้ยงของคุณถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนที่ไม่ควรละเลยคะ วิธีที่คุณจะสามารถดูแลเจ้าสี่ขาให้สุขภาพดีสดใส ร่าเริง ปราดเปรียว ห่างไกลโรคต่างๆ นั้น มีวิธีดูแลที่คุณไม่ควรลืมและทำเป็นประจำ ดังนี้
    1. เช็ดหู (Ear Clean) ข้างในหูจะมีสารเคลือบที่คล้ายขี้ผึ้งอยู่ เรียกว่า ?Ear Wax? ถ้ามีสะสมมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดไรในหู และอาจเกิดอาการคัน สำหรับการทำความสะอาดควรทำเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง นอกจากจะทำให้หูสะอาดแล้ว ยังช่วยลดภาวะหูอักเสบได้อีกด้วยคะ
    2. แปรงฟัน(Brush Teeth) ในระยะยาวหินปูนสามารถส่งผลให้เกิดการอักเสบของไต และกล้ามเนื้อหัวใจได้คะ การแปรงฟันก็เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ที่จะช่วยลดคราบ Plaque ซึ่งเป็นปัจจัยในการเกิดหินปูน อีกทั้งยังเป็นการช่วยลดการเกิดกลิ่นปากคะ สำหรับการแปรงฟันคุณควรแปรงให้เค้าเป็นประจำอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง
    3. บีบต่อมก้น(Anal Gland) ต่อมก้นเป็นถุงที่อยู่ข้างๆก้นของมะหมาและแมวเหมียวคะ มีไว้เก็บสารคัดหลั่ง ปกติแล้วมะหมาหรือแมวเหมียว จะปล่อยสารคัดหลั่งปนออกมาตอนถ่ายอุจจาระ แต่ก็มีมะหมาหรือแมวเหมียวหลายตัวที่มีการสะสมไว้ จนกระทั่งเกิดการอักเสบและกลายเป็น?ฝี? ดังนั้นคุณจึงควรทำการตรวจและบีบต่อมก้นอย่างน้อยเดือนละ 1-2 ครั้งคะ
    4. ตัดเล็บ(Nail Cut) เล็บเป็นแหล่งที่สะสมเชื้อโรคได้ง่าย แถมยังทำให้เดินไม่ถนัดและอาจลื่นล้มได้เพราะฉะนั้นคุณควรหมั่นตรวจ และตัดเล็บอย่างสม่ำเสมอ ทุกๆ1-2 เดือนคะ
    5. กำจัดเห็บหมัด Tick & Flea Prevention) ตัวเล็กๆแต่กวนใจทั้งเจ้าของและสัตว์เลี้ยง พิษสงเหลือร้าย ทั้งดูเลือด ทั้งเป็นพาหะนำโรคพยาธิเม็ดเลือด ที่ทำให้สัตว์เลี้ยงย่ำแย่ เห็นทีต้องกำจัดให้อยู่หมัด โดยใช้ยาป้องกันหยดให้ที่หลัง เดือนละ 1 ครั้งคะ
    6. ป้องกันพยาธิหัวใจ(Heartworm Prevention) พยาธิหนอนหัวใจ เป็นพยาธิตัวกลมที่มี ?ยุง? เป็นพาหะและมีตัวอ่อน 5 ระยะ ตัวเต็มวัยของพยาธิหนอนหัวใจ จะอาศัยอยู่ในหัวใจห้องล่างขวา สัตว์เลี้ยงที่มีพยาธิหนอนหัวใจ จะมีอาการไอแห้งๆ เหนื่อยง่าย ถ้าเป็นมากๆ ตับกับม้ามจะโต ท้องกาง ถ้าเป็นหนักอาจถึงขั้นหัวใจล้มเหลว ดังนั้นเจ้าของควรป้องกันเป็นประจำ โดยการให้ยาเดือนละ 1 ครั้งคะ
    7. ฉีดวัคซีน(Vaccine) ต้องได้รับการฉีดกระตุ้นเป็นประจำทุกปีอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนรวม 5 โรค (ไข้หัด, ลำไส้อักเสบ, ตับอักเสบ, หลอดลมอักเสบ, ฉี่หนู) และวัคซีนพิษสุนัขบ้า เพราะนอกจากจะป้องกันตัวสัตว์เลี้ยงแล้ว ยังเป็นการป้องกันการติดมาสู่คนด้วยคะ
  • เพื่อให้ทริปการท่องเที่ยวลัลล้า กับสัตว์เลี้ยงแสนรัก เป็นไปอย่างราบรื่น ก่อนออกจากบ้านคุณต้องเตรียมให้พร้อมก่อนเดินทางนะคะ

    เที่ยวรอบเมือง

    TIP 1 ระวังหลงทาง ...

