หมา 7 ตัวหาซื้อยามาฉีดเองดีกว่า ถูกตังดี ตามกระทู้นี้ ฉีดยาป้องกันเองไม่ยากหรอก
http://pitbullzone.com/community/comments.php?DiscussionID=3639

ส่วนวิธีการรักษา ลองอ่านดูเองครับ

เอลนิโญ่ กับ พยาธิหนอนหัวใจ

ปรากฎการณ์เอลนิโญ ทำให้ฤดูกาลตามธรรมชาติของโลกเปลี่ยนแปลงวุ่นวาย สับสนไปหมด เกิดพายุฝนอย่างหนัก และพายุทอนาโดที่รุนแรงมาก ในสหรัฐอเมริกา ปรากฎว่าเกิดภาวะอากาศร้อนผิดปกติเป็นบริเวณกว้างเกือบทั่วประเทศ และยังมีช่วงสุดท้ายของปรากฎการณ์นี้ จะเป็นช่วงที่มีอากาศชื้นมาก อันเป็นภาวะอากาศที่เหมาะสมที่สุด สำหรับศัตรูตัวร้ายของหมา นั่นคือ ?พยาธิหนอนหัวใจ? ที่จะแพร่ขยายพันธุ์และเจริญเติบโตได้ดีที่สุดในอากาศแบบนี้ ผลกระทบจากเอลนิโญไม่เพียงแต่พายุฝน,ทอนาโด หรือพยาธิหนอนหัวใจเท่านั้นยังมีปัญหาโรคผิวหนัง,เชื้อรา และโรคภัยอื่น ๆ ที่มักเกิดในภาวะอากาศร้อนชื้น ก็จะมาประดังประเดกันในช่วงนี้ จึงเป็นช่วงสำคัญที่บรรดาเจ้าของหมา,เจ้าของฟาร์ม และศูนย์ฝึกต่าง ๆ ต้องเอาใจใส่ดูแล และระมัดระวังเป็นพิเศษ
สำหรับพยาธิหนอนหัวใจนั้น จะแพร่ได้โดยยุงเท่านั้น และยุงก็จะขยายพันธุ์ในสภาพอากาศร้อนชื้น ดังนั้น ประชากรยุงจะต้องเพิ่มสูงขึ้นอย่างแน่นอนในช่วงฤดูร้อนนี้ ซึ่งเป็นภาวะผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนิโญ นั่นหมายถึงการแพร่ระบาดของพยาธิหนอนหัวใจต้องเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย
อย่างไรก็ตามเราสามารถป้องกันโรคนี้ได้ โดยใช้ยาเป็นชุด ซึ่งให้ผลแน่นอนในการป้องกันแม้จะเป็นฤดูที่โรคนี้กำลังระบาดรุนแรง
โรคนี้ เริ่มจากการที่ พยาธิตัวเต็มวัยทั้ง 2 เพศ ที่อาศัยอยู่ในหัวใจหมาจะผสมพันธุ์กัน แล้วจากนั้นตัวเมียจะวางไข่เป็นพัน ๆ ฟอง ซึ่งไข่จะไหลเวียนไปในกระแสเลือด เมื่อหมาโดนยุงกัด ยุงจะดูดเลือดซึ่งบางส่วนมีไข่พยาธิอยู่เข้าไป ไข่จะฟักตัวเจริญเติบโตอยู่ในตัวยุง ประมาณเวลา10-48 วัน จากนั้น เมื่อยุงไปกัดหมาอีกตัวหนึ่ง ก็จะถ่ายตัวอ่อนเข้าไปในผิวหนังหมา ภายใน 3-4 วัน ตัวอ่อนก็จะชอนไชเข้าไปในกระแสเลือดไหลเวียนไปยังหัวใจ ตัวอ่อนจะลอกคราบ 2 ครั้ง ในกระแสเลือดหมา ครั้งแรกประมาณ 4-7 วัน หลังเริ่มเข้าไปอยู่ในกระแสเลือด อีกครั้งเมื่อ 50-70วันต่อมา และภายใน 3 เดือนหลังจากการลอกคราบครั้งที่ 2 ก็จะกลายเป็นพยาธิหนอนหัวใจตัวเต็มวัย อาศัยอยู่ในหัวใจหมา เมื่อตัวเต็มวัยจับคู่กันอีกครั้ง ก็เป็นการเริ่มวงจรการขยายพันธุ์พยาธิหนอนหัวใจอีกรอบหนึ่ง
โรคพยาธิหนอนหัวใจนี้ ไม่มีการติดต่อโดยทางอื่นนอกจาก โดยยุง แม้ไข่พยาธิจะถ่ายทอดจากแม่หมาสู่ลูกหมาโดยทางสายเลือดเมื่ออยู่ในท้อง แต่ไม่สามารถฟักเป็นตัว และเจริญเติบโตได้ โดยไม่ผ่านยุงเสียก่อน
อาการทั่วไปที่พบ คือ ไอ,หายใจลำบาก,และซึม ซึ่งการรักษาโรคนี้ก็ค่อนข้างเสี่ยง ส่วนมากจะหัวใจวายเนื่องจากหมาที่เป็นโรคนี้ จะมีตัวเต็มวัยพยาธิหนอนหัวใจได้ถึง 250 ตัวในหัวใจ ซึ่งจะทำให้เกิดการอุดตันในระบบไหลเวียนของเลือดในหัวใจและปอด หรือพยาธิอาจหลุดเข้าไปในปอดทำให้หลอดเลือดในปอดโป่งพอง และเกิดความดันสูง ชิ้นส่วนของพยาธิที่ตายแล้ว เข้าไปในปอดทำให้เกิดปอดอักเสบและเส้นเลือดอุดตัน ในกรณีที่ร้ายแรงมากจะเกิดอาการที่เรียกว่า VENACAVA SYNDROME นั่นคือการที่มีพยาธิจำนวนมาก เข้าไปกระจุกอยู่ในห้องหัวใจด้านขวาทำให้เลือดไม่ไหลเวียนและหัวใจวายตายในที่สุด
