ยินดีต้อนรับครับ

ขอแนะนำให้ทุกท่าน สมัครสมาชิก เพื่อป้องกันการแอบอ้างชื่อครับ

Mark Mafia

เอามาฝาก อยากให้อ่าน ยาวหน่อยแต่มีประโยชน์
  • เด็กข้างเตียง กับคำพ่อสอน

    เทคนิคการสอนลูกของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ หรือท่านประธานของลูกๆ ที่บอกว่าเมื่อไหร่สวมบทท่านประธานก็จะดุ ต้องเตรียมข้อมูลให้พร้อมตอบอยู่เสมอ ถ้าตอบไม่ได้ก็ต้องทำตัวลีบๆ แล้วไปหาคำตอบมารายงานใหม่

    แต่ถ้าเป็นบทบาทคุณพ่อ จะเป็นคุณพ่อใจดีที่คอยสอนและให้คำแนะนำที่ดีเสมอ คุณบีเล่าว่าตอนเด็กๆ คุณแม่เป็นคนที่สอนไม่ให้ดูถูกคน สอนให้อ่อนน้อมถ่อมตน อย่าง พี่เลี้ยงเราต้องยกมือไหว้หมด อาละวาดไม่ได้ ตีพี่เลี้ยงไม่ได้ ต้องให้เกียรติคน คุณแม่บอกว่าคุณแม่มาจากฐานะยากจน เคยถูกคนอื่นดูถูก จะสอนเราเรื่องพวกนี้

    ส่วนคุณพ่อ สอนให้เรามองตัวเองตลอด เวลามีความ ผิดพลาดก่อนที่จะมองคนอื่นให้มองตัวเองก่อน ตั้งแต่เด็กๆ มีหลายเรื่องที่คุณพ่อสอน และติดเป็นนิสัย ซึ่งมีประโยชน์มากๆ ตอนโต

    ทุกคืนจะเป็นเด็กข้างเตียง ไปเกาะเตียงคุณพ่อเล่าโน่นเล่านี่ คุณพ่อจะสอนว่า ทุกวันตอนนั่งรถกลับจากโรงเรียน ให้คิดว่าวันนี้ไปพูดจาใจร้ายกับใครหรื อเปล่า ทำตัวไม่ดีหรือเปล่า ไปทำตัวให้ใครเสียใจหรือเปล่า ก็มาเล่าให้คุณพ่อ ฟังว่าวันนี้เปิดกระโปรงเพื่อน หรือว่าเถียงคุณครู หรือไปช่วยคุณยายขายขนม ท่านเป็นคนที่ encourage ให้ทำเรื่องดีๆ ท่านก็จะชื่นชมถ้าเราไปทำเรื่องดีๆ พอเล่าเสร็จ ท่านจะเอาเรามากอด แล้วบอกว่า ฉลาดที่สุดเลย เก่งที่สุดเลย ทำให้เราที่ตัวเล็กๆ หัวใจคับตัว ทำให้เราคิดแต่จะทำความดี

    หรือถ้าไปทำเรื่องไม่ดี ท่านก็จะสอนว่า พอรู้ว่าเป็นความไม่ดี ให้คิดต่อว่าแล้วพรุ่งนี้จะไปแก้ตัวว่าอย่างไร จะปรับปรุงอย่างไร อย่างเช่นเปิดกระโปรงเพื่อน วันพรุ่งนี้ไปขอโทษ เอาขนมไปให้

    ตอนแรกๆ ก็เริ่มจากการ analyse ตัวเองทุกวันว่า เราทำอะไรไม่ดี แต่พอเราได้รับคำชมเรื่องดีๆ เยอะๆ ความคิดก็เริ่มคิดที่จะทำความดีๆ ไปโรงเรียนก็พกดินสอไปเยอะๆ เผื่อใครลืมดินสอก็เอาไปให้เขา

    นิสัยจากที่ถูกสอนให้เราได้วิเคราะห์ตัวเองทุกวัน เวลาเราตัดสินใจ ผิด หรือตัดสินใจเรื่องนี้ขาดทุนยับเยิน หรือบางทีใช้อารมณ์กับลูกน้อง กลุ้มใจ พอคิดถึงสิ่ง ที่เราถูกฝึกมา ก็จะเตือนตัวเองว่าอย่ากลุ้มใจนาน เอาคืนไม่ได้แล้ว คิดต่อว่าพรุ่งนี้จะไปแก้ปัญหาอย่างไร

