ยินดีต้อนรับครับ

ขอแนะนำให้ทุกท่าน สมัครสมาชิก เพื่อป้องกันการแอบอ้างชื่อครับ

Mark Mafia

ประวัติกางเกงยีนส์
  • image

    ยีนส์มีกำเนิดมาหลายร้อยปีแล้วอย่างที่ตั้งข้อ สงสัยจริง ๆฝรั่งเรียกยีนส์ว่า บลูยีนส์ (Blue Jeans) เพราะยีนส์มีสีโทนน้ำเงินมาแต่กำเนิด ไม่ได้มีสีต่าง ๆ ให้เลือกอย่างในปัจจุบัน

    ผ้ายีนส์ขนานแท้เป็นผ้าฝ้ายลายสอง ใช้สำหรับตัดเย็บเสื้อผ้าใส่ทำงานที่ต้องการความทนทาน ผ้ายีนส์ทั่วไปทอจากเมืองเจนัว (Genoa) ประเทศอิตาลี แต่ช่างทอผ้าชาวฝรั่งเศสเรียกเมืองนี้ว่า แชน(Genes) อันเป็นที่มาของคำว่า ยีนส์ นั่นเอง

    อย่างไรก็ดีต้นกำเนิดของยีนส์นั้นดำเนินควบคู่มากับประวัติของช่างเสื้อวัย ๑๗ ที่ชื่อลีวาย สเตราส์ (Levi Strauss) ซึ่งอพยพมาอยู่ซาน ฟรานซิสโก ในยุคเฟื่องของเหมืองทอง ราวทศวรรษที่ ๒๓๙๓-๒๔๐๓ แต่แทนที่เขาจะร่วมเสี่ยงโชคขุดทองดังวัตถุประสงค์ของผู้คนทั้งหลายที่หลั่ง ไหลเข้าชาน ฟรานซิสโก ด้วยสายตานักธุรกิจที่กว้างไกลเขากลับนำผ้าใบมาขาย ซึ่งตรงกับความต้องการของตลาดในช่วงนั้นมาก นักขุดทองพากันซื้อผ้าใบมาใช้เป็นเต็นท์และใช้คลุมรถ ความฉลาดเฉลียวของพ่อหนุ่มคนนี้ยังมองเห็นช่องทางอื่นอีก เขารู้ว่าคนที่ทำงานในเหมืองต้องการกางเกงที่เหมาะกับลักษณะงานลุยมาก เขาจึงนำผ้าใบซึ่งทนต่องานหนัก ๆ ได้ดีมาใช้ตัดเย็บเสื้อกางเกง

    ถึงแม้กางเกงจากฝีมือของเขาจะหยาบและผ้าก็กระด้าง แต่บรรลุความต้องการใช้งานได้ดียิ่ง ทำให้สเตราส์กลายเป็นช่างที่ทุกคนเรียกหา

    ในต้นทศวรรษที่ ๒๓๙๔-๒๔๐๔ เขาได้เปลี่ยนจากผ้าใบมาใช้ผ้าฝ้ายที่มีเนื้อนุ่มกว่า เป็นผ้าที่ทอจากเมืองนีม ประเทศฝรั่งเศส ชาวยุโรปเรียกผ้าชนิดนี้ว่า แซร์จ เดอ นีม (Serge de nimes) แต่คนอเมริกันเรียกเป็น เดนิม (denim) นายสเตราส์ยังค้นพบด้วยว่า สีของผ้าเดนิมซึ่งเป็นสีฟ้าครามช่วยปิดบังรอยเปื้อนดินได้ดี ดังนั้นสินค้าปรับปรุงใหม่ของเขาจึงขายดิบขายดีไม่ยิ่งหย่อนกว่าเก่า พวกคาวบอยซึ่งต้องการกางเกงที่กระชับจะใช้วิธีใส่กางเกงแล้วลงไปแช่ในราง ซึ่งใส่น้ำไว้ให้ม้ากิน จากนั้นจึงลุกมานอนตากแดดให้ผ้าเดนิมหดเข้ารูป