    อย่าลืมว่าการเดินทาง คุณกับสัตว์เลี้ยงอาจเกิดการพลัดหลงได้ทุกเมื่อ ยิ่งไปสถานที่ๆ มีคนมากมายด้วยแล้วละก็ สิ่งที่คุณต้องไม่ลืมใส่ให้สัตว์เลี้ยงแสนรักของคุณก็คือ ปลอกคอที่แข็งแรงทนทาน อ้อ...ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้น ควรจดชื่อที่อยู่พร้อมเบอร์โทรศัพท์สำหรับติดต่อกรณีพลัดหลงไว้ที่ปลอกคอด้วยค่ะ หรือ จะยิ่งดี ถ้าสัตว์เลี้ยงของคุณไมโครชิฟ ซึ่งเหมือนบัตรประจำตัวสัตว์เลี้ยงที่ฝังอยู่ใต้ผิวหนังซึ่งถ้าหากมีการพลัดหลง ไมโครชิฟก็จะบอกได้ชัดเจนว่า เป็นสัตว์เลี้ยงของคุณ ถ้ามีใครไปเจอะเจอจะได้พากลับบ้านได้แบบไม่ผิดฝา ผิดตัวยังไงละคะ

    TIP 2 สัตว์เลี้ยงก็เมารถเป็น

    บางคนเมารถและสัตว์เลี้ยงก็เมารถได้เหมือนกัน ลองสอบถามจากสัตว์แพทย์หรือผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับการบำบัดรักษาโรคเมารถในสัตว์เลี้ยง แต่ถ้าคุณไม่แน่ใจว่าสัตว์เลี้ยงของคุณเมารถหรือไม่ ก่อนออกจากบ้าน ควรหลีกเลี่ยงอาหารหรือให้อาหารแค่เล็กน้อยเท่านั้นค่ะ แต่ที่ขาดไม่ได้คือน้ำค่ะ ถ้าจะให้ดีควรพกกกระติกน้ำติดตัวไปด้วยตลอดเอการเดินทาง แต่ถ้าจะให้สะดวกหรือแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ใช้น้ำแข็งแทนก็ได้นะคะ เซึ่งจะดีในแง่ไม่ทำให้เค้าสำลักน้ำค่ะ และถ้าสัตว์เลี้ยงของคุณไม่คุ้นเคยหรือเคยชินกับการเดินทาง ควรหยุดพักให้เค้าเป็นระยะทางสั้นๆและให้คำชมเชยเค้าหน่อย เพื่อสร้างกำลังใจระหว่างเดินทางค่ะ

    TIP 3 ปรับอุณหภูมิเหมาะสม

    มะหมาหรือสัตว์เลี้ยงอื่นไม่สามารถบอกคุณได้ว่า ตอนนี้เค้าร้อนหรือว่าหนาว ดังนั้นควรระวังเรื่องอุณหภูมิสำหรับเค้าด้วย บางทีในช่วงอากาศเย็นๆ พวกเรายังต้องใส่เสื้อแจ๊กเก็ต มะหมาก็ควรมีผ้าห่มของเค้าด้วยนะคะ หรือ ถ้าบางวันที่ร้อนอบอ้าวหน่อย ก็เปิดหน้าต่างหรือเร่งแอร์ให้เค้า เพื่อไม่ให้เค้าร้อนจนเกินไป ซึ่งอาจทำให้เป็นการสูญเสียน้ำ ควรมีที่บังแดดเพื่อไม่ให้โดนแดดโดยตรง