    การวิเคราะห์ตัวเองทุกวันให้อยู่กับความเป็นจริง เป็นนิสัยที่เป็นประโยชน์มากๆ

    อีกเรื่องที่คุณพ่อสอน คือ สอนให้เห็นข้อดี ของคน วันหนึ่งมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งมาหาคุณพ่อ ตอนเด็กๆ เราจะรู้สึกว่าเพื่อนคนนี้ไม่ดีเราไม่คบ และผู้ใหญ่คนนี้มีพฤติกรรมบางอย่างที่เราไม่ชอบ แต่เราเดินผ่านคุณพ่อเห็นจะเรียกเรามาสวัสดี และจะชื่นชมเขาให้ฟังต่อหน้าเขา วันหนึ่งกล้ามาก ถามคุณพ่อว่าคนนี้ไม่เห็นดีเลย ทำไมคุณพ่อไปชมเขา แกล้งชมหรือเปล่า เหมือนไม่จริงใจหรือเปล่า ซึ่งตอนนั้นไปเรียนหนังสือที่อเมริกาแล้ว (ไปเรียนที่ อเมริกาตอนอายุ 14 ปี)

    ท่านก็อธิบายให้ฟังว่าคนเราทุกคนมีทั้งข้อดีและข้อไม่ดี ท่านถามว่าสมมติมีเพื่อนที่ชอบนินทา ถามว่าบีจะคบไหม บีฟันธงว่าไม่คบ ท่านถามต่อว่าเพื่อนคนเดียวกันนี้เป็นคนใจอ่อน เห็นใครไม่สบาย ใครมีปัญหาไปช่วยเสมอ ถามว่าบีจะคบไหม ก็เริ่มลังเล แต่ก็ยืนยันว่าไม่คบ ท่านก็ส อนว่า ต้องคบคนในเรื่องที่เขาดี ต้องรู้จักชื่นชมในสิ่งที่เขาดี ในเมื่อเขามีน้ำใจช่วยเหลือทุกคน เราต้องเห็นความดีตรงนี้ของเขา ขณะที่เรื่องไม่ดีของเขา ชอบนินทา ก็ต้องรู้จักคบเขา เรื่องอะไรที่ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องให้เขาฟัง หากเราไปเล่าให้ฟัง ถ้าเขาไปเล่าต่อก็ต้องเขกหัวตัวเอง

    ท่านก็ยกตัวอย่างอีกว่าสมมติมีผู้ชายคนหนึ่ง เป็นขโมย บีก็บอกว่าไม่ดีแน่นอน และผู้ชายคนเดียวกันนี้กตัญญูมากๆ มีแม่ไม่สบาย ดูแลแม่ ป้อนข้าวป้อนน้ำ เงินที่ได้มาก็รักษาแม่ ถามว่าเป็นคนไม่ดีหรือเปล่า อันนี้เริ่มลังเล ท่านบอกว่า

    ในมนุษย์ทุกคนมีข้อดีและไม่ดี เราต้องสามารถมองเห็นข้อดีของคน ข้อไม่ดีของคน

    ท่านบอกว่าท่านชมคนท่านชมจากใจจริง หากเราไม่จริงใจกับคน ชมเขา 3 ครั้งเขา ก็รู้ เพราะมนุษย์มี sense เพราะฉะนั้น เราต้องชมในเรื่องที่เป็นจริง ท่านสอนว่ามนุษย์รู้ว่าตัวเองเก่ง ไม่เก่ง หรือถนัด ไม่ถนัดเรื่องอะไร เขาจะ sense ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องรู้ว่าข้อดีของเขาคืออะไร ต้องหาให้ได้ และหากจ ะชมเขา เราต้องชื่นชมเขาอย่างจริงใจ

    ท่านสอนว่าเรื่งความไม่ดีของคนอย่าไปพูด ความดีเหมือนผ้าขาว ดูง ่าย แต่ความไม่ดีเหมือนสีดำ และถ้าเราไม่รู้จริง และไปว่าคน เท่าเป็นการทำร้ายเขา คือความไม่ดี ไม่ต้องพูด ให้รู้เพื่อระวัง และสอนไม่ให้อคติ คือท่านบอกว่ามนุษย์ทุกคนมีความไม่ดี อย่าไปโกรธ อย่าไปอคติ แต่ให้เราทำดีเป็นหลัก
  • ตอนไปเรียนที่อเมริกา ถูกฝรั่งแกล้ง เป็นเพื่อนผู้หญิงรุ่นเดียวกัน เขาดูถูกเราตลอด เป็นนักเรียนคนเดียวที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ถูกแกล้ง เอาหนังสือไปทิ้งบ้าง เดี๋ยวถูกขโมยกล่องดินสอบ้าง เดินชนบ้าง และผู้หญิงคนนี้ชอบทำหน้ารังเกียจเราบางทีก็มาด่าเราด้วย และเราไม่ชอบผู้หญิงคนนี้มาก