    ถึงผ้าเดนิมจะขาดยาก แต่ลูกค้าคนงานในเหมืองก็ยังติว่า ฝีเย็บกระเป๋ามักจะแตกเพราะต้องใส่เครื่องมือหนัก ๆ สเตราส์จึงแก้ปัญหาด้วยการหยิบยืมความคิดของช่างเสื้อชาวยิว-รัสเซีย ผู้หนึ่ง ชื่อ จาคอบ ดาวิส ในปี ๒๔๑๖ เขาจึงใช้หมุดทองแดงติดย้ำที่ตะเข็บกระเป๋า และที่ฐานของสาบกางเกงเพื่อกันตะเข็บปริขณะนั่งร่อนทอง

    แต่หมุดทองแดงก็ก่อปัญหาใหม่ขึ้น เพราะคนงานเหมืองไม่ค่อยอินังขังขอบกับการสวมกางเกงใน เวลานั่งผิงไฟยามค่ำคืนหมุดทองแดงจะร้อนและไหม้ผิว การใช้หมุดทองแดงจึงต้องเลิกราไป

    ส่วนหมุดที่กระเป๋าใช้กันอยู่จนถึงปี ๒๔๘๐ จึงเลิกไปด้วยเหตุผลคนละอย่าง กล่าวคือ สมัยนั้นเด็ก ๆ ใส่ชุดยีนส์ไปโรงเรียน หมุดที่กระเป๋าหลังจึงขูดขีดโต๊ะเก้าอี้ไม้เป็นรอย ต้องซ่อมแซมกันเป็นการใหญ่ยีนส์ปรากฏหลักฐานการเข้าสู่วงการแฟชั่นในปี ๒๔๗๘ ด้วยการลงโฆษณาในหนังสือโว้ค เป็นภาพผู้หญิงที่เป็นที่รู้จักกันดีในวงสังคมสองคนสวมยีนส์ทรงคับ ดึงแนวโน้มแฟชั่นให้เป็น 'เท่แบบตะวันตก' แต่ความคลั่งไคล้ในช่วงนั้นยังไม่อาจเทียบกับช่วงทศวรรษที่ ๒๕๑๓-๒๕๒๓ ซึ่งมีการประชันขันแข่งการออกแบบชุดยีนส์กันอย่างเข้มข้น กางเกงยีนส์จึงเปลี่ยนหน้าที่จากการรับใช้งานหนักมาเป็นกางเกงสำหรับใส่ เล่น จนถึงกับทำให้เกิดอุตสาหกรรมมูลค่าหลายพันล้าน ยีนส์ยี่ห้อดังบางยี่ห้อขายได้ถึง ๒๕๐,๐๐๐ ตัวต่อสัปดาห์ทีเดียว
  • ใครชอบ ใส่กางเกงยีนส์ ยกมือ ขึ้นนนนนนนน อิอิ
  • เคยได้ยินมาว่า กางเกงยีนส์นั้น มาจาก กางเกงจีน ที่คนงานเหมืองที่อเมริกาตัดเย็บขึ้นเพื่อใส่ทำงานในเหมืองถ่านหิน โดยใช้ผ้าหนาๆ มาทำเป็นกางเกง ส่วนรูปทรงนั้น ก๊อปเอามาจากกางเกงของคนจีน แล้วต่อมาจึงพัฒนาเรื่อยมาจนกลายเป็นกางเกงยีนส์ในปัจจุบัน
  • กางเกงยีนส์ + เสื้อยืด = แฟชั่นที่อมตะ...:067:
    ไฟล์แนบ
    DSC05491.JPG 112K
  • โห...เท่มาก...
  • ของผมมีแต่ยีนส์จากแม่สายครับ...:020:
  • ผมเห็นยีนส์จัสตินตัวนี้ อยู่ที่ เซ็นลาดอ่ะ

    แต่ตอนนี้เซ็นลาดปิดอยู่คงไม่เห็นและ