    ออกนอกเมือง

    TIP 4 เตรียมและวางแผนสำหรับสัตว์เลี้ยงของคุณ

    สัตว์เลี้ยงเค้าก็เหมือนกับเราที่ชอบความสะดวกสบายของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นที่นอนของเค้าเอง ของเล่น แปรงทำความสะอาด แม้กระทั่งถ้วยข้าวของเค้า ถ้าเป็นไปได้ก็ควรเอาของเหล่านี้ติดไปด้วย เก็บถ้วยน้ำของเค้า ยารักษาโรค ยาประจำตัวของเค้า รวมทั้งก๊อปปี้บัตรประจำตัวเค้าติดตัวไปด้วย และยิ่งไปกว่านั้นก็คือนำอาหารของเค้าที่เค้ากินประจำ อีกทั้งเตรียมน้ำจากบ้านสำหรับเค้าด้วย เผื่อในกรณีฉุกเฉินหรือ เพื่อสัตว์เลี้ยงคุณจะได้ไม่ท้องร่วงกรณีที่ทานน้ำข้างนอกบ้าน ถ้าคุณวางแผนไว้ว่าจะพักที่โรงแรมกับเค้าด้วย ควรแน่ใจว่ามีบริการสำหรับสัตว์เลี้ยงของคุณและรู้กฎระเบียบของที่นี่ด้วย

    TIP 5 ให้เค้าได้หยุดพักหน่อย

    ขาของมะหมาก็เหมือนของเราที่ขาเค้าต้องมียืดเข้งยืดขา ออกกำลัง ทั้งยังต้องการดื่มน้ำ ให้เค้านอนใต้โต๊ะอาหารขณะที่คุณทานอาหารกลางวัน การใช้เวลากับเค้าอาจจะทำให้คุณได้เห็นสิ่งที่น่าสนใจระหว่างเดินทางก็ได้
  • สัตว์เลี้ยงอาจมีพลังจิตก็เป็นได้ พวกมันดูจะล่วงรู้เวลาเจ้าของ กำลังกลับบ้าน ถึงพลัดหลง ขณะออกไปเที่ยวไกลเป็นร้อยๆ ไมล์ก็ยังกลับมา หาเจ้าของถูก และดูจะสังหรณ์ได้ล่วงหน้า ว่ากำลังจะเกิดเหตุร้าย

    หรือทั้งหมดนี้เป็นเพียงเพราะพวกมันมีประสาทสัมผัสที่เฉียบ คมกว่าคนเรา?

    หลายคนอาจเคยได้ยินได้ฟังเรื่องราวในทำนองต่อไปนี้มาแล้ว

    - นังเหมียวโดดขึ้นไปนั่งเสนอหน้าอยู่ตรงขอบหน้าต่างก่อนเจ้า ของจะถึงบ้านหลายนาที

    - เจ้าตูบเห่าเพียงชั่วอึดใจก่อนเสียงกริ่งโทรศัพท์ดังขึ้น อย่างกับมันรู้ว่ากำลังมีคนโทร.มาที่บ้าน

    - นกแก้วที่ถูกสอนจนพูดได้แล้วมักพูดอะไรสอดคล้องกับสิ่งที่ เจ้าของกำลังคิดอยู่ในใจ

    - สัตว์เลี้ยงที่พลัดหลงขณะไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวเจ้า ของสามารถหาทางกลับบ้านได้ ซึ่งบางทีมันต้องระหกระเหินไกลหลายร้อย หรือหลายพันไมล์เลยทีเดียว

    เหตุการณ์พวกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? สัตว์เลี้ยงของเราหรือ กระทั่งสัตว์ต่างๆ ทั้งหมดมีพลังจิตที่สามารถรับคลื่นสมองของคนเราได้อย่าง นั้นหรือ? หรือว่าพวกมันมีประสาทสัมผัสที่ไวต่อทัศนวิสัย กลิ่นอายต่างๆ คลื่นแม่เหล็ก และสภาพแวดล้อมที่เร้นลับนานามากกว่ามนุษย์ แต่ความที่คน เราไม่ละเอียดอ่อนเท่าพวกมัน เลยนึกว่าพวกมันมีปาฏิหาริย์?