    แต่ด้วยที่ศรัทธาคุณพ่อมาก ตอนแรกๆ ไม่ได้เชื่อคำสอน 100% แต่คิดว่าถ้าทุกคนมีความดี ผู้หญิงคนนี้มีความดีอะไร ก็เริ่มทำตัวเหมือนนักสืบอยู่หลายเดือน สะกดรอย พยายามหาข้อดีของเขา สังเกตว่าเขาไปทำอะไร เขามีข้อไม่ดี เช่นจีบผู้ชายหลายคน ชอบโดดเรียน แต่เราบังคับตัวเองว่าต้องหาข้อดีให้เจอ คิดว่าจะต้องไปรายงานคุณพ่อ สิ่งสุดท้ายที่เห็น ผู้หญิงคนนี้มีเพื่อนคนหนึ่ง ที่เดี๋ยวก็ร้องให้ เดี๋ยวก็มีเรื่องกับคนอื่น เป็นคนที ่อ่อนแอมากๆ และผู้หญิงคนนี้รักเพื่อนมากๆ ต่อให้เรียนอยู่ก็โดดเรียน เดตกับผู้ชายอยู่ก็มาดูแลเพื่อนคนนี้ ทำให้เห็นข้อดีของเขา ถ้าหากให้เราโดดเรียนมาปลอบเพื่อน ถามตัวเองทำได้หรือเปล่า แต่สิ่งที่เขาทำให้เพื่อนเขา เราก็ชื่นชมเขา พอเริ่มเห็นข้อดีของเขาเราก็เริ่มๆ เปลี่ยนมุมมอง ไม่เกลียดเขา เราก็ไม่เป็นทุกข์

    หลังจากนั้นฝึกตัวเอง เชื่อว่าทุกอย่างฝึกได้หมด พอไม่ชอบขี้หน้าใคร ก็ต้องหาข้อดีให้เจอ ทำมาจนอายุ 24 ปี ประมาณ 10 ปีเต็ม ทำแบบไม่รู้ตัว จนมีวันหนึ่งเมื่อเรียนจบ นั่งคุยกับเพื่อน เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง มีเพื่อน2คนเขาบอกว่าไม่จริง บอกว่าทุกคนจะต้องมีข้อดี เขาเริ่มโยนชื่อเพื่อนสมัยเรียนขึ้นมา เราก็สามารถตอบข้อดีได้หมด วันนั้นทำให้คิดว่าเรื่องนี้มีอยู่ในเราแล้ว 10 ปีที่ฝึกอย่างจริงจัง มันเห็นผล มันเป็นการชำระใจ บีดูแลใจตัวเองมากๆเลย พยายามไม่โกรธ ไม่เกลียดใคร พยายามไม่ให้ทุกข์ข้ามคืน ทบทวนทุกวันว่าทำอะไร

    คุณพ่อสอนว่าเวลาคนมาว่าเรา มาด่าเรา จะไปโกรธเขาทำไม เพราะเวลาคนมาว่าเรา มีเหตุผลอยู่ 2 ข้อ 1.เขาคงเข้าใจผิด เขาจึงมาโกรธเรา ถ้าเข้าใจผิดเราก็หาทางไปชี้แจง จะไ ปโกรธตอบทำไม 2.เราต้องไปทำอะไรเขาจริงๆ ซึ่งเราอาจจะทำโดยไม่ตั้งใจ ท่านบอกว่าไปขอโทษเขาเสีย มานั่งโกรธเขาไม่ถูก

    มีช่วงหนึ่งที่มีข่าวว่าท่านเยอะ ช่วงที่ทำโทรศัพท์ 3 ล้านเลขหมาย เคยถามท่านว่า ทำไมถึงมีคนว่ามากขนาดนี้ ตอนนั้นเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสุดท้าย เพื่อนเอาหนังสือ พิมพ์มาให้ดู เขียนด่าครอบครัว สาปแช่งว่าโกงกินประเทศชาติ ตอนนั้นเรียนจบ นัดกับเพื่อนว่าก่อนจบจะไปเที่ยวกัน ก็มีเพื่อนของเพื่อนอีกที ไม่รู้จักกัน เขาบอกว่าถ้าทริปนี้มีบีด้วยเขาไม่มา เขาไม่คบกับตระกูลนี้ที่โกงกินประเทศชาติ มันแย่มาก วันหนึ่งก็มาถามคุณพ่อว่าทำไมเขามาว่าเราขนาดนี้ คุณพ่อไม่พูดอะไรที่เป็นลบ ท่านบอกว่าเขาเข้าใจผิด เขาพยายามทำหน้าที่ของเขาคือรักษา ผลประโยชน์ให้ประเทศชาติ และหลังจากนั้นเวลาที่บีอยู่ในกลุ่ม ซี.พี. หากมีใครว่าอะไรก็จะบอกว่าคุณพ่อบอกว่าอย่างนี้ ไม่ต้องไปโกรธเขา ไม่ต้องไปว่าเขา

