ชอบเวบนี้ แอบมาประจำ เว็บอื่นมันเหงา ก๊ากๆๆๆๆๆๆๆ

มันเป็นเหมือนส่วนที่ยังขาดของมาเฟียไง ร่องน้ำจาบัง 555

พูดถึงไปเยี่ยมตาโจ ก็เก๋นะ ป๋าจะได้ไม่มีปมด้อยด้วย กร๊ากกกกกกกก.......

รูปนี้มุมนึงบนหลีเป๊ะ ป๋า

มีคนโทรมาคุยด้วยและถามว่าผมจะหยุดไม่สู้ต่อแล้วจริงๆหรือ
ผมตอบการทำเพื่อส่วนรวมไม่จำเป็นว่าเราต้องเป็นผู้ชนะเสมอไป
เพราะบางสถานการณ์การที่เราหยุด มันก็เป็นการแสดงชัยชนะได้

ชนะอะไรก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่าชนะใจตนเองครับ :-D

บางคนในเวปไม่ได้มีเวลาเพราะทำงาน หรืออยู่ต่างจังหวัด หรือเป็นแค่งานอดิเรก เลยไม่ค่อยกระตือรือล้นเท่าที่ควร เลยไม่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมของพี่มาร์ค แต่ไม่ใช่ไม่มีคนเห็น คนส่วนมากที่มีเวลาคือคนบรีดหมาขาย หมายถึงส่วนมากก็ต้องเข้าใจด้วย รักพิทบูล แต่ไม่ได้มีอาชีพนี้โดยตรง แต่ก็ยังรักและติดตาม pitbullzone มาตลอดหลายปี

ไม่ว่าคุณมาร์คจะทำอะไรก็เป็นกำลังใจให้เสมอ เป็นแฟนคลับเวปตลอดไปสู้ต่อไป ถอยหลังเพื่อพลังในการเดินหน้า

โอ้ มายด์ ก๊อดดดดดดดดดด คุยไม่ได้ดูเวร่ำเวลาเลย จะอวดไปถึงไหน
คนมีเค้าไม่คุย ไอ้คนที่คุยมันไม่เคยมี กูหล่ะเบื่อความโอ้อวดของ....เจงๆ

แวะมาคุยด้วยอีกครั้ง

ผม จริงจังนะ กับทุกอย่าง
จะฟังเพลง ชิวๆ ก็เลือก ที่จะฟังเฉพาะเพลงดีๆ ไม่ดี ก็ไม่ฟัง ไม่ก็ปิดเสีย
จะดื่ม ก็ดื่มดีๆ ไม่ดี ไม่ดื่มดีกว่า
จะประกวดหมา ก็ตั้งใจ หลังเลิกงานจบ จะเมาไหนก็เมานั่น ไม่ว่ากัน สนุกเฮฮากันไป
แต่ก่อนลงสนาม ก็ตั้งใจ เตรียมตัว ทำสมาธิ เตรียมตัวหมา เตรียมใจเรา ลงสนาม ทำให้ดีที่สุด เดินออกมา พร้อมกับผลการประกวด ไม่ว่าจะชนะ หรือแพ้

ก็คงเหมือนกับ ที่พี่ๆ ไปดำน้ำกัน คงไม่มีใคร ไม่เตรียมตัว ไม่เชคหมาย ไม่เชคอากาศ ไม่เชคอุปกรณ์
คงไม่มีใคร Happy กับการ ขาดตกบกพร่อง ลืมนั่น ลืมนี่ น้ำขุ่น เบียร์หมด น้ำแข็งหมด
ผมเห็นพี่คนนึง กลุ่มนึง ขี่มอไซด์อยู่ ผมก็มั่นใจว่า ถ้าพี่เค้าจะออกทริป ไป "พักผ่อน"
อย่างเลวที่สุด ก็ต้องเตียมตัว เตรียมรถ น้ำมันเต็มถัง เชคยาง ไม่ดื่มในคืนนั้น เตรียมร่างกายให้พร้อม
คงไม่มีใครอยากไป รถเสีย ยางแบน น้ำมันหมดกลางทาง
สุดท้าย เราก็ทำทุกอย่าง เพื่อความสุข และทำ อย่างมีความสุข ด้วยความ ตั้งใจ