    เรื่องนี้ยังเถียงกันไม่จบระหว่างฝ่ายที่เชื่อในพลังจิตกับฝ่ายที่เชื่อ ในวิทยาศาสตร์กระแสหลัก

    รูเพิร์ต เชลเดรค เจ้าของหนังสือ ?หมามันรู้เมื่อเจ้าของจะกลับ บ้าน? หรือ Dogs That Know When Their Owners Are Coming Home เชื่อว่า สัตว์มีความสามารถบางอย่างที่มนุษย์เองก็เคยมี ทว่าได้สูญเสียไป

    หลังจากค้นคว้ารวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับพลังจิตของสัตว์เลี้ยง อย่างกว้างขวาง เชลเดรคสรุปว่า สัตว์มีญาณที่ไม่อาจอธิบายได้อยู่สามประ การด้วยกัน นั่นคือ

    - โทรจิต ความเชื่อมโยงทางจิตที่สัตว์เลี้ยงบางตัวมีกับเจ้า ของของมัน โดยผ่านสิ่งที่เขาเรียกว่า ?สนามพลังของสัตว์? ความสามารถนี้ เองที่ทำให้สัตว์เลี้ยงล่วงรู้ว่าเจ้าของกำลังกลับมาบ้าน

    - สัมผัสเรื่องทิศทาง ความสามารถข้อนี้เป็นที่มาของ ?การ เดินทางอันเหลือเชื่อ? ของสัตว์เลี้ยงที่มุ่งหน้าคืนสู่อ้อมกอดของเจ้าของ

    - สังหรณ์ พลังลี้ลับที่อธิบายได้ว่าทำไมสัตว์บางชนิดจึงดูจะรู้ ล่วงหน้าว่า กำลังจะเกิดแผ่นดินไหว หรือหายนภัยอื่นๆ

    เราลองมาดูกันทีละเรื่องดีกว่า

    โทรจิต : หมารู้ใจเจ้าของทะลุปรุโปร่ง

    ในตอนที่ว่าด้วยโทรจิตนั้น เชลเดรคยืนยันว่า ความสามารถนี้ เกิดจากความผูกพันอันลึกซึ้งที่ก่อตัวขึ้นระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยงของครอบครัว

    เขาอ้างถึงคำบอกเล่าของผู้เลี้ยงหลายต่อหลายราย ซึ่งเชื่อว่า สัตว์เลี้ยงของตัวเองสามารถรู้ใจเจ้านายได้อย่างแจ่มแจ้งแทงตลอด ดังตัว อย่าง..

    ?ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่า เจ้าจินนี่ สุนัขลูกผสมที่ผมเลี้ยงมา นาน 7 ปี รู้ได้อย่างไรเวลาผมจะพามันออกไปเดินเล่น แค่ผมคิดเท่านั้น มันกระโดดโลดเต้นใหญ่เลย?

    ?จะว่ามันมองตาผมแล้วรู้ใจ หรือได้รับสัมผัสอย่างอื่น ก็ไม่น่าใช่ เพราะเวลาที่ผมปล่อยมันไว้ในสวน ประตูหน้าต่างบ้านปิดหมด แล้วผมเกิดนึกเรื่องพามันไปเดินนอกบ้านขึ้นมา มันก็ยังทำท่าลิงโลดอีกเหมือ นกัน?

    ?แต่เวลาผมแต่งตัวจะไปทำงาน มันนอนหมอบเฉยทีเดียว?

    บางคนอาจบอกว่า หมามันสัมผัสได้ถึงเบาะแสบางอย่างจาก เจ้าของ โดยที่เจ้าของเองไม่รู้ตัว อาจเป็นกลิ่นบางอย่างที่ร่างกายของเจ้าของ ขับออกมาโดยที่เจ้าตัวไม่รู้

    แต่ที่อธิบายยากกว่าก็คือ กรณีแมวตัวหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์ที่ ดูเหมือนมันจะรู้เวลามีคนกำลังจะโทร.มาที่บ้าน

    ?หลังจากพ่อผมปลดเกษียณ พ่อทำงานหารายได้พิเศษในเมือง อาร์โก บางทีพ่อก็โทร.มาหาพวกเราตอนค่ำๆ ก่อนเสียงโทรศัพท์จะดังขึ้นราว 1 นาที เจ้าแมวไม่ยอมอยู่นิ่งๆ เลย มันจะโดดแผล็วไปนั่งข้างๆ โทรศัพท์?