    คุณพ่อเป็น role model สิ่งที่อยากเหมือนคุณพ่อคืออยากทำงานได้เยอะ ช่วยเหลือคนได้เยอะ และมีความสุข คุณพ่อเป็นคนที่ไม่ทุกข์ งานหนักแค่ไหนไม่มีเรื่องเนกาทีฟ ไม่มีระบายอารมณ์ที่บ้าน ไม่เก็บความทุกข์มาใส่ใจ
  • สวัสดีครับพี่ข้อความดีมากครับแต่ทำยากมากกว่า
  • ทำได้ ชีวิตจะมีสุขมาก
    ใช้ชีวิตให้มีความสุขมองในสิ่งดีงาม ของคนอื่น สุดยอดครับ
  • สุดยอดเลยครับ เป็นแนวคิดที่ดีครับ
  • สาระเต็มข้อ กระทู้นี้ มีอะไรดีๆไปสอนลูกอีกเยอะเลย ...:020::063::063::063::063:
    ไฟล์แนบ
    IMG-5265.JPG 50K
  • ขอบคุณมาก ป๋า

    "เมื่อไหร่สวมบทท่านประธานก็จะดุ"
    "แต่ถ้าเป็นบทบาทคุณพ่อ จะเป็นคุณพ่อใจดีที่คอยสอนและให้คำแนะนำที่ดีเสมอ"
    ตรงนี้มีประโยชน์ต่อคนมีลูกนะ แต่บางทีต้องยอมรับมีลืมตัวบ้าง....
    ไฟล์แนบ
    D2_0270.jpg 81K
  • เมื่อก่อนตอนทำเว็บใหม่ๆ ใครด่ามากรูด่ากลับ ใครหยาบมากรูหยาบกลับ
    สรุปคนที่เสียหายคือเราเอง คนที่เราด่าด้วยเป็นใครบางทีเราก็ไม่รู้
    อาจจะเป็นคนข้างๆตัวเราเองก็ได้

    ปัจจุบัน เวลาโดนว่า ก็จะอ่านทบทวนหลายๆรอบจนมั่นใจ
    หากเขาเข้าใจผิด ก็อธิบาย หากเราผิดจริงก็ขอโทษ ปัญหาจึงน้อยลงไปเยอะ

    ทุกครั้งที่มีปัญหาจะโทษตัวเองก่อน แล้วค่อยหาทางแก้
    การด่ากันก็เหมือนสาดโคลนใส่กัน เลอะทั้งคู่ ไม่มีประโยชน์ เปลืองตัวด้วย
    ทุกวันนี้ พยายามมองหาความดีของคนที่เราคบ ข้อเสียของเขา หากมันไม่ใช่เรื่องร้ายแรง จะพยายามมองข้ามหมด
    เราไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ในโลก ดังนั้น เราต้องรู้จักการ อยู่ร่วมกับคนอื่น

    การมีเพื่อนเยอะเป็นสิ่งดี แต่การมีเพื่อนที่ไว้ใจไม่ได้เยอะ มีเพื่อนน้อยดีกว่า ไม่เหนื่อย ไม่ต้องคอยระวังตัว
    บอร์ดนี้ทำคนเป็นคนดีเยอะ สร้างคนมีอุดมการณ์ไปก็เยอะ กำจัดคนเลวไปก็ไม่น้อย คนเลวอย่าให้มันมาเล่นที่นี่
    ถึงมาเล่น ก็เล่นบอร์ดได้ไม่นาน เพราะในที่สุดลายก็ออก คนเสแสร้งแกล้งทำดี ทำอย่างไรก็ไม่เนียน เพราะไม่ใช่ธรรมชาติของเขา
    ท้ายที่สุดสังคมก็ลงโทษเขาเอง