แม้ว่าโรคนี้จะฟังดูร้ายแรงมาก แต่ก็ยังสามารถรักษาได้ด้วยยา หรือการผ่าตัด ซึ่งทั้ง 2 ทาง ก็ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ดี
การรักษา จะต้องเริ่มด้วยการตรวจหาพยาธิก่อน โดยการตรวจเลือด ซึ่งก็จะมีอยู่ 2 วิธี วิธีแรก คือการตรวจเลือดหาตัวอ่อนพยาธิโดยมองด้วยกล้องจุลทรรศน์ อีกวิธีหนึ่งคือการตรวจสอบ โดยใช้ Antigen ซึ่งจะตรวจหาโปรตีนแปลกปลอมที่พยาธิตัวเต็มวัยตัวเมียหลั่งออกมา
การตรวจโดยกล้องจุลทรรศน์นั้น ได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องประมาณ 50-60% เท่านั้น ส่วนการตรวจ Antigen Test จะให้ผลถูกต้อง,เป็นที่นิยมและเชื่อถือได้มากกว่า มีเพียง 1 ใน 1,000 รายที่ตรวจด้วยวิธีนี้แล้วให้ผลผิดพลาดวิธีรักษาก็ขึ้นอยู่กับอาการของหมา ถ้าอาการถึงขั้น VENACAVA SYNDROME หรือมีความเสี่ยงสูง ก็อาจต้องใช้วิธีผ่าตัด
สัตวแพทย์ส่วนใหญ่ มักจะใช้ Melarsomine ซึ่งเป็นยาฆ่าพยาธิหนอนหัวใจตัวเต็มวัยโดยฉีดเข้ากล้าม ปรกติจะฉีด 2 ครั้ง ห่างกัน 24 ชั่วโมง ช่วงนี้ต้องจำกัดบริเวณและการออกกำลังกายของหมา อย่างน้อย 1 เดือน เพราะเป็นช่วงที่พยาธิกำลังเริ่มตาย ต้องดูแลให้หมาอยู่เฉย ๆ ที่สุด เพื่อไม่ให้เลือดฉีด
แรงอันอาจพาเอาเศษชิ้นส่วนของพยาธิที่ตายแล้ว เข้าไปอุดตันในหัวใจหรือปอด ผลกระทบข้างเคียงจากยานี้ก็อาจจะมีการแสบเวลาฉีดยา,หลังจากนั้นอาจง่วงซึม,อาเจียรและเบื่ออาหาร 6 สัปดาห์ต่อมา ต้องทำการรักษาต่อเนื่องเพื่อ ฆ่า ตัวอ่อนพยาธิที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในกระแสเลือด
การป้องกันพยาธิหนอนหัวใจ มี 2 วิธี คือการให้ยาทุกวัน หรือ เดือนละครั้ง ยาที่ใช้โดยทั่วไป คือ Diethylcarbamazine ให้กินทุกวัน จะออกฤทธิ์ฆ่าตัวอ่อนก่อนจะเจริญเติบโตเป็นตัวเต็มวัย ถ้าเจ้าของลืมให้ยาไปสักครั้ง 2 ครั้ง ในช่วงยุงชุม หมาก็อาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ การใช้ยานี้ต้องตรวจให้แน่ใจก่อนว่าหมาไม่มีตัวอ่อนพยาธิอยู่ในเลือด เพราะอาจทำปฎิกิริยาต่อต้านยาและถึงตายได้
ส่วนยาสำหรับกินเดือนละครั้ง เป็นตัวยาในตระกูล Macrolide เช่น Ivermectin , Moxidectin และ Milbemycin ซึ่งจะ
ออกฤทธิ์เช่นเดียวกับ Diethylcarbamazine คือจะกำจัดตัวอ่อนชั้นเนื้อเยื่อ
และให้ผลในการป้องกันได้นานถึง 6 สัปดาห์หลังจากได้รับยาสำหรับตัวยาในตระกูลนี้ Macrolide นี้ มีส่วนผสมของ Milbemycin Oxime เพื่อป้องกันพยาธิหนอนหัวใจ,กับ Lufenuron เพื่อการควบคุมการแพร่พันธุ์ของหมัด นอกจากนี้ Milbemycin ยังออกฤทธิ์ ในการกำจัด พยาธิปากขอ,พยาธิตัวกลม และพยาธิแซ่ม้าอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ควรจะต้องมีการตรวจหาพยาธิเป็นประจำทุกปี แม้ว่าจะมีการป้องกันอยู่ตลอดทั้งปีแล้ว ก็ตาม
เรียบเรียงจาก A Heartless Killer หนังสือ Dog Fancy

:013::013:คุน ตา ไน รูป ถ้า จำ ไม่ผิด เคย เจอ ที่ งาน พิจิตร

เอาแบบง่ายๆครับ
ตัวสาเหตุคือ Dirofillaria immitis
ตัวพาหะ คือ ยุงรำคาญ (Culex spp.)
อวัยวะเป้าหมาย หัวใจ หลอดเลือดแดงไปปอด (pulmonary artery) ปอด หลอดเลือดดำใหญ๋จากตับสู่หัวใจ (Venacava)
การรักษา ใช้ Immiticide
การป้องกัน ในตัวสัตว์ ใช้ Ivermectin
นอกตัวสัตว์ ระวังยาให้ยุงกัด

หมอ พิทบูล