    ?บางทีคุณพ่อขึ้นรถไฟมาลงที่เมืองบิเอล แล้วขับมอเตอร์ไซค์ เล็กกลับบ้าน เจ้าแมวจะออกไปนั่งรอหน้าประตูบ้านก่อนพ่อมาถึงครึ่งชั่ว โมง?

    ?หลายครั้งคุณพ่อมาถึงเมืองบิเอลเร็วกว่าปกติ แล้วโทร.จากที่ นั่นมาหาพวกเรา เจ้าแมวจะเสนอหน้ามานั่งข้างๆ เครื่องก่อนที่เสียงโทรศัพท์ จะดังขึ้นเล็กน้อย พอผมวางหู มันก็จะออกไปนั่งรอหน้าบ้าน?

    ?เหตุการณ์เหล่านี้เกิดไม่เป็นเวลาแน่นอน แต่เจ้าแมวก็ดูจะรู้ว่า ตอนนั้นพ่อกำลังอยู่ที่ไหน และอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป
  • เรื่องราวของสัตว์เลี้ยงที่เดินทาง อย่างลำบากสาหัสสากรรจ์ กลับมาหาเจ้าของได้ เป็นกรณีที่สุดแสน จะเหลือเชื่อ ในบรรดาพลังลึกลับต่างๆ ของสัตว์

    ข้อมูลที่จะเล่าต่อไปนี้ยังคงนำมาจากหนังสือ ?หมามันรู้เมื่อ เจ้าของจะกลับบ้าน? ของรูเพิร์ต เชลเดรค

    สัมผัสเรื่องทิศทาง : สัญชาตญาณพื้นๆ หรือสัมผัสที่หก?

    ก่อนที่เชลเดรคจะอภิปรายในเรื่องนี้ เขาได้เกริ่นถึงบรรดานก อพยพและสัตว์ที่ต้องมีการอพยพทุกปีในชนิดต่างๆ ซึ่งได้ใช้เส้นทางเดิมๆ มานานนับร้อยนับพันปี

    วิทยาศาสตร์บอกว่า เรื่องนี้เป็นพฤติกรรมที่เกิดจากสัญชาต ญาณ (เอาเข้าจริงๆ แล้ว สัญชาตญาณคืออะไรกันล่ะ?) คือ สัตว์มันกำหนด จดจำภูมิประเทศสำคัญๆ ตามเส้นทาง หรือตำแหน่งของดวงอาทิตย์ และอาจรวมทั้งดวงดาวต่างๆ กลิ่นที่ลอยมาตามลมและน้ำ และอาจรวมถึง แรงแม่เหล็กโลกที่พวกมันสามารถรู้สึกได้ด้วย

    หนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมคำบอกเล่ามากมายเกี่ยวกับสัตว์ที่ สามารถสำเหนียกได้ว่ามันกำลังใกล้จะถึงบ้านแล้วหลังจากไปเที่ยวไกลๆ มา

    เรื่องแบบนี้วิทยาศาสตร์คงบอกว่า เป็นเพราะพวกมันมองเห็น ภูมิประเทศที่คุ้นตา ได้กลิ่นที่คุ้นเคย หรือแม้กระทั่งสังเกตเห็นท่าทางที่เปลี่ยน แปลงไปของคนเป็นเจ้าของขณะกำลังจะถึงบ้าน

    แต่กรณีที่จะเล่าต่อไปนี้ เราจะอธิบายอย่างไร

    ?พ่อตาของผมมีฟาร์มเล็กๆ แกเลี้ยงสุนัขตัวหนึ่งไว้คอยเฝ้าอยู่ที่ นั่น มันชื่อสุลต่าน วันหนึ่งแกเกิดล้มป่วย ถูกหามขึ้นรถพยาบาลนำส่งโรง พยาบาล สองสามวันต่อมาแกก็เสีย เราฝังศพแกที่สุสานในท้องถิ่น ห่างจากฟาร์ม 5 กิโลเมตร?

    ?หลังจากฝังศพแล้ว เจ้าสุลต่านหายหน้าไปหลายวัน เราแปลกใจกันมาก เพราะมันไม่เคยหลงทาง?