    หลายครั้งที่ผมพูดเหมือนไม่ง้อคน แต่มันป็นเรื่องจริง และในบอร์ดนี้ไม่เคยเลีย ผิดคือผิด ถูกคือถูก
    โปรดแยกแยะ การกระเซ้าเย้าแหย่ในหมู่เพื่อนฝูงที่สนิทกัน ไม่ถือว่าเป็นการเลีย เบื่องหลังอาจจด่ากันแรงๆนอกรอบ
    การเลียโดยไม่ลืมหูลืมตา คือการพูดเอาใจ แม้ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง อันนี้ผมก็รับไม่ได้อีกเช่นกัน

    ยินดี ต้อนรับผู้ร่วมอุดมการณ์ มาช่วยสรรสร้างสังคมแห่งนี้ของเราอีกเยอะครับ
  • ^
    ^
    ^

    เยี่ยมมากๆครับ ^^
  • ขอบคุณสำหรับบทความดีๆนะคะ ทำให้คิดดีขึ้นเยอะเลยคะ รู้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในใจเราขึ้นอยู่กับตัวเราที่ความคิดเท่านั้นเอง..
  • สุดยอดคับ..ผมเป็นคนนึงที่ได้ฟังท่านพูดบ่อยๆสุดยอดคับ.:063:.พอดีผมทำงานอยู่ตึกเดียวกับท่านคับ..:030:.cp.tower..
  • เวปนี้ ให้อะไรดีๆมากกว่าคำว่า "พิทบูล" เสมอเลยครับ

    ขอบคุณพี่มาร์ค ขอบคุณPitbullzone และขอบคุณ ( scubapi(t) )

    ความคิด ความรู้ มุมมองดีๆ .... ขอบคุณครับ
  • ท่านเป็นคนดีจริง ๆ ครับ ท่านเป็นคนกำหนดราคาตลาดสินค้าเกษตรในประเทศไทยทั้งหมด เพราะขายตั้งแต่เมล็ดพันธ์ ยาฆ่าแมลง ปุ๋ย พ่อพันธ์แม่พันธ์ และลูกสัตว์ เชิงพาณิชย์ทุกชนิดและรับซื้อพืชผลทางการเกษตรทั้งหมด โดยไม่คิดจะทำเองเพราะมันเสี่ยง ต้องให้ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวนเป็นคนปลูกและรับความเสี่ยงเอง
    คำถามให้ช่วยคิดก่อนจะเยินยอใครซักคน จากข้อความอย่างย่อข้างต้น แล้วทำไมเกษตรกรจนลง แต่ ซีพีรวยยยยยยยยยยยยยยยยย
  • คนดีดีอย่างนี้ในประเทศไทยมีเยอะครับ แต่พูดมากไม่ได้เดี๋ยวซวยยยยยยยยยยยยยยยยย เอาพอหอมปากหอมคอ แค่อ่านแล้วกูหมั่นไส้ ท่านเคยให้ความเห็นบางอย่างเกี่ยวกับแก้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นความคิดที่ดีมากอย่างมาก ดีจนกูแทบน้ำตาจะไหลว่ามึงยังเป็นคนไทยหรือเปล่า ใครตามไม่ทันหรือคล้อยตามก็เหมือนเป็นนโยบายขายประเทศไปเลย
  • คนไทยบางส่วนเป็นอย่างนี้แหละครับ ไม่มีจิตสำนึกของความเป็นคนไทยอาศัยแผ่นดินเกิด แต่ไม่รู้ว่ามึงทดแทนคุณหรือขี้รดแผ่นดิน กูจึงไม่แปลกใจที่เห็นทะเลาะกันเพราะความอิจฉาเห็นแก่เงินและผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้องในสังคมหมาหมา เพราะสังคมข้างนอกก็เป็นและเป็นมาตั้งแต่เกิด บูชาเงิน
  • อืม จริงๆที่ท่าน bunjong ว่ามา ก็ได้ยินเสียงมาเยอะแยะครับท่าน

    เราชอบในความคิด และนับถือข้อคิดดีๆไปปฎิบัติไงครับ

    ผมมีน้าสองคนอยู่ทางใต้คน อยู่เชียงใหม่คน


    -น้าที่อยู่ทางใต้ ทำฟาร์มส่งสินค้าให้ซีพี ก็รวยมากมายเลยครับ

    -ส่วนพี่ชายของแฟน ทำฟาร์มหมูส่งซีพี ก็ขาดทุนย่อยยับ เจ๊งแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี

    -ส่วนน้าที่เชียงใหม่ เดินด้วยลำแข้งตัวเอง ไม่ยึดหลักยา และ สินค้าซีพี ผลผลิตที่ได้น้อยกว่า แต่ลงทุนต่ำกว่า


    ถ้ามองในมุมที่ซีพีกระจายโอกาสให้ชาวบ้านก็ไม่ผิด แต่ท่านต้องใช้ความคิดและความรู้รวมทั้งการวางแผนที่ดี

    ผมเห็นทั้งคนที่จนและรวยจากเครือข่ายนี้มาหลายรายแล้วครับ มันอยู่ที่ตัวท่านกับโอกาสและการแก้ปัญหา

    มองในมุมกลับกัน ถ้าเค้ารวยคนเดียว แล้วคนอื่นมีปัญหา ธุรกิจมันไปไม่รอดถึงทุกวันนี้แน่ ใช่ว่าจะแย่เสียทั้งหมด

    เงื่อนไข และกลไกตลาด เป็นสิ่งที่ คนทำธุรกิจต้องใช้ความรู้ก่อนเข้าร่วมครับ .... เจ๊งแล้วไปว่าเค้าก็ไม่ถูก

    อันนี้นำสิ่งที่ประสบส่วนตัวมาให้มองอีกมุมนะครับ


    กระทู้นี้พี่มาร์คนำสิงดีๆมาบอกต่อ ก็เก็บสิ่งดีๆไปทำกันดีกว่าเน๊อะท่าน เรื่องไม่ดี "วางไว้" ดีกว่าครับ :015:
  • ต่างคนต่างความคิด ระดับสมองของคนเราต่างกันคะ การที่ได้รับสารตัวเดียวกัน แต่ใครจะกรองออกมายังไง นั้นก็แล้วแต่ สมอง + จิตสำนึกคะ ใครมองในมุมดีก็ดีกับตัว แต่ถ้าพื้นฐานตัวเองเป็นคนคิดร้ายอยู่แล้ว ต่อให้พระมาเทศน์ก็เท่านั้นคะ
  • เป็นข้อคิดที่ดีมากๆๆคับพี่มาร์ค เอาไปใช้ได้กับตัวเราเลยคับ ขอบคุณคับ
  • ท่านธนินทร์ ไม่ได้ลงไปทำเองทุกเรื่อง บางเรื่องก็แค่ให้นโยบาย

    คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตได้ขนาดนี้ คำพูดบางคำหรือบางประโยคที่กล่าวออกมา หลายประโยคกลายเป็น อมตะวาจา
    เพราะมันอาจจะกลั่นกรอง ออกมาจากประสบการณ์ของเขาทั้งชีวิต มันจึงเป็นสิ่งที่มีค่าให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้
    และมีประโยชน์หากเรารู้จักนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน

    บริษัท ซีพี มีพนักงานหลายหมื่นคน มีทั้งคนดี คนเลว รวมกันอยู่ในนั้น
    มีลูกน้องดี นายก็ดีไปด้วย แต่ลูกน้องไปทำเหี้ย นายก็พลอยมัวหมองไปด้วย

    ผมเคยไปสัมภาษณ์งานที่อาคารฟอร์จูน เชื่อหรือไม่ ไอ้คนที่สัมภาษณ์ผม มันไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นหัวหน้าผม แม้แต่น้อย
    ผมจึงไม่เคยคิดที่จะทำงานกับ ซีพี รู้สึกอคติกับ ระบบงานที่นั่นมาก และก็กลัวจะเจอนาย โง่ๆ แบบเจ้างั่งนั่นด้วย
    แต่ถึงเราจะไม่ชอบองค์กรเขา แต่การที่เราได้แง่คิด ดีๆ จากเขา มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก โปรดอย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มตุ่มเลยครับ

    ในโลกนี้ไม่มีใคร เปอร์เฟก เราสามารถเลือกเสพในสิ่งที่มีความสุข และเป็นประโยชน์
    หลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์และรำคาญใจ ผมแค่เอาแง่คิดมาให้อ่านกันประดับสมองแค่นั้นเองครับ

    อย่าคิดมาก ฮ่าๆๆๆ
  • ผมชอบบอร์ดพิทบูลโซนก็เพาะยั่งนี้ล่ะครับ...:063::020::063:
  • กระทู้นี้ HOTไม่แพ้กัน พี่มาเฟียครับผมจะเป็นคนดีผมสัญญาแต่จะให้เลิก "เลีย" ผมคงทำไม่ได้มันอยู่ในสายเลือดครับ :o003::o003::
    ไฟล์แนบ
    cb4acac80bdd2ae.jpg 35K
  • ขอบคุนครับ พี่ ขอก๊อป ไปให้เพื่อนอ่านนะครับ.
  • ชอบเหมือนกัน

    เอาด้วยคน แผ็บ แผ็บ แผ็บ ...