วก กลับมาเรื่องหมา...
ผมก็เริ่มจาก โดนเค้าหลอกขายหมามา พอเริ่มรู้ตัว ก็ศึกษา ไปสนาม ดูหมาดีๆ ดูงานประกวด เริ่มพัฒนาหมาตัวเอง มองให้ออกว่าหมาสวย เป็นยังไง ตัวนั้นดีกว่าตัวนี้ตรงไหน Handler เค้าจูงกันยังไง กรูมหมาทำยังไง ค่อยๆเรียนรู้ สั่งสมความรู้ทีละเล็กทีละน้อย
เคยจ้าง Handler มาเทรนหมาให้ มาจูงให้ ฟิตหมาให้ (ถามพี่อู๊ด D1 ดู) จนในสี่สุด ก็เริ่ม ลงมือทำเอง
จนวันนี้ ผมบรีดหมาของผมเอง เลี้ยง ให้มันเติบโตในแบบ ในแนวทางที่ผมคิดว่าดี และ ถูกต้อง เทรนมันเอง เอาลงสนาม จูงเอง และในที่สุด ก็รับรางวัล ด้วยมือของเราเอง
กลับมาถึงบ้าน ผมก็ Enjoy กับหมาทุกตัว ในบ้าน สวยไม่สวย แพ้ชนะ หมาแชมป์ โคตรแชมป์ กับหมาที่ไม่เคยลงสนามเลย ก็ "เท่าเทียม" กันหมดทุกตัว กิน อยู่ แบบเดียวกัน เล่นกับเรา เท่ากันทุกตัว มีความสุข กับการได้เห็นหมา ได้กอด ได้ดุมัน ได้ยิ้มไปกับมัน
ผมไม่อยากให้มองการประกวด เป็นแรงขับดันของการแตกแยก มันเป็นแนวทางหนึ่ง เป็นกิจกรรมหนึ่ง ที่เราทุกคน น่าจะมามีความสุข ร่วมกันได้

ทำไมต้องเอาผล แพ้ ชนะ มาจำกัดความสุขของเรา
หลังงานกระกวด เราก็ กิน ดื่ม กันเหมือนเดิม รักหมาเรา เหมือนเดิม รักเพื่อนเรา เหมือนเดิม
คนชนะ มีแค่คนเดียว ที่เหลือ ก็ แพ้เหมือนกัน คนชนะ ก็เพื่อนเรา หมาชนะ ก็หมา พันธุ์ที่เรารัก
หมาเราอาจจะแพ้เค้า ใน Class นี้ ไปชนะเค้า ในอีก Class หนึ่ง หมาเพื่อนเรา ไปชนะเค้า แต่หมาเพื่อนเราอีกคน ไปแพ้เค้า แต่สุดท้าย ทุกคน ก็เพื่อนกัน ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ เปลี่ยนกรรมการ ผลการประกวดก็เปลี่ยน
แต่ มิตรภาพ คงเดิม เพื่อน ก็คนเดิม หมา ก็ตัวเดิม...

สังคมพิตบูล กำลังเข้าสู่การเปลี่ยนผ่าน ไปสู่ มาตราฐานสากล อาจจะมีคนที่ ยอมรับการเปลี่ยนผ่านนี้ ช้าบ้าง เร็วบ้าง ไม่เท่าเทียมกัน แต่ทุกคน ก็ควรจะเข้าใจ ฝ่ายอื่น หรือ กลุ่มอื่น หรือ คนอื่น

ที่เข้ามาวุ่นวาย กับพี่ๆ เพื่อนๆ ในวงการพิตบูลผมไม่มีผลประโยชน์ แอบแฝงใดๆ ผมไม่เคยรับเงินค่าจูงหมา จากหมาตัวที่ผมจูงให้พี่ ให้น้อง ให้เพื่อน ผมไปเทรนให้ จากงานที่พี่มาร์คจัด ค่าน้ำที่กิน ไป 1 ขวด กะ 1 กระป๋อง ไม่เท่าค่าน้ำมันที่ขับรถไป ไม่เท่าซิการ์มวนนึงที่สูบวันนั้น แต่ผมได้ความสุขใจ ได้มิตรภาพ อยากเห็นการพัฒนา อยากสนับสนุนพี่มาร์ค ที่ตั้งใจจริง

ผม เริ่มหลงรัก Bully กะเค้ามั่งแล้ว และ คงจะเริ่มบรีด เร็วๆนี้ครับ
ต้อนรับน้องใหม่ชื่อ ต้น มันตา ซักคนนะครับ

^__________^

สวัสดีครับคุณต้น ขอบคุณที่แวะมา หากมีโอกาสพี่คงได้รบกวนท่านมาสอนการจูงหมาอีกสักครั้ง