    ?วันหนึ่ง ลูกจ้างในฟาร์มซึ่งพักอยู่ใกล้ๆ สุสานนั้น มาบอกเรา ว่า ?วันก่อนฉันเดินลัดสุสาน เห็นเจ้าสุลต่านนอนเฝ้าอยู่ที่หลุมศพของครอบ ครัวคุณแน่ะ??

    ?ผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่า ทำไมมันถึงหาทางไปสุสานถูก เพราะรอยเท้าของเจ้าของที่จะให้ตามแกะรอยก็ไม่มี แล้วมันก็ไม่เคยถูก พาไปที่นั่นมาก่อนเลย ขนาดในทุ่งมันยังไม่เคยไป เพราะมันถูกกักไว้ให้เฝ้า บ้าน แล้วมันหาหลุมศพเจ้าของเจอได้อย่างไร?

    สังหรณ์ของสัตว์ : เตือนภัยเจ้าของล่วงหน้า

    ในส่วนนี้ เชลเดรคสำรวจความเป็นไปได้ที่ว่า สัตว์บางตัว สามารถเตือนเราล่วงหน้าได้ถึงเหตุร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น

    ที่พบบ่อยที่สุดก็คือ สัตว์เลี้ยงดูจะรู้เมื่อเจ้านายของมันกำลังจะ ชักด้วยโรคลมบ้าหมู ซึ่งอธิบายง่ายๆ ได้ว่า เป็นอาการไฟฟ้าลัดวงจรชั่ว คราวภายในสมองของผู้ป่วย ทำให้กล้ามเนื้อเกร็ง หายใจขัด และบางครั้งก็ หมดสติ

    ความสามารถที่ว่านี้เกิดจากสังหรณ์ของมัน หรือเป็นเพราะว่า มันมีสัมผัสที่ไวเป็นพิเศษต่ออาการสั่นกระตุกของกล้ามเนื้อแม้เพียงเล็กน้อย พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป หรือกระทั่งกลิ่นที่เจ้าของของมันปล่อยออกมา ก่อนจะชักโดยไม่รู้ตัว?

    เชลเดรคบอกว่า สุนัข แมว หรือแม้กระทั่งกระต่าย มีความ ไวต่อเหตุการณ์ที่ว่านี้

    เขายังสงสัยด้วยว่า สัตว์จะมีความไวต่อโรคต่างๆ ของเจ้าของ ด้วยหรือเปล่า

    เชลเดรคได้เล่ากรณีตัวอย่างหลายกรณีที่ชี้ว่า สัตว์เลี้ยงบางตัว ได้เตือนผู้ป่วยโรคเบาหวานเมื่อน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยลดต่ำ และบางตัวดู จะรู้ว่าเจ้าของเป็นมะเร็งตรงจุดไหน ก่อนที่เจ้านายของมันจะได้รับการ วินิจฉัยจากแพทย์ตั้งนาน

    สัตว์บางชนิดยังดูจะรู้ด้วยว่า กำลังจะเกิดแผ่นดินไหว

    ก่อนที่แผ่นดินจะไหวจริงๆ มักมีคนเห็นหนูและงูหนีออกมา จากโพรง ม้าและสัตว์ในฟาร์มชนิดอื่นๆ ทำท่าแตกตื่น และนกบินหนีจาก บริเวณที่กำลังจะเกิดเหตุไปทั้งฝูง

    กรณีนี้ดูจะเป็นเพราะสัมผัสที่ละเอียดอ่อนอย่างยิ่งยวดต่อสภาพ แวดล้อมมากกว่าจะเกิดจากความรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างแท้จริง

    สัตว์อาจสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่มนุษย์ไม่รู้สึก กลิ่นต่างๆ รวมทั้งคลื่นแม่เหล็กและไฟฟ้าที่เกิดจากความเครียดภายในโลกก็ เป็นได้

    อย่างไรก็ตาม ที่อธิบายยากกว่านี้ก็คือ กรณีที่สัตว์เลี้ยงดูจะ ล่วงรู้ถึงเหตุร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเจ้าของของมัน

    เชลเดรคมีตัวอย่างในประเด็นนี้มากมาย รวมทั้งในเรื่องนี้

    ?เช้าวันหนึ่ง สุนัขของผม เจ้าโทบี้ พยายามขัดขวางไม่ให้ผม ออกจากบ้าน มันวิ่งชนตัวผม ยืนพิงประตู กระโดดตะกุยผม แล้วผลักผม?