    :030::030::030::030::030:
  • เฮียเหลียงนี่ ได้ใจจริงๆครับ หุหุหุ ...นับถือเป็นการส่วนตัวเลย :063:
  • ดีค่ะ
    ได้ใจความดีค่ะ
  • :o030::o030::o030: เปลี่ยนมุมคิด ชีวิตเปลี่ยน ที่รัก
  • :063:อ่านแล้วชอบมากครับพี่ :063: ขอนับถือ พี่มาร์คมาเฟียแห่ง pitbull zone:063:
    แม่ผมก็สอนผม ให้มองคนในแง่ดีครับ
    แล้วให้ย้อนมองดูตัวเองด้วยว่าเราเป็นคนแบบไหน
    แล้วเวลาที่คบใครก็อย่าไปเอาเปรียบเค้าและอย่าให้เค้ามาเอาเปรียบเราได้
    ไม้งันเค้าก็จะเอาเปรียบเราไปตลอด แล้วถ้าใครมีความเลวมากกว่าควานดีก็ให้ผมอยู่ห่างๆเค้าแซะ
    ไฟล์แนบ
    123654.jpg 108K
  • ผมเห็นด้วยกับท่านประธาณฯ ธนินทร์หลายๆเรื่องครับ

    เช่นการเพิ่มกำลังซื้อของประชาชนในภาคเกษตรกรรม เพราะประเทศเราเป็นประเทศเกษตรกรรม
    เราไม่เคยต้องรับบริจาคอาหารจากใคร มีแต่ส่งไปช่วยชาวโลก แต่ชาวนาไทยส่วนมากก็ยังยากจน

    หากชาวนารวย หาเงินได้มากกว่าที่ไอ้ตัวเห้ เขาเอามาแจกตอนซื้อเสียง เขาก็ไม่ยอมขายเสียงของเขาแน่นอน
    หากชาวนารวย นักการเมืองเหี้ยๆ ก็ไม่มีโอกาสเข้าสภา แต่เขาจน เขาจึงไม่มีทางเลือก ใครเป็นรัฐบาลเขาจึงไม่สน
    เขารักทักษิณเพราะทักษิณแก้ปัญหาให้เขาได้ ส่วนทักษิณจะโกงจริงหรือไม่ เขาไม่สนหรอกมันไกลตัวเขาเกินไป
    และพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลมากี่สมัย ก็ไม่เคยสนใจชาวนา สนใจแต่นายทุนของพรรค
    จึงไม่แปลกที่ภาคอีสานไม่ใช่พื้นที่ของพรรคประชาธิปด

    ข้าวเปลือกถูก แต่ข้าวสารแพง รัฐบาลแทนที่จะห่วงชาวนา แต่แมร่งกลับห่วงคนซื้อข้าวสาร
    รัฐบาลทุกรัฐบาลควบคุมราคาสินค้าเกษตร เพราะกลัวสินค้าจะแพง เช็ดแมร่งคนรวยคือพ่อค้าคนกลาง


    สินค้าเกษตรกรรม ราคาตกต่ำลงทุกวัน ในขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมราคาสูงขึ้น
    ทุกคนจึงมุ่งสู่ภาคอุตสาหกรรมหมด ไม่มีใครอยากอยู่ในภาคเกษตรกรรมอีกต่อไป
    ลูกหลานชาวนาจึงเลือกที่จะหันไปประกอบอาชีพอื่น ไม่มีใครสืบทอดความเป็นชาวนา
    วันนี้ประเทศที่ส่งออกข้าวรายใหญ่จึงกลายเป็นเวียดนามแทนที่ประเทศไทย

    คำพูดว่าเกษตรกรรมคือกระดูกสันหลังของชาติ จึงเป็นคำพูดเพื่อให้ฟังดูดี แต่ไร้สาระมากที่สุด
    ภาครัฐเก่งแต่สรรหาคำพูดสวยหรูให้ประชาชนฟังแล้วเคลิ้ม แต่ไม่เคยมีอะไรจับต้องได้ หรือทำได้จริงสักอย่าง

