ยินดีต้อนรับครับ

ขอแนะนำให้ทุกท่าน สมัครสมาชิก เพื่อป้องกันการแอบอ้างชื่อครับ

Mark Mafia

สูตรอาหาร
  • ได้เลยครับป๋า :005: เรื่องอาหารนี่คุยกับพี่มาร์คทีไร ได้คุยกันยาวทุกที (เพราะความเห็นไม่ค่อยตรงกันเท่าไร :013:) เสียดายที่มาอยู่ที่นี่เลยไม่โทรคุยกับพี่มาร์คเลย ถ้าเป็นเมื่อก่อนแค่โทรคุยกัน หรือแวะไปคุย ก็คุยกันได้เป็นชั่วโมงๆ แล้ว :013:


    แต่เรื่องว่าพวกเลี้ยงประกวดจะไม่มาอ่านบทความก็คงไม่จริงเท่าไร เพราะผมเองก็ประกวดสุนัขนะครับป๋า ผมยังมาอ่านเลย :030:


    สำหรับเรื่องโครงไก่ กับกล้วย ผมเองก็เห็นด้วยว่าโครงไก่มีปริมาณของกระดูกมากกว่าเนื้อ ส่วนเรื่องกล้วยน้ำว้าเอง ลองดูสารอาหารนะครับ ว่ามีอะไรบ้าง สำหรับกล้วย ๑ ผล

    พลังงาน ๗๒ แคลอรี่
    ไขมัน ๐ กรัม
    ครอเรลตอรอล ๐ มิลลิกรัม
    โซเดียม ๑ มิลลิกรัม
    คาร์โบไฮเดรต ๑๙ กรัม
    โปรตีน ๑ กรัม

    สารอาหารส่วนใหญ่มาจากคาร์โบไฮเดรต เอาข้าวให้กินถ้วยหนึ่ง หรือขนมปังก้อนหนึ่ง ยังให้สารอาหารมากกว่า

    ส่วนไข่ดิบนี่ก็เห็นเหมือนกัน คือในไข่ขาวดิบ สุนัขย่อยไม่ได้ จะได้ประโยชน์ก็แค่จากไข่แดงเท่านั้น ซึ่งถ้าทำให้สุกก็ดีกว่า ได้ประโยชน์จากทั้งไข่ขาว ไข่แดงเลย


    แต่เรื่องผัก ผลไม้นี่ เห็นต่างอีกแล้ว :013: เพราะผมเคยทราบมาว่า ถ้าใช้อุณหภูมิในการปรุงผัก ผลไม้ไม่เกิน ๗๐ องศา คุณค่าจะยังไม่หายไปไหน อาหารบางยี่ห้อในต่างประเทศเลยใช้วิธีนี้ในการปรุงเฉพาะในส่วนของผัก และผลไม้ที่มาเป็นส่วนผสมของอาหาร ก่อนเอามาบดแล้วผสมกับส่วนประกอบในอาหารครับ อันนี้ไม่รู้จริงเท็จอย่างไร


    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าจะเลี้ยงก็อย่าให้เป็นภาระกับตัวเองมากจนเกินไป นั่นแหละครับดีที่สุด อย่าลืมว่าสุนัขคือ man best friend ถ้าไม่ได้เลี้ยงไว้ประกวด ก็เอาสะดวกเราดีกว่า นอกจากพวกที่อยากอวด อยากโชว์ว่าสุนัขตัวเองใหญ่ เท่ห์ไม่แพ้ของใครในปฐพี ก็อาจต้องยอมเหนื่อยเรื่องอาหารหน่อย ถ้าไม่ได้สุนัขที่พันธุกรรมไม่ดี :015:
  • ทุกวันนี้ผมให้สันในไก่เอาอะครับ สลับกับ เนื้อสะโพกแล่ติดหนังด้วยนิดหน่อยครับ
    โดยสลับกับอาหารเม็ด และ เสริมด้วยแคลเซียมเม็ดเอาครับ มีน้ำมันปลาต่างหากครับ

    เท่าที่พอทำตารางของเขาไว้คร่าวๆก็ประมาณนี้เลยครับ

    วันที่ 16/9/2551 24/9/2551 3/10/2551

    ตัวที่ 1 14.70 15.36 16.36 อายุปัจจุบัน 162 วันครับ ประมาณ 5 เดือนกับ 9 วันครับ
    ตัวที่ 2 17.63 18.94 20.02 อายุปัจจุบัน 162 วันเช่นกันครับ ประมาณ 5 เดือนกับ 9 วันเช่นกันครับ
    ตัวที่ 3 18.90 21.64 22.44 อายุปัจจุบัน 152 วันอ่อนกว่า 10 วันครับ ขาดอีก 2 วันครบ 5 เดือนครับ

    ส่วนปัจจุบันยังไม่ได้ชั่งน้ำหนักครับแต่คิดว่าคงไม่เพิ่มมากเท่าไหร่เพราะกำลังลดอาหารอยู่ครับ เพราะรู้สึกเจ้าตัวที่ 2 น้ำหนักเขาน่าจะเกินไปเนื่องด้วยจาก
    สายของเขาและก็รูปทรงของตัวครับ ส่วนตัวที่ 3 คิดว่าน่าจะเพิ่มมากกว่านี้อีกนิดหน่อย คิดไว้คร่าวๆน่าจะประมาณซัก 25 กก. อัพน่าจะดีครับ