    ?ธรรมดามันเป็นหมาเงียบๆ น่ารัก และรู้กิจวัตรประจำวันของ ผมดี ผมจะกลับมาภายใน 4 ชั่วโมง?

    ?ผมเลยดึงมันไปขังไว้ในห้องครัว ปล่อยให้มันหอนอย่างโหย หวน ซึ่งมันไม่เคยทำมาก่อนเลย?

    ?ผมออกจากบ้านเวลา 07.30 น. พอถึง 09.40 น. ผมก็ถูกรถชน เต็มแรง กระดูกคอร้าว แขนขวาหัก แล้วยังบาดเจ็บตามเนื้อตัวอีกหลายแห่ง?

    ?ต่อไปผมจะฟังเจ้าโทบี้?

    แหม! อ่านแล้วนึกถึงคำว่า ?จิ้งจกทัก? ขึ้นมาติดหมัด!?!
  • ชีวิตจริงคือคุนต้องเจอหนักกว่านี้เยอะ
    ในโลกอินเตอร์เนต ก็ไม่มีอะไรต้องซีเรียสมากมายขนาดนั้นครับ..
  • เริ่มชินกับคำด่า ถือเป็นพัฒนาการอย่างนึงด้วยไหมครับ 5555 +++
  • ขอแนะนำ การหัดให้สุนัขคุ้นเคยกับไก่ เพือไม่ให้มันกัดไก่ครับ (ผมยังไม่ได้ลองเลย) เพิ่งไปอ่านมา

    ทำอย่างนี้ครับ....
    ....สุนัขตัวเล็กๆจะฝึกง่าย แต่ตัวใหญ่ก็ฝึกได้บางตัว จึงไม่แน่ใจว่าจะได้หมดทุกตัว

    การที่สุนัขไปกัดไก่ของเขา แสดงว่ามันอาจจะนึกสนุกคะนอง หรือกัดมากินก็ได้ ผมก็เลยทดลอง
    โดยเอาไก่มาเลี้ยงเสียเอง แล้วค่อยๆสอน โดยเอาลูกไก่บ้าง ไก่รุ่นบ้าง ไปเล่นไปคลุกคลีกับสุนัข
    พอมันทำท่าจะกัด ก็คอยดุ ทำท่าจะตีมัน ให้สุนัขรู้ว่า อย่ากัดไก่นะ ทำอย่างนี้บ่อยๆ จนสุนัข
    เกิดความเคยชินกับการห้าม ก็น่าจะแก้ได้นะครับ ถ้าไม่ได้ ก็เป็นกรรมของเขานั่นแหละ อาจจะ
    เจอดีเข้าสักวัน
  • ลักษณะของสุนัขที่ดี

    วิธีการสังเกตดูลักษณะของสุนัขที่ดี มีดังต่อไปนี้

    1. ส่วนหัวไม่มีรอยยุบ บวม หัวมีลักษณะสมดุลกัน

    2. ตา ทั้ง 2 ข้าง มีขนาดเท่ากันทั้ง 2 ข้าง มีประกาย สดใส สนใจในสิ่งแวดล้อม

    3. หู ตรงตามลักษณะของสายพันธุ์ รูปร่างได้ขนาด ไม่เป็นแผล

    4. จมูกชื้นเป็นมัน จับดูต้องเย็น เวลาเดินต้องดมกลิ่นไปด้วย

    5. ปากและฟันต้องไม่ฉีกหรือแหว่ง เหงือกสีชมพูสดใส ฟันมีการเรียงตัว เป็นระเบียบ

    6. ผิวหนังมีความยืดหยุ่น เวลาดึงผิวหนังขึ้นแล้วปล่อยต้องคลายตัวทันที ไม่มีรังแค

    7. ขนเป็นประกายเงางามอ่อนนุ่ม

    8. ลำตัว ควรเป็นทรงกระบอก อกมีกล้ามเนื้อแข็งแรง ไหล่ 2 ข้าง สมดุลกันท้องไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป

    9. ทวารหนัก ต้องไม่บวมหรือแดง ไม่ควรมีเศษอุจจาระติดโดยรอบ

    10. เท้าขนานกันเวลายืน ปลายเท้าไม่บิดเข้าหรือออก ปลายนิ้วไม่งุ้ม ขาหลังไม่ลาดเอียงเกินไป

    11. อวัยวะสืบพันธุ์ เพศผู้ต้องตรวจดูว่ามีลูกอัณฑะครบ 2 ข้าง เพศเมียต้องตรวจรูอวัยวะสืบพันธุ์ปกติ

    12. ท่าทางและอารมณ์ควรจะร่าเริง ขี้เล่น อยากรู้อยากเห็น

    สุนัขมีความต้องการต่างๆดังนี้

    - ที่อยู่อาศัยและการปกป้องรักษา

    - อาหารที่ถูกต้องตามหลักอนามัยในปริมาณที่เหมาะสม

    - น้ำดื่มที่สะอาดดื่ม

    - การออกกำลังกายทุกวันอย่างสม่ำเสมอ

    - เพื่อนเล่น
  • ขอโทษนะครับ ลืมบอกไป บทความข้างต้นเอามาจากเค้าอีกทีครับ

    ไม่ได้ใส่ตัวอ้างอิง ขอโทษด้วยครับ
  • ผมว่ากระทู้นี้ดูแปลกๆ
    ลงแป็ป เดียว 3 ชม มีคนเปิด หนึ่ง พัน กว่าคน มันเป็นไปไม่ได้ ครับ

    มันไม่ปกติ
    สาเหตุ.............
  • ผมนั่งกดเล่นๆเองครับ ไม่มีอะไรมากครับ ขอโทษด้วยครับที่ทำให้สงสัย

    พอดีกดไปกดมาแล้วมันมือ ยอดมันพุ่งถึงพัน ที่จริงคนเข้ามาดูไม่เยอะหรอกครับ

    ขอโทษอีกทีครับ
  • ความรู้ทั้งนั้นใครจะไม่อยากดูครับ
    ชื่นชมครับๆ
    อยากให้มีกระทู้ดีๆแบบนี้เยอะๆ
    ดีครับดี...หนับหนุน
  • ขอบคุณครับ สำหรับคำชม ถ้าผมเจอบทความดีๆแล้วจะพยายามหามาโพสในกระทู้ของคนอื่นๆนะครับ โพสตอบคำถาม คงไม่ตั้งกระทู้เองหรอกครับ มันเป็นสาระทั่วไปครับ ถ้าใครมีเวลาว่างก็อ่านครับ เพราะบางที ก็ใช้ได้จริง ความรู้ไม่มีวันที่จะหมดหรอกครับ ถ้าพยายามหาความรู้มากๆครับ ขอขอบคุณในความคิดเห็นนะครับ
  • คลิกเล่น 20-30 ก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอก

    ล่อไป เกือบ พันครั้ง ทำเอง ยอมรับแล้ว ก้ ไม่รู้เล่น อะไร เพื่ออะไร ครับ

    กระทู้ จะติด ฮอท ถ้ามันดี จริง เดี๋ยวคน ก็มาดูเอง

    มีชื่อ ใช้ชื่อ ตัวเองดีกว่า
    เดี๋ยวผี เดี๋ยวตัวตน อย่าทำเลย
    เคยมีหลายคน ทำ และก็หายหน้า หายตาไปเลย เพราะอะไร คนในอดีตคงรู้ดี เป็นผู้หลักบักใหญ่ เสียหมาเลย

    พูดง่ายๆ ไม่อยากให้พลาด

    สาระเอา มาลงบ่อย ดีครับ
  • ครับขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ แล้วผมจะนำไปปรับปรุงครับ
  • http://www.youtube.com/watch?v=ayzSLoOA7As
  • ผมก็รู้สึกแบบเดียวกับเจ้าของกระทู้ครับ
    พวกแปลกปลอมค่อยๆหายไปทีละคนสองคน
    คนรุ่นใหม่ๆ เดี๋ยวนี้ ไฟแรง กล้านำเสนอมากขึ้น

    แสดงว่าเราเดินมาถูกทางแล้วครับ