    โชติช่วงชัชวาล คำขวัญตอนประเทศไทยขุดเจอน้ำมัน แต่วันนี้ ประชาชนก็ยังใช้นำมันแพง
    น้ำมันเราผลิตเองได้ราคาถูกเอาส่งขายนอก แล้วนำเข้าน้ำมันแพงมาขายคนไทย ใครถือหุ้น ปตท รวยยยยยยย
    มันถึงอยากแปรรูป รัฐวิสาหกิจที่ทำกำไร เพื่อที่จะยึดสมบัติชาติมาเป็นของตัวเอง ไอ้พวก เช็ดแมร่ง

    ผมอยากให้ข้าวเปลือกราคาแพง ราคาข้าวสารจะเท่าไรก็ช่างหัวมัน ใครซื้อไม่ไหวก็ไปปลูกข้าวกินเอง ชาวนาจะได้รวยๆ
    เพราะมันคือทางเดียวที่จะทำให้ชาวนาไทย พ้นจากความยากจน และลูกหลานชาวนาอยากสืบทอดความป็นชาวนาต่อจากบรรพบุรุษ
    หากทุกคนทิ้งอาชีพเกษตรกรรมม่งสู่ ภาคอุตสาหกรรมกันหมด อนาคตเกิดภัยธรรมชาติ เราคงต้องรับบริจาคอาหารจากต่างประเทศ
    คราวนี้คนไทยจะรู้สึก แต่คนรวยมันไม่สนหรอก เพราะมีเงิน ย้ายประเทศอยู่ก็ได้ อยากแด๊กอะไรก็แด๊กได้ ไม่กระทบ

    โรงงานอุตสาหกรรม แทนที่จะเน้นปรับปรุงกระบวนการผลิต ใช้เทคโนโลยี่ ใช้เครื่องมือเครื่องจักรที่ทันสมัยในการผลิต
    ผลิตสินค้าคุณภาพและขายสินค้าในราคาแพงขึ้น แต่กลับเน้นแรงงานราคาถูก กดราคาแรงงาน และหันไปพึ่งแรงงานต่างชาติ
    เมื่อทุกคนสนใจแต่ปัญหาของตัวเอง ทำให้ปัญหาแรงงานต่างด้าวเพิ่มมากขึ้น อีกหน่อยมันคงยึดประเทศเราได้

    มันหมดยุคแล้วที่ประเทศไทยจะเป็นประเทศผลิตเฉพาะสินค้าราคาถูก เพราะไม่มีทางแข่งกับจีนได้
    เราจึงต้องหันมาผลิตสินค้าคุณภาพ ผลิตจำนวนน้อย ใช้แรงงานน้อย ใช้เครื่องมือเครื่องจักเยอะ แต่ขายได้ราคาสูง
    การใช้คนงานน้อย แต่เป็นแรงงานประเภทคุณภาพ คนงานก็ได้ค่าแรงสูงขึ้น ช่องว่างระหวังแรงงานฝีมือกับ พนักงานออฟฟิตก็หมดไป
    เมื่อคนไทยรายได้ดี ชนชั้นแรงงานรายได้ดี ชาวนารายได้ดี ราคาสินค้าจะแพงก็ช่างแมร่งมัน กรูมีปัญญาซื้อได้
    ตอนขึ้นราคามาม่าแค่บาทเดียวจะตายทั้งประเทศ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแค่ห้าบาทสิบบาท ร้องกันทั้งประเทศ เพราะกลัวสินค้าขึ้นราคา

    วันนี้ประเทศไทย ขาดแรงงานประเภทฝีมือ วิทยาลัยเทคนิคสมัยก่อน คนแย่งกันเข้าเรียน แย่งกันสอบเข้า
    แต่วันนี้ วิทยาลัยเทคนิคที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังเปิดรับสมัครนักเรียน แต่ไม่มีใครอยากมาเรียน บางสาขาวิชา ไม่มีคนสมัครเลย
    กลายเป็นโรงเรียนสอนนักเลง มีแต่นักเรียนเหลือขอ เข้าไปเรียนแทน ชาวบ้านยอมลงทุนส่งลูกเรียนมหาลัยเอกชน
    มหาวิทยาลัยเอกชน จึงเกิดขึ้นมากมาย ทุกคนไม่มีใครอยากเป็นแรงงานฝีมือ ทุกคนมุ่งสู่การเป็นพนักงานออฟฟิต
    เพราะงานสบายกว่าค่าตัวดีกว่า ส่วนแรงงานประเภทฝีมือ ใช้เทคนิค ค่าแรงต่ำ โอกาสก้าวหน้าก็ไม่มี

    เอามาฝากให้อ่านเล่นๆ เพิ่มเซลล์สมอง สำหรับเช้าวันหยุดนะครับ