หมาสองตัวที่แพ้จากงานพัทยา แต่งานที่เมืองทอง กวาดมาสองถ้วย ที่หนึ่งกับที่สอง ไม่รู้เป็นผลมาจากที่คุณต้นสอนเทคนิคให้หรือเปล่า :-D

คนบางคนที่ต่อต้านการฝึกหมาประกวด เพราะเขาคงขี้เกียจ เนื่องจากมันเสียเวลา มันเหนื่อย และที่สำคัญคือ ขี้เหนียวครับ ฮ่าๆๆๆ

น่าแปลกไหม เพราะหมาขายได้ อัดอาหารหมาได้ ขายหมาก็ได้เงิน แต่พาหมามาฝึกมาเทรนไม่ได้
และเมื่อมีเงิน ถ้าไม่อยากจูงก็จ้างคนจูงได้ ส่วนคนไม่ค่อยมีตัง หรืออยากประหยัดมันก็ต้องฝึกหมาเอง หัดจูงเอง
ผมจึงไม่เข้าใจว่า ทำไมแค่ประเด็นประกวดหมาควรมีแฮนด์เลอร์หรือไม่มีแฮนด์เลอร์ มันจะสำคัญมากขนาดนี้

หมายเหตุ
เรื่อง User Name ถ้ามีอีเมล์ที่เคยสมัคร หรือชื่อเก่าที่เคยใช้รบกวนแจ้งพี่หน่อยจะพยายามค้นให้ครับ

เป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่มีเจตนาบริสุทธิ์ในทุกๆ เรื่อง ส่วนความเห็นของ Ghost ก็ถือว่าเป็นแง่คิดส่วนตัวละกัน จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยเป็นเรื่องปกติ แตกต่างแต่อย่าแตกแยกนะครับ

ขอบพระคุณพี่มุ๊มากครับ สำหรับการต้อนรับที่อบอุ่น

ส่วนเรีื่อง Co- Own ลูกหมาตัวนั้น ผมสนใจมากครับ เดี๋ยวได้คุยกันครับพี่

หลายคนอาจจะต่อต้านการมีแฮนเลอร์มืออาชีพ แต่ผมขอสนับสนุนครับ ผมอยากให้มีแฮนเลอร์มืออาชีพ ผมอยากฟังว่าคนที่ไม่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วยเพราะอะไร และถ้ามีคนเห็นด้วยเห็นด้วยเพราะอะไร แต่ขอแบบมีหลักการณ์และเหตุผลสนับสนุนด้วยนะครับ

และที่สำคัญขอแบบสร้างสรรค์ครับ :-D

ก็ที่คุณว่าเฉพาะตัวไง เราก็ปรับมาเป็นแบบฉบับของเราให้เข้ากันได้กับวัฒนธรรมเรา จะได้เป็นที่ยอมรับได้ในวงกว้างของประเทสเรา ไม่ใช่ยกจากประเทศเขามาทั้งยวง ใช้ปัญญาคิดหน่อยดิ

ผมขออยู่ในฝั่งที่สนับสนุนการมีบรีดเดอร์มืออาชีพครับ ผมมีเหตุผลว่ามันจะช่วยพัฒนาภาพรวมของวงการให้ดีขึ้นและยังไม่เห็นข้อเสียครับ
ตอนนี้ผมอยากฟังความเห็นของคนที่ไม่สนับสนุนการมีบรีดเดอร์มืออาชีพในการประกวดบูลลี่ครับ จะยกอะไรมาสนับสนุนความคิดของท่านก็ยินดีครับ

แต่ขอแบบสร้างสรรค์ อย่ามั่วก็พอครับ

นั่นไงสันดารเก่าก็ออกมาอยู่ดี
ขอแบบมีหลักการณ์และเหตุผลสนับสนุนแต่สุดท้ายใครคิดต่างก็ผิดเหมือนเดิม ใครมีความคิดเหมือนคุณคือผีที่มีความคิดดี นี่หรือที่บอก ขอแบบมีหลักการณ์และเหตุผลสนับสนุน