    ตอนนี้คิดว่ากำลังจะเปลี่ยนให้เจ้า 2 ตัวแรก กินแต่อาหารเม็ดอย่างเดียว ส่วนเจ้าตัวที่ 3 กะว่าจะให้เป็นเนื้อสันในไก่ หรือ เนื้อสะโพกไก่แล่ กะว่าจะลองดูว่า
    น้ำหนักเฉลี่ยแล้ว จะไปในทิศทางใด แต่อาจจะสรุปไม่ได้ชัดเจนมากนักเพราะว่า ตัวที่ 1 และ 2 เป็นพี่น้องกัน ส่วนตัวที่ 3 เป็นคนละพ่อกับแม่ แต่อาจจะพอ
    สรุปได้คร่าวๆครับ ไว้ยังไงจะมาอัพเดทให้ครับผม

    แต่ทำแบบนี้ก็ต้องใช้เวลาพอสมควรเหมือนกันครับเล่นเอาเหนื่อยพอสมควรเพราะผมมือใหม่ด้วยครับ :o008:
  • :006:แจ๋วๆครับพี่พวกพี่ๆเสวนากันทำให้พวกผมได้ความรู้ไปด้วย :029:
  • หวัดดีตอนเช้าอีกครั้งท่านผู้ตรวจการฯ:005::005::005:

    การคุยของเรามันได้อรรถรส เพราะว่าเราเอาข้อมูลเข้าห่ำหั่นกัน ฮ่าๆๆๆ
    ท่านทำให้ผมต้องย้อนกลับไปกางตำรางัดข้อมูลมาสู้ คุยกับท่านนี่มั่วไม่ได้เลยนะ
    ข้อมูลผิดก็เท่ากับเปิดคางให้ท่านสอย จะโดนน๊อคก็ตรงนี้ละ :030:

    ความจริงผมก็ไม่ใช่นักวิชาการอะไรหรอก เป็นพวกชอบแหกทฤษฎีอีกต่างหาก (ชอบทำตัวแปลกแยก ขวางโลก)
    แต่พอมาทำอาหารทำให้ต้องเรียนรู้ แต่บางอย่างก็ยังต้องประยุกต์เอาอยู่ดี เพราะทฤษฎีกับปฏิบัติมันสวนทางกัน (จริงๆนะ)

    ยกตัวอย่าง ผมเคยฟังหมอแนะนำลูกค้า รวมถึงตัวผมด้วย (วันนี้คลีนิคหลายแห่งก็ยังแนะนำเช่นนี้) เรื่องลูกสุนัขต้องกินอาหารวันละ 4 มื้อ
    ฟังดูเผินๆก็เหมือนว่าจะไม่มีอะไรจริงไหมท่าน ผมกลับมาบ้านก็ทำตามเลย ให้อาหารทุก สี่ชั่วโมง แต่สังเกตุดูหมามันกินอย่างเก่งก็แค่สองมื้อ
    อ้าวทำงัยดีหว่า เริ่มกลุ้มแล้วจริงไหมครับพี่น้อง คราวนี้ก็ต้องมาหาวิธีการ ผสมโน่น ผสมนี่ เพื่อให้มันกินครบสี่มื้อ
    วันหยุดไม่มีปัญหา ให้เองได้ครบสี่มื้อ แต่วันธรรมดา ช่วงตูอยู่ที่ทำงาน ไม่มีคนอยู่บ้าน สองมื้อที่เหลือจะทำอย่างไรดีวะ
    ต้องทำอาหารใส่ตู้เย็น ฝากคนที่บ้านให้แทน เอาละครับเริ่มสร้าง ฝ่ายค้านในบ้านขึ้นมาแล้ว
    แรกๆเขาก็ทำให้ดี แต่ก็แค่สองสามวันแรก แต่หลายวันเขาเริ่มรู้สึกว่าเป็นภาระ หน้าเริ่มหงิกแล้วววววว
    ที่พูดมานี่ คือทำตามหลักทฤษฎี ใช่ไหมท่าน (เราอยากเลี้ยง แต่คนอื่นเดือดร้อน) ตกลงได้ความสุขหรือความทุกข์กันแน่ หว่า ???????

    ต่อมาการแก้ปัญหาสไตล์ มาร์ค มาเฟีย (เลี้ยงอย่างรับผิดชอบและไม่เป็นภาระแก่คนอื่น) เริ่มสร้างทฤษฎีใหม่
    ตอนแรก คิดถึงเครื่องให้อาหารหมาอัตโมติไปโน่น ฮ่าๆๆๆ (เริ่มเพ้อฝันและบ้าไปแล้ว)
    แต่พอนักถึงหลักธรรมชาติ ของสัตว์ที่อยู่ในป่าและหมาข้างถนน (เย้..... ใช่แล้ว หมาพวกนี้มันดูแลตัวเองและไม่มีตู้เย็นเว๊ยยยยยย )
    อ้าวแล้วมันแดกวันละสี่มื้อได้งัยวะ ตูเห็นมันอิ่มแล้วก็นอน พอวันไหนหิวก็ออกล่า ล่าได้ก็ฟาดกันพุงกาง ที่เหลือก็ทิ้ง เพราะไม่มีตู้เย็นเก็บ
    ลูกๆของมันก็ได้กินก็ตอนนี้ละ ถ้ามันต้องแดกวันละสี่มื้อตามทฤษฏี แม่มันคงต้องออกล่าวันละสี่ครั้ง หรือไม่ต้องมีตู้เย็น (ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ในทางปฏิบัติแหง๋มๆ)
    ท่านคงรู้นะว่าลูกหมาที่ผมเลี้ยง (ขอย้ำนะขอย้ำ อายุสองเดือนขึ้นไปหลังอย่านม) กินอาหารสูงสุดวันละกี่มื้อ ฮ่าๆๆๆ :006::006::006:
    และคงจะเดาออกแล้วใช่ไหมว่า ทำไม มาเฟีย ไม่เคยมีปัญหาหมาไม่กินข้าว :030::030::030:
    ทุกวันนี้ที่ยังคาใจ หมอที่แนะนำให้ลูกหมา กินวันละสี่มื้อ ไม่รู้ว่าเวลาหมอเลี้ยงเองทำได้แบบนี้จริงๆหรือเปล่า ฮ่าๆๆๆๆ

    ท่านเล่นเอาวิชาการมาคุย แต่ผมใช้หลักทฤษฎีใหม่ จากการสังเกตุของจริงและการปฏิบัติจริงนะท่าน
    เรื่องการต้มผักให้หมากินนี่ ถ้าน้ำเดือด ผมเดาเอาไว้ก่อนว่าอุณหภูมิเลย 70 แน่นอน เพราะฉนั้นจึงไม่น่าจะมีอะไรเหลือ :005:
    การปรุงอาหารเองให้หมาตามบ้าน ผมก็เดาอีกนั่นละว่า คงไม่มีใครควบคุมอุณหภูมิไว้ที่ 70 องศา (เดาเยอะจังเลยวุ๊ย):017:

    ส่วนกรรมวิธีการผลิตอาหารสำเร็จรูป ส่วนผสมแต่ละอย่างต้องเอามาป่นให้เป็นผงก่อน และกรรมวิธีการผลิตก็ต้องผ่านความร้อน เพื่อฆ่าเชื้อ
    แล้วอัดออกมาเป็นเม็ดแห้งๆ แบบอาหารปลาก่อน ต่อมาก็เอามาโคสติ่งไขมัน จะกีเปอร์เซนต์ กี่ชั้นก็ว่ากันไปตามสูตร
    ซึ่งอันนี้ก็ร้อนอีก เช่นกัน อาหารจึงเป็นเม็ดลักษณะฉ่ำน้ำมันอย่างที่ทกท่านเห็น

    ผมเลยไม่แน่ใจว่าสารอาหารจากผักยังเหลืออยู่หรือเปล่า และมีโรงงานไหนพึ่งสารอาหารจากผักสดจริงๆ (น่าจะเป็นกลยุทธการโฆษณามากกว่ามั๊งงงง)
    แต่ที่มั่นใจแน่นอนก็คือ กระบวนการผลิตอาหารสำเร็จรูป เขาต้องใส่ไวตามินรวม ที่เรียกว่าพีมิกซ์ ไม่อย่างนั้นคุณค่าทางอาหารไม่พอแน่นอน
    และต้องใส่เยอะด้วย เนื่องจาก สารอาหารพวกนี้โดยเฉพาะไวตามีนจะลดลงทุกเดือน เดือนละ 5-10% เป็นอย่างน้อย ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิที่เก็บรักษา
    ถ้าจะเหมาะอาหารสำเร็จรูปต้องเก็บอยู่ในห้องแอร์ จึงจะคงคุณค่าใกล้เคียงจากโรงงานมากที่สุด แต่ร้อยเปอร์เซนต์ไม่มียี่ห้อไหนทำอยู่แล้ว
    ยิ่งช่วงขนส่งทางเรือก็อยู่ในคอนเทรนเนอร์ธรรมดา ตากแดดตากฝนอีกเป็นเดือน ข้ามน้ำข้ามทะเลมา (เอาความจริงมาพูดเล่นอีกแล้ว ฮ่าๆๆ)
    จากนั้นก็กระจายผ่านตัวแทน เก็บในโกดังของแต่ละที่ กว่าจะมาถึงมือคนใช้ก็น่าจะประมาณสามสี่เดือนเป็นอย่างน้อย :001::001::001:

    ในที่สุด ความลับก็แตก เอฟวัน ที่คนสังสัยว่าทำไมใช้แล้ว หมากินดี บางครั้งดีกว่าของนำเข้าบางยี่ห้อเสียอีก ก็เพราะความสดใหม่ นี่ละครับ
    ของนอกบางยี่ห้อ เป็นปียังขายไม่หมด พออาหารใกล้หมดอายุก็รีบลดราคาระบายออก
    ผู้ใช้บางท่านไม่ได้ดูข้างถุงเห็นราคาถูกก็รีบตุนตามระเบียบ (กะฟาดของถูก)
    แต่ของเราขายตรง อาหารทุกล๊อต จำหน่ายหมดภายในหนึ่งเดือน
    ทุกถุงผลิตเสร็จ ส่งถึงมือคนใช้ บางทีก็แค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น (ขอแฝงโฆษณาเป็นค่าวิชาหน่อยนะท่าน) :030::030::030:

    วันนี้เอาแค่นี้นะท่าน
    ขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ :063::063::063:
  • เห็นด้วยกับคุณ Mafia ครับ เรื่องค่าใช้จ่ายกับเวลาในการเลี้ยง
    เพราะคนรักสุนัขไม่ได้รวยเหมือนกันทุกคนต้องทำงานหาเงินกันทั้งนั้น
    เลี้ยงสุนัขตัวหนึ่งใช้เงินมิไช่น้อยเมื่อเทียบกับเงินเดือนของคนบางกลุ่ม
    จะไปเทียบกับพวกที่เหลือใช้เหลือเก็บไม่ได้หลอกคับ
    แต่ใจมันรักจะทำไงได้สดวกใครสดวกมันก็แล้วกัน
    ใหญ่ไม่ใหญๆก็ของเรา เรารักมันเลี้ยงแล้วมีความสุขก็พอแล้ว
    มีบางคนรวยจัดซื้อสุนัขมาเลี้ยงไม่เคยดูแลให้คนใช้เลี้ยงหมามันยังรักคนใช้มากกว่าเจ้าของอีก555+
  • เรื่องผัก ผลไม้นี่ผมก็ไม่แน่ใจว่าเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดหรือเปล่า แต่คิดว่าน่าจะไม่ เพราะพวกยี่ห้อที่ใช้วิธีนี้จริงๆ น่าจะไม่มีขายในเมืองไทย (มั้ง) ครับ เพราะมันแพง แต่พวกอาหารต่างชาติที่นำเข้ามาขายในบ้านเรา ผมว่าเกือบทั้งหมดน่าจะไม่ได้ทำวิธีนี้มั้ง :030:

    แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า คงต้องมีคุณค่าจากวิตามิน เกลือแร่ ในรูปแบบของเม็ดผสมอยู่ด้วย ตามรูปแบบของฝรั่ง เพราะอย่างที่ป๋ามาร์คก็รู้ว่า อยู่เมืองนอกนี่หาผัก ผลไม้สดทานไม่ง่าย และไม่หลากหลายเท่าเมืองไทย เป็นเหตุให้ผัก กับเนื้อนี่ราคาเกือบจะเท่ากัน มันเลยอาจเป็นเหตุให้ชาวต่างชาติถวิลหาผล ผลไม้ และไม่วายที่จะเอาผสมลงไปในอาหารสุนัขด้วย แต่พอต้องผสมลงไปในอาหารเม็ด ก็เลยพยายามหาวิธีที่ดีที่สุดที่จะผสมลงไปในอาหารเม็ด ก็เลยมาลงเอยที่เอาไปต้มด้วยอุณหภูมิ ๗๐ องศาแทน อารมณ์การแปรรูปผัก ผลไม้ของเขาอาจจะเหมือนกรณีการทำ ซีเรียลของคนมั้งครับ ใช้ความร้อนในระดับที่ยังคงเหลือสารอาหารอยู่ :063:


    แต่เรื่องการให้อาหาร ผมเองก็ให้อาหารลูกสุนัขแบ่ง ๔ มื้อนะครับป๋า (แบ่งให้โดยคำนวนจากในหนึ่งวันเขาควรได้รับอาหารขนาดไหน แล้วแบ่ง ๔ ส่วน) ผมว่าก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เพียงแต่ ณ ตอนนั้นผมมีเวลาเท่านั้นเอง แต่ถ้าใครไม่มีเวลา มาทำแบบนั้นก็คงไม่ได้ ก็ลองใช้วิธีป๋ามาร์คดูก็ดีครับ เป็นอีกทางเลือก :015:





    เรื่องเลี้ยงสุนัขให้สบายเรา ทั้งเรื่องเวลา การค่าใช้จ่าย อันนี้ผมเห็นด้วย ๑๐๐% เลยครับ :015: และอยากให้ผู้เลี้ยงทุกคนรักสุนัขของตัวเองมาจากใจ โดยเฉพาะพิทบูลที่มันก็เอาไปประกวดที่ไหนไม่ได้ เจ้าของรักอย่างที่เขาเป็นนั่นแหละครับดีที่สุด :063:


    แต่มันก็ไม่วายที่จะมีเจ้าของบางคน อยากเสียเหลือเกินว่าทำอย่างไรให้สุนัขตัวใหญ่ๆ ล่ำๆ หนาๆ เอาแบบเดินไปไหนคนเหลียวหลังกลับมามอง ซึ่งพวกนี้มักจะมีคำถามประจำที่จากการอ่านติดตามพิทบูลโซนมาประมาณ ๗ ปีนี่ สามารถสรุปได้ดังนี้


    ผู้เลี้ยง : ทำยังไงดีครับ อยากให้หมาตัวใหญ่ๆ ล่ำๆ บึ้กๆ

    ผู้แนะนำ : คุณก็ไปซื้อสุนัขที่สายพันธุ์เขาใหญ่ หนา มาเลี้ยงสิ จะได้ได้ตรงตามใจอยาก

    ผู้เลี้ยง : ไม่เอาน่ะ พวกสายเลือดดี มันราคาแพง :028: อยากได้แบบไม่กี่พัน , ราคานักศึกษา , ราคาย่อมเยาว์ ฯลฯ

    ผู้แนะนำ : งั้นก็ให้อาหารดีๆ เขาจะได้ตัวใหญ่ๆ

    ผู้เลี้ยง : แล้วให้ทานอะไรดีล่ะครับ ถึงจะเรียกว่าอาหารดีๆ

    ผู้แนะนำ : ลองให้ทานอาหารสูตรพรีเมี่ยม (จะของไทย ของเทศก็ว่าไป)

    ผู้เลี้ยง : ลองแล้วครับ เขาไม่ค่อยทาน :022: ทานไม่เยอะ แรกๆ ก็ทานดี หลังๆ นี่ต้องผสมโน่นนี่ให้ทานตลอดเลย แล้วก็ทานแต่ของที่ผสมลงไป อาหารเม็ดไม่ทานแลยครับ ผมล่ะอยากจะไปกินแทนมันให้รู้แล้วรู้รอด

    ผู้แนะนำ : ถ้าแบบนี้ต้องฝึกนิสัยการกินครับ ต้องอดเขาให้กลับมาอยู่ในวินัย

    ผู้เลี้ยง : อดแล้วครับ แต่พอเห็นหน้าตาเขาน่าสงสาร เลยอดไม่ได้ที่ต้องผสมอะไรลงไป :030:

    ผู้แนะนำ : ถ้าเป็นแบบนั้นก็ลองเปลี่ยนเป็นให้อาหารสดปรุงเองดีๆ ไง (ตัวอย่างเช่นในสูตรที่ผมบอกไป)

    ผู้เลี้ยง : โอย ไม่ไหวครับ ราคาวัตถุดิบแพงเหลือเกิน :001:

    ผู้แนะนำ : :025: งั้นก็คงให้ตัวใหญ่ไม่ไหวหรอกครับ

    ผู้เลี้ยง : แต่ผมอยากให้มันตัวใหญ่น่ะครับ :002:

    ผู้แนะนำ : ..... (คิดในใจ คนนี้นี่ลงทุนซื้อหมาพันธุกรรมใหญ่ก็ไม่เอา ลงทุนซื้ออาหารดีๆ มาให้ก็ไม่เอา มันจะเอาแบบไหน ฟระ :012:) แล้วก็เลยตัดใจแนะนำออกไปว่า

    เอ่อ ... ผมว่าโครงไก่ก็พอได้มั้งครับ เพราะอย่างน้อยหมามันคงกินดีกว่าการไม่กินอะไรเลย แล้วถ้าหมากิน มันก็ต้องดีกว่าไม่กินอยู่แล้ว และที่โครงไก่ดิยก็ยังพอมีเนื้อหนังอยู่บ้าง (แม้ส่วนใหญ่จะเป็นซี่โครง และกระดูก) และถ้าไม่อยากลงทุนอาหารราคาแพง นี่ก็ราคาไม่แพงเท่าไหร่

    ผู้เลี้ยง : โอ้ขอบคุณครับ


    จากนั้นก็ไปกระจายกันออกไปเรื่อยๆ ว่าถ้าอยากให้ตัวใหญ่ต้องโครงไก่เท่านั้น (แล้วไอ้ที่สนทนากันมาก่อนหน้ายาวๆ ก็ตัดออกไปหมดเลย :025:) จนเป็นที่มาของลัทธิโครงไก่ในกลุ่มพิทบูลมั้งครับ :013: เพราะจะบอกว่าไปเอามาจากกลุ่ม BARF หรือกลุ่มที่เขาให้อาหารสดดิบ พวกนั้นจริงๆ ก็ไม่ได้ให้แค่โครงไก่อย่างเดียว มีเนื้อวัวดิบ ผัก ผลไม้สด โยเกิร์ต นมแพะ ฯลฯ อะไรพวกนี้ด้วยครับ สลับกันออกไป เพราะขนาดพวกที่ศึกษา BARF จริงๆ ยังบอกเลยว่าถ้าให้แค่โครงไก่อย่างเดียว นานๆ เข้าสารอาหารอาจจะไม่พอ
  • ของผมปัจจุบันก็เริ่มอย่างที่คุณนลบอกบ้างเหมือนกันครับเพราะกลัวเขากินแต่เนื้อไก่ดิบๆอย่างเดียวคิดว่าโภชนาการทางอาหารไม่น่าครบแน่ๆเลย

    เลยดูๆเอาและลองปรับๆดูนะครับ เลยพอได้ออกมาคร่าวๆก็จะมี บร๊อคโคลี่ แครอท ชีส น้ำมันดอกทานตะวัน เนื้อไก่ดิบ เนื้อวัวติดมันดิบ แต่โยเกิร์ตนี่ยัง
    ไม่เคยลองผสมดูครับ แต่คิดว่าน่าจะลองหามาดูเหมือนกัน เพราะใจจริงไม่อยากเปลี่ยนอาหารเขาบ่อยกลัวจะท้องเสีย ได้แต่คงแบบนี้ไว้คร่าวๆครับ
    ไม่รู้ว่าพอใช้ได้ไหมครับ ส่วนที่เสริมเข้ามาก็จะมี น้ำมันปลา แต่ถ้างบประมาณหมด ก็เป็นน้ำมันตับปลาแทนครับ แคลเซี่ยมเม็ด

    โดยส่วนมากพวกนี้ผมจะให้เป็นมื้อเย็น ส่วนมื้อเช้าก็อาหารเม็ดสำเร็จรูปทั่วๆไป ราวๆ 3 ถ้วยตวง ถ้วยตวงขนาด 250 ml. ครับ เพราะกลางวันส่วนมาก
    ผมจะไม่ค่อยมีเวลาให้ ส่วนใหญ่จะให้มือเช้า และ เย็น เป็นหลัก แต่เห็นเพื่อนๆพี่ๆหลายๆท่าน บอกว่า น่าจะให้ 4 มือ แต่ผมควบแทนเลยอะครับ

    ส่วนเวลาเล่น ก็จะมีก่อนอาหารเช้า ประมาณ ครึ่งชั่วโมง หลังอาหารเช้าอีกราวๆ ครึ่งชั่วโมง ส่วนอาหารเย็นก็เช่นกันเลยครับ แต่ถ้ากลางวันมีคนอยู่บ้าน
    ก็จะมีปล่อยเล่นบ้างประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วก็มีอาหารเม็ดอีกราวๆ 1 ถ้วยตวง 250 ml. ครับ

    ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร รบกวนเพื่อนๆพี่ๆช่วยดูให้ทีนะครับ

    :m008:
  • หวัดดีกันอีกครั้งครับ ติดภารกิจส่วนตัว บางประการ เลยทิ้งช่วงนานไปหน่อย :030:

    ท่านผู้ตรวจการฯ นล กับผม หลายอย่างคิดตรงกัน หลายอย่างก็คิดต่างกัน แต่เราไม่แตกแยกแน่นอน :063::063::063:
    ผมเถียงกับคุณนลเป็นประจำ แต่ยืนยันว่าเราสนิทกันมากและคบกันมานานแล้ว ท่านที่เข้ามาอ่านใหม่ๆ อย่าแปลเจตนาว่าเรากำลัง ขัดแย้งกันนะครับ
    เราสองคนชอบลองวิชากันอยู่เสมอๆ เราคิดว่าการถกกันด้วยเหตุและผล แบบนี้เปรียบเสมือนลับดาบทางความคิดให้กันและกันครับ:005:

    คุณนล จะได้เปรียบผมนิดหน่อย ตรงความสด หนุ่ม พลังงานเหลือเฝือ และแน่นอน มีเวลาว่างเยอะกว่าผมแน่ๆ สามารถโฟกัสได้ทีละเรื่อง หากสนใจเรื่องไหนแล้วจะลงลึกศึกษาจนเห็นจริง และแม่นในข้อมูลมากกว่า ถ้าถามหลักวิชาการเชิงเลิกคุณนลมีภาษีดีกว่าแน่นอน เพราะลงรายละเอียดได้มากกว่า (รอเพาะบ่มประสบการณ์ทางโลกเพิ่มอีกหน่อย คงประมือด้วยลำบาก ฮ่าๆๆๆ):030:

    ส่วนผม ทำงานด้านบริหาร ทุกวันนี้จับงานเยอะหลายอย่าง (ยังพอมีลูกเก๋าเป็นเกราะกำบัง จึงรอดจากการโดนน๊อคได้หลายครั้ง) จัดเป็นพวกชอบประยุกต์ เพราะว่าภารกิจเยอะเหลือเกิน ลงลึกในรายละเอียดมากไม่ได้ เพราะเวลาน้อย บวกอายุเยอะแล้ว เรี่ยวแรงถดถอย (บางครั้งต้องพึ่งยา) ขี้เกียจอ่านตำรา ไม่ค่อยชอบการท่องจำ อ่านหนังสือได้ไม่ทน จะเอาแค่คอนเซป แต่ไม่จำรายละเอียด เรื่องไหนทำได้เอาตาม เรื่องไหนยากในทางปฏิบัติ ก็คิดวิธีใหม่เสียเลย คุณนลเสียเปรียบผมแน่เรื่อง ความคิดในเชิงวิเคราะห์ เพราะอาชีพหลักผม เป็นที่ปรึกษา รับแก้ปัญหาให้องค์กรต่างๆอยู่แล้ว ฮ่าๆๆๆ :065:

    ความแตกต่างของเรา คุณ นล เป็นน้องที่น่ารัก เป็นคนสม่ำเสมอ ประณีประนอม และอดทนต่อการยั่วยุได้ดีกว่าผม (ยืนยันว่าคบได้ไม่ผิดหวัง) ด้วยลักษณะนิสัย สุภาพเรียบร้อย เข้ากับคนง่าย ตอนนี้จึงห่วงเพียงอย่างเดียว กลัวโดนฝ่ายตรงข้ามดึงตัว ฮ่าๆๆ :039::039::039:
    ส่วนผม คงไม่ต้องอธิบายลักษณะนิสัยส่วนตัวนะครับ เป็นพวกเลี้ยงหมาบ้าๆ บ้อๆ ไม่ได้ตามกระแส เน้นบันเทิง (ประเภทที่ว่าหมาตูดีที่สุดในโลก ใครแตะตูสวน ดีมาดีไป มั่วมาก็มั่วกลับ) และ วีรกรรม วีรเวร ต่างๆ คงได้เห็นประจักษ์ต่อสายตากันมานานพอควรแล้ว :030::030::030:

    ใครจะเข้ามาจอยกระทู้นี้ เรียนรู้เราสองคนไว้ก่อนนะครับ :065::065::065:
  • โทษทีเหมือนกันครับ เผอิญช่วงนี้ใกล้จะสอบเลยไม่ได้เข้ามาตอบ แถมเมื่อวานยังต้องไปที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก เพื่อไปร่วมวิเคราะห์เรื่องความแตกต่าง ข้อดี ข้อเสีย ของการศึกษาระหว่างของประเทศไทย กับประเทศเนเธอร์แลนด์ วันนี้จริงๆ ก็ยังไม่ว่างมาก แต่ก็เข้ามาซะหน่อย :015:

    ถึงคุณ experimental

    ผมว่าสูตรนี้ก็โอเคนะครับ เพียงแต่ถ้าเป็นผม อาจจะเพิ่มคาร์โบไฮเดรตเข้าไปอีกนิด เพราะอาหารของคุณ experimental เน้นเนื้อมาก และมีเพียงคาร์โบจากผักเท่านั้น อาจจะเพิ่มเป็นขนมปังอีก ๒ แผ่นก็ได้มั้งครับ แล้วก็แคลเซี่ยม ถ้าเป็นผม ผมว่าเอานมให้ดีกว่า เพราะเป็นแคลเซียมในรูปธรรมชาติ ถ้าร่างกายรับเกินความจำเป็นก็ขับออกไปได้ง่าย ไม่เหมือนพวกแคลเซียมเม็ดที่ขับจากร่างกายยากกว่า และบางทีอาจจะไปเกาะตามกระดูกได้มากกว่าครับ :015:


    ถึงป๋ามาร์ค

    ผมว่าแล้วว่าป๋าต้องมาวันอาทิตย์ เพราะเน็ทรุ่นดึกของบ้านป๋ามันต้องใช้เวลาในการโหลดนาน :013:


    และเป็นอย่างที่พี่มาร์คพูดครับว่า ผมเองกับพี่มาร์ค เราสนิทกันมานาน (ผมน่าจะเป็นพวกรุ่นแรกๆ ที่มาทำกิจกรรมด้วย ๑ ในไม่กี่คนที่ยังเหลือ) หลายเรื่องเราเห็นเหมือนกัน บางเรื่องเห็นต่าง ก็คุยกันไป อันไหนเห็นไม่ตรงกัน ก็คือไม่ตรงกัน ต่างคนก็มีความคิดของตัวเอง ก็ปล่อยเรื่องนั้นไป แต่ถ้ายกมาพูดกัน ก็ได้สนทนาเพื่อแลกเปลี่ยนกันได้เสมอๆ แต่ก็ไม่เอาตรงนั้นมาเป็นสาระในอารมณ์ครับ เพราะคติคือ

    "อาจแตกต่าง แต่ไม่แตกแยก" :005:


    ส่วนพี่มาร์คนั้น เรื่องผ่านยุทธภพมาคงไม่ต้องพูดกัน เพราะตั้งแต่ตามมานี่ประมือมาแล้วกับจอมยุทธเกือบทุกรูปแบบ ไม่เว้นแม้แต่ผี :030: อาจล้มบ้าง ลุกบ้าง แต่ก็ยังอยู่มาถึงทุกวันนี้ ผมถือว่าเวลาพิสูจน์ให้ดูได้ครับ ว่าป๋าแกวิทยายุทธทั้งรุก ทั้งรับขนาดไหน :063:


    มีอีกเรื่องที่ผมอาจจะเสียเปรียบพี่มาร์คอย่างเห็นได้ชัดนอกจากเรื่องแนวคิดเชิงวิเคราะห์ คือผมเองไม่ชอบโดนกัดแขนโดยป้าเนตรนารีแก่ๆ แถวเสนาเหมือนกับพี่มาร์คนะครับ :013::013: (อันนี้ต้องรุ่นเก่าเท่านั้นถึงจะรู้ความหมาย) :013:


    ส่วนเรื่องกลัวการดึงตัว :005: ผมก็ยังยืนยันคำเดิมครับ ว่าผมเองไม่มีปัญหากับทั้งพี่มาร์ค และกลุ่มที่ไม่ถูกกับพี่มาร์ค ผมจึงสามารถคุยได้กับทั้ง ๒ ฝ่าย แต่ด้วยระยะเวลาและอะไรหลายๆ อย่าง ก็ยังยืนยันว่าผมยังสนิทกับพี่มาร์คมากกว่าเหมือนเดิมครับ :063: (แม้ผมจะไม่ได้อยู่กลุ่มดำน้ำก็ตาม เพราะข้าราชการไส้แห้งไม่มีงบประมาณไปใช้ขนาดนั้น :030:) เพราะผมถือว่า คนที่เรารู้จัก ๒ คนทะเลาะกัน แต่เราไม่ได้ไปทะเลาะกับเขาด้วย เราจึงไม่ควรเอาอารมณ์ของเราเข้าไปร่วมครับ ฟังได้ รับทราบได้ และประมวลผลด้วยตัวเองได้ว่าในความคิดเราใครน่าจะผิดถูก ในเรื่องไหน แต่ถ้าเอาอารมณ์เข้าร่วมไปด้วยเสมือนเราไปทะเลาะกับเขาด้วย สุดท้ายจะไม่พ้นการเลือกข้างว่าจะอยู่ฝ่ายไหน แล้วมันจะนำมาซึ่งการต้องเลิกคบกับอีกฝ่ายหนึ่งแน่นอน ซึ่งส่วนตัวผมถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะดี :064: สู้คุยได้กับทั้ง ๒ ฝ่ายแต่สนิทกับใครมากน้อย น่าจะดีกว่า :063:


    ส่วนความสนิทของผมกับพี่มาร์ค ก็อาจจะมีในระดับที่ว่าถ้าผมอยากให้ของขวัญวันเกิดแก่พี่มาร์คสักชิ้น ผมก็พอจะทราบว่าแกชอบอะไรครับ ป๋ามาร์คจำไว้นะครับว่าถ้าผมจะเอาของขวัญวันเกิดไปให้ป๋า ผมจะซื้อกระรอก หรือหนูแฮมสเตอร์ไปให้ เพราะป๋าแกชอบมากๆ :013::013::013:
  • แวะมาทักทายสองจอมยุทธครับ

    ได้เลยครับคุณนล ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวจะไปบอกแฟนว่า เสริมคาร์โบไฮเดรทเข้าไปอีกนิด แล้วก็เพิ่มนมสดเข้าไปอีกหน่อยครับ จริงๆตะก่อนก็ให้กินนมแทนน้ำเลยหละครับ
    แต่พักหลังสู้ไม่ไหว ฮ่าๆๆๆ พวกเล่นกินวันละประมาณ 4 กล่อง เช้า 2 เย็น 2 ครับ แต่ตอนนี้อาจจะกลับมาให้ตามปรกติดีกว่า :015:

    ไว้ได้เรื่องอย่างไรจะนำมาแจ้งอีกครั้งครับ

    ปล. วันนี้วันที่ 12 ไปดันทรงหูมาและตัดไหมครับ ชั่งน้ำหนักตัวได้ 26.20 กก. สำหรับเจ้าตัวอายุน้อยสุดครับ ตัดหูไปเมื่อวันที่ 6 ตุลาคมครับ ตอนนั้นชั่งก่อนตัด 23.10 กก.
    นับจากวันที่ตัดหูมา 6 วัน น้ำหนักยังคงเพิ่มมาราวๆ 3 กก. ไม่รู้ว่าโอเคหรือปล่าวครับ :015: เดี๋ยวกลัวว่าเจ้าของจะหาว่าผมเลี้ยงไม่ดีครับ
  • หมาเพิ่งตัดหู หนัก 26 โล:017::017::017:

    ใหญ่มากๆครับ
  • ได้สาระตั้งแต่ต้นจนจบ:m001: สุดยอด:m072:
  • อัพเดทเด็กๆล่าสุดนะครับ เจ้าแสบ 1 กับ แสบ 2 นี่ น้ำหนักขึ้นไม่เยอะมากเพราะผม
    ไม่อยากให้มันอ้วนมากครับ เพราะมันไม่ใช่บูลลี่ เป็นแบบทั่วๆไป เพราะกลัวอ้วนไป
    จะมีปัญหาได้ ก็เลยลองเปลี่ยนอาหารจากช่วงวันที่ 1 ตุลาคม ให้มากินแบบอาหารเม็ดธรรมดา
    เหมือนเดิมครับ:m008:

    แต่ไอ้เจ้าแสบ 3 เห็นว่าเป็นบูลลี่ ก็เลยให้อาหารทำเองเหมือนเดิมครับ น้ำหนักก็ขึ้นมาเรื่อยๆครับ
    จากวันที่ 12 ตุลาคม ที่ไปตัดไหมมา หนักอยู่ที่ 26.20 กก. ครับ น้ำหนักปัจจุบันเหมือนจะไม่ค่อย
    ขยับขึ้นไปซักเท่าใด ผมกะว่าถ้าครบ 6 เดือน น่าจะไปแตะอยู่ที่ 30 กก. ครับ

    ไม่ทราบว่าเพื่อนๆพี่ๆน้องๆท่านใด มีความเห็นแบบไหน แนะนำได้นะครับ

    ขอบคุณมากครับ

    วันที่ 16/09/2551 24/10/2551
    ตัวที่ 1 16.36 กก. 18.40 กก. อายุปัจจุบัน 6 เดือน 3 วันครับ
    ตัวที่ 2 20.02 กก. 23.20 กก. อายุปัจจุบัน 6 เดือน 3 วันครับ
    ตัวที่ 3 22.44 กก. 28.30 กก. อายุปัจจุบัน 5 เดือน 24 วันครับ

    :m008:
  • โตคารมกันแบบผู้มีวุฒิทางปัญญาคับ..สุดยออดด.....ได้ประโยชน์ตามๆกันไปเลยคับ...อ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ ยังไม่หนุกเท่าอ่านกระทู้พี่ๆเลยคับ...ขอบพระคุณจริงๆคับ :063: :063: :063: :063: :063: :063:
  • :029:ขอบคุณคร้าบ