หัวข้อกระทู้
ข่าวสาร
เข้าสู่ระบบ
ยินดีต้อนรับครับ
ขอแนะนำให้ทุกท่าน สมัครสมาชิก เพื่อป้องกันการแอบอ้างชื่อครับ
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
หมวด
หัวข้อทั้งหมด
36,995
General Issues กระทู้ทั่วไป
27,550
All Gangster กลุ่ม ชมรม คอก ฟาร์ม
87
กฎระเบียบ การขึ้นทะเบียนสุนัข ABC
9
Dog for Sale ตลาดซื้อขาย
7,857
Products & Service สินค้าและบริการ
407
ผลิตภัณฑ์/อาหารสุนัข
26
Activities กิจกรรม
138
Knowledge สาระ
880
Hit Questions/ คำถามยอดฮิต
10
สมาชิกใหม่อยากให้อ่าน !!
31
Mark Mafia
เทคนิคการให้อาหารสุนัข
74
พิตบูลกำลังจะกลายเป็นหมาจร !!
96
เปิดตัว เดอะ เฮอร์ริเคน ดุ๊ก
34
ก่อนลงขาย ขอความร่วมมือจากส...
213
เปิดตัว เดอะ เรด กราม ล๊อค
199
ช่วยแนะนำหน่อยคะ... เจ้าหมา...
49
มือใหม่อยากให้อ่าน
64
เล่นบอร์ดนี้ ให้มีความสุข
60
Welcome to Pitbull Cafe'
1118
ทำไมถึงต้อง พิตบูล
47
Pitbullzone Radio สถานีวิทย...
59
เปิดตัว The Red Warrior Dae...
79
ผลิตภัณฑ์สร้างกล้ามเนื้อ "พ...
527
คำคม วลีเด็ด มาร์ค มาเฟีย
49
ประสบการณ์จริงของการเลี้ยงห...
105
มาร์ค มาเฟีย อยากบอก !!!
81
รวมคลิป ฝึกหมาจาก PitbullZo...
43
Gramlock , the first time o...
195
ถึงมือใหม่ทุกท่าน ด้วยความป...
105
นโยบาย ปี2555 ของเว็บ Pitbu...
62
เป็นไปได้ไหม ???
165
ความแตกต่างของเอฟวันแต่ละรุ่น
79
เรียนมาเพื่อแจ้งให้ทราบ
41
กองทุน Pitbullzone (ABC)
43
ชะตาฟ้าหรือจะสู้มานะตน
133
รักหมาจริงหรือว่ารักตัวเองก...
128
สินค้าที่ระลึก Pitbullzone
9
ประวัติพิทบูล นักสู้ตลอดกาล...
96
ลงรูปครับ(สำหรับคนไม่รู้)
6
French-Bulldog กิน F1 ได้มั...
78
Proudly to present The Stro...
64
Knowledge สาระ
สำหรับผู้เลี้ยงมือไหม่ (Hip Dysplasia)
BenZIIoUIIsJ
สิงหาคม 2010
โรคข้อสะโพกเสื่อม ( Hip Dysplasia )
มีข้อมูลดีๆ มาฝากครับ.....อาจจะยาวไปหน่อยแต่เชื่อว่ามีประโยชน์กับสุนัขที่เป็นโรคข้อสะโพกเสื่อม ไม่มากก็น้อยครับ.
โรคข้อสะโพกเสื่อม ( Hip Dysplasia )
เป็นโรคกระดูกที่พบได้มากในสุนัขพันธุ์ใหญ่ ( Giant and large breed ) โดยพบมากถึง 1 ใน 3 ของโรคกระดูกทั้งหมด โดยโรคนี้จะมีพัฒนาการในช่วงที่มีการเจริญเติบโตของกระดูก จึงอาจพบได้ตั้งแต่ 4-12 เดือน
สาเหตุและปัจจัยโน้มนำ
1. กรรมพันธุ์
กรรมพันธุ์มักเป็นสาเหตุเริ่มแรกของโรคและมักจะเกิดร่วมกับปัจจัยอื่นๆ ทำให้ความรุนแรงมากขึ้นพบว่าลูกสุนัขที่เกิดจากพ่อ-แม่ที่ไม่แสดงอาการของโรคอาจป่วยด้วยโรคนี้ได้ ส่วนลูกสุนัขที่เกิดจากพ่อ-แม่ที่ป่วยด้วยโรคข้อสะโพกเสื่อมจะมีเพียง 7% เท่านั้นที่ปกติ
2. โภชนาการ
การให้อาหารเต็มที่ตลอดเวลา จะทำให้มีโอกาสเกิดโรคสูง ควรให้ปริมาณอาหารเพียง 60-70% ของปริมาณอาหารที่สุนัขกินได้
3. อัตราการเจริญเติบโตและขนาดตัวของสุนัข
ลูกสุนัขที่มีอัตราการเจริญเติบโตเร็ว และมีน้ำหนักตัวมาก จะมีแนวโน้มเกิดปัญหาได้มากกว่า
4. สภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดู
กรณีที่ลูกสุนัขมีแนวโน้มเป็นโรคขอ้สะโพกเสื่อมหากมีการออกกำลังกายที่มาก จะทำให้แนวโน้มการเกิดโรคสูงขึ้น นอกจากนี้สภาพพื้นผิวที่สุนัขอยู่หากเรียบและลื่น ก็จะทำให้สุนัขที่มีปัญหาอยู่แสดงอาการได้เร็วและรุนแรงขึ้น
อาการ
1. ความสามารถในการออกกำลังกายลดลง
2. การลุกยืนหรือนั่ง ทำได้ช้าหรือลำบากมากกว่าปกติ
3. สุนัขไม่พยายามหรือไม่สามารถกระโดด ก้าวขึ้นหรือลงบันไดหรือรถยนต์ได้
4. บางครั้งอาจได้ยินเสียงคลิกที่บริเวณสะโพก เวลาสุนัขเดิน
5. ลักษณะการวิ่งจะใช้ 2 ขาหลังก้าวไปพร้อมๆ กัน
6. มีอาการเจ็บขาเด่นชัดมากขึ้นหลังการออกกำลังกายอาจแสดงอาการของขาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง
7. สุนัขจะยืนในลักษณะหลังงอ กล้ามเนื้อบริเวณขาหลังและสะโพกลีบเล็กลง บางครั้งสุนัขจะยืนลักษณะขาชิด แต่ปลายเท้าแบะออก
การวินิจฉัยโรค
1. การถ่ายภาพรังสีเอ็กซ์เรย์
ใช้ประเมินความรุนแรงของโรคได้ในช่วงอายุ 12-18 เดือน สำหรับลูกสุนัขที่มีปัญหารุนแรงสามารถพบการเปลี่ยนแปลงของข้อต่อได้เร็วกว่านี้
2. การตรวจข้อสะโพก
ตรวจได้ตั้งแต่ลูกสุนัขอายุประมาณ 8 สัปดาห์ ซึ่งยังมองไม่เห็นความผิดปกติด้วยภาพถ่ายรังสี
การรักษา แบ่งเป็น 2 ลักษณะคือ
1. การรักษาทางยา
2. การรักษาทางการผ่าตัด
การรักษาทางยา
เป็นการรักษากรณีที่เริ่มมีอาการ โดยการใช้ยาแก้ปวด ลดอักเสบ รวมทั้งการใช้สารเสริมอาหารพวกกลูโคซาไมด์ และคอนดรอยติน ร่วมไปกับการควบคุมปริมาณอาหารที่เหมาะสม นอกจากนี้ควรให้สุนัขมีการออกกำลังกายที่เหมาะสม
การรักษาโดยการผ่าตัด มีจุดประสงค์เพื่อ
1. ลดอาการเจ็บปวดบริเวณข้อต่อ
2. เพื่อให้สุนัขสามารถกลับมาใช้ขารับน้ำหนักได้
3. เพื่อลดการดำเนินไปของโรค
แต่อย่างไรก็ตามการผ่าตัดในกรณีที่ป่วยมานาน กล้ามเนื้อขาเริ่มลีบ จะให้ผลการรักษาที่ไม่ค่อยดีนัก
วิธีทำกายภาพกรณีข้อสะโพกเสื่อม
สัปดาห์ที่ 1
1. ใช้ถุงน้ำร้อนประคบบริเวณสะโพกนาน 15-20 นาที แล้วทำการยืด-หดขา 10-15 ครั้ง ทำ 2-3 ครั้งต่อวัน
2. จูงสุนัขเดินนาน 10-20 นาที อย่างน้อย 2 ครั้งและไม่ควรเกิน 3 ครั้งต่อวัน
3. สังเกตุการตอบสนองของสุนัขโดยไม่ให้ยาใดๆ
4. ถ้าสุนัขมีอาการเจ็บบริเวณข้อ ให้ลดกิจกรรมต่างๆลง 50% และให้ยาลดอาการปวดก่อนทำกายถาพบำบัด 30-60 นาที
5. พิจารณาประคบเย็นบริเวณข้อสะโพกหลังการทำกายภาพบำบัด
สัปดาห์ที่ 2-4
1. ใช้ถุงน้ำร้อนประคบบริเวณสะโพกนาน 15-20นาที
2. ยืด-หดขาและเพิ่มเวลาการเดิน
3. เริ่มให้สุนัขเดินในทางลาดชัน ขึ้นหรือลงบันได
4. เริ่มให้สุนัขลุกและนั่ง 2 ครั้งต่อวัน
5. ให้ว่ายน้ำ 3-5 นาที 3 ครั้งต่อสัปดาห์ และให้เพิ่มระยะเวลา หากสุนัขมีการตอบสนองที่ดีขึ้น
สัปดาห์ที่ 5-12
1. ใช้ถุงน้ำร้อนประคบบริเวณสะโพกนาน 15-20 นาที
2. ยืด-หดขา และจูงเดิน
3. เริ่มให้สุนัขวิ่งเหยาะและเล่นนาน 20-30 นาที 1-2 ครั้งต่อวัน
4. ให้ว่ายน้ำนาน 10 นาที 3 ครั้งต่อวัน
***ข้อมูลทางวิชาการจาก โรงพยาบาลสัตว์สุวรรณชาด***
ที่มาจากเว็บ Pantip ขอขอบคุณ ณที่นี้ด้วย
tutie
สิงหาคม 2010
ขอบคุณมากครับ
rednose2008
สิงหาคม 2010
มีสาระดีครับ เบนท์ แวะมาที่เว็ปบ้างนะ คนระยองเยอะตอนนี้ ดีครับ
Manop
สิงหาคม 2010
แหมม มาสาระเลยนะ ไอ้โรคนี้ใช่มั๊ยยที่ว่ามันติดอยู่นิดนึงแล้วนึกชื่อไม่ออก คราวนี้มายาวเลย ดีมากเดี