ข้อออกความคิดในฐานะเป็นพิธีกรรับเชิญในงานพิทบูล ผมอยากให้เราอณุรักษ์ในสิ่งที่พวกเราเป็นเราเกิดมาจากตรงไหนเราเดินทางกันมาอย่างไร ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้เหน็บได้แซวพี่น้องชาวพิทบูลในสถานที่ ที่มีแต่พวกเรา แต่ในความเป็นจริงก็ต้องยอมรับวันนี้วงการพิทบูล อเมริกันบูลลี่มันเดินทางมาไกลมากกก คงจะปิดกั้นการพัฒนาไม่ได้มันต้องก้าวสู่โลกแห่งความเป็นจริงแต่สิ่งที่เราทำได้เรารักษาความเป็น กลุ่มชมรมคนว่างงาน รักหมาพิทบูลแห่งประเทศไทยได้ วันนี้เราต้องเลือกทุกอย่างถูกต้องแต่ภาพเดิมๆเราจะไม่เหลือ หรือ เก็บภาพเดิมๆแล้วเอาสาระในยุคปัจจุบันมารวมกันทำให้มีสาระโดยมีกลิ่นความเป็นตัวตนของเราอยู่ครับ

เหลียงยังคงเป็นเหลียง ต่อให้ใส่สูทรผูกไทค์อยู่บนเวทีใดก็ตามรอยสักที่แผ่นหลังหน้าอกมันก็คงยังติดไปจนวันตาย ไม่ว่าจะดัจจริต ตอแหลยังไงมันก็คือตัวตน ไม่อยากให้ลืมเราเกิดมายังไง จะภูมิใจที่สุดวันที่มันล่มสลายเราจะไปพร้อมกัน ขอบคุณครับ

เอ้าผีmugenลองให้เหตุผลมาว่าทำไมต้องยกวัฒนธรรมแบบเขามาทั้งดุ้น ทำไมเราไม่ต้องปรับให้เข้ากับสังคมคนไทย แบบว่าเลือกปรับปรุงเอาสิ่งดีเข้ามาปรับใช้ ขอเสียของการปรับให้เหมาะสมของสภาพสังคมไทย ลองปัญญาหน่อยครับ

เรื่องแฮนเลอร์มืออาชีพในความคิดผมไม่คัดค้านใครอยากจะจ้างก็จ้างไปใครอยากจะจูงเองก็จูงไป แต่อยากให้มีการสอนการจูงโดยทำเป็นวีดีโอมาให้ชมในบอร์ดเพื่อให้ความเทคนิคต่างๆรู้แก่ชาวพิทบูลเรา เพราะบางคนไม่สามารถไปเข้ารับการอบรมที่กรุงเทพได้ และอีกอย่างการฝึกจูงก็เป็นการฝึกการควบคุมหมาไปในตัวด้วยสามารถนำมาใช้ในชีวิตจริงได้แม้ไม่ได้ใช้ในการประกวดก็ตาม
ส่วนเรื่องการแต่งกาย ดูสถานที่จัดงานดีกว่าครับถ้ามีแต่พิทบูลก็สไตด์พิทบูลได้ แต่ถ้าหลากหลายสายพันธ์ก็ควรสุภาพหน่อยเพื่อเป็นการให้เกียรติผู้อื่น

1. กลัวเปลืองเงินก็ลงจูงเอง จบ
2. ลงประกวดไม่ต้องการชนะ นอนเกาไข่อยู่บ้าน จบ
3. คนจูงไม่เก่งจะโชว์รายละเอียดหมาได้ดีได้อย่างไร การใช้แฮนเลอร์มืออาชีพช่วยให้หมาโชว์ได้ดีขึ้น จบ
4. ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่การแก่งแย่ง มันอยู่ที่แฮนด์เลอร์เขารับจูงให้ใคร คนบางคนจ้างเขาเขาก็ไม่จูงให้ จบ
5. วัฒนธรรมโดนกลืน เราโดนกลืนมานานแล้ว เมื่อก่อนคนไทยใช้โจงกระเบน ผู้หญิงใส่สไบ ตอนนี้อะไรมาให่ๆเรารับหมด จบอีกเช่นกัน :-D

ผมก็ยังไม่เห็นอยู่ดีว่าการใช้แฮนเลอร์มืออาชีพมันไม่ดีตรงไหน

ผีตนนี้ถามแบบอยากรู้ก็จะตอบให้
"เอ้าผีmugenลองให้เหตุผลมาว่าทำไมต้องยกวัฒนธรรมแบบเขามาทั้งดุ้น"
แล้วคุณยกมาทั้งดุ้นหรือป่าว ?
และที่ผมเอามาใช่เพราะมันคือกลิ่นของพวก Bully เขาจะให้พวกเขาทิ้งไปได้อย่างไร ?

ส่วน มาเฟีย ผมไม่ได้โกรธอะไรเลยลองไปอ่านดูใหม่
คุณถามมาผมก็ตอบว่ามันเป็นเรื่องของวัฒนธรรม มันเป็นธรรมชาติของเขา แต่คุณกลับตอบ "คุณ Mugen คุณก็ไม่ต่างจากผีครับ" นี่คือการตอบแบบคำตอบแล้วหรือ

1. กลัวเปลืองเงินก็ลงจูงเอง จบ "วงการ Bully ความมีเงินการมีฐานะเปรียบเทียบไม่ได้เลยกับวงการอื่น เช่น ปอม ชิสุห์ ชิวาวา" คำว่ากลัวเปลืองเงินก็ลงจูงเอง จบ คนไม่มีตังค์ หรือ คนจนก็ไม่มีสิทธิ ?
2. ลงประกวดไม่ต้องการชนะ นอนเกาไข่อยู่บ้าน จบ "จุดใหญ่ของพวกBullyคือการพบประสังค์สรร การประกวดคือกิจกรรมที่ได้ปลดปล่อย ถ้าไม่มีการประกวดจะเล่นปิดตาตีหม้อค่าเวลาเหรอ หรือ เดินไปเดินมา สวัสดีครับพี่ สบายนี้ไม๊น้อง" ?
3. คนจูงไม่เก่งจะโชว์รายละเอียดหมาได้ดีได้อย่างไร การใช้แฮนเลอร์มืออาชีพช่วยให้หมาโชว์ได้ดีขึ้น จบ "เหตุผลตามข้อ1"
4. ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่การแก่งแย่ง มันอยู่ที่แฮนด์เลอร์เขารับจูงให้ใคร คนบางคนจ้างเขาเขาก็ไม่จูงให้ จบ "คุณกล้าบอกหรือไม่ว่าวงการแฮนด์เล่อร์ไม่มีการซื้อตัว" ?

ฟังจากการตอบแล้วตัวผมคิดว่าคุณยังไม่เหมาะสมสำหรับวงการนี้ด้วยประการทั้งปวง
ขอบคุณความคิดน้องเหลียง ซึ่งความเป็นตัวตนคุณสูง ผมยอมรับ ปุ้ยเพื่อนร่วมซอยคุณสบายดีหรือป่าวครับ

mugenฟังไม่ขึ้นจริงๆ

นานาจิตตัง ทุกอย่างในโลกใบนี้มี2ด้านเลือกที่ชอบดีที่สุด ขอมองวงการนี้ ห่างๆอย่างห่วงๆ /:-)

ถ้าจุดใหญ่ของการมางานคือการพบปะสังสรรค์ ดังนั้นแพ้ชนะเพราะคนจูงจะซีเรียสไปทำไม ถือว่ามาเจอเพื่อนฝูง

ป๋าหาทางลงให้แล้วmugen

ข้อเสียที่เขามองเห็นมันเทียบไม่ได้เลยกับข้อดีอย่างมหาศาลของมัน การมองโลกในทางบวก กับคนมองโลกในทางลบ มันสือถึงสิ่งที่อยู่ในใจของเขาด้วย เรื่องนี้ผมมองเห็นเหตุผลเดียวก็คือความใจแคบ คนบางคนจึงไม่เหมาะเลยที่จะเล่นที่บอร์ดนี้ เขาเหมาะที่จะเล่นบอร์ดเฉพาะพวกเขาเองมากกว่า ผมไม่ได้ไล่นะ แต่มันถึงเวลากวาดบ้านเอาขยะออกไปบ้างเท่านั้น

บูลลี่ก็กลืนพิตบูล กลืนสแตฟฯ จนกลายมาเป็นบูลลี่ แต่ตอนนี้กลับรังเกียจการเปลี่ยนแปลง อะไรที่ตนเองได้เอาหมด อะไรที่ตนเองต้องเสียกลับรังเกียจ ผมยกเหตุผลของผมเพียงแค่ข้อเดียวอาจจะกลบเหตุผลทั้งหมดของคนบางคนได้เลย

ลองสมมุติว่าตัวเองเป็นแฮนเลอร์มืออาชีพดูบ้างนะครับ คุณอาจจะเห็นแง่มุมที่สวยงามของการเป็นแฮนเลอร์มืออาชีพ

แฮนด์เลอร์ผู้หญิงนะอายุไม่เกิน 25นะ ใส่บิกีนี่จูงตอนวิ่งมันคงน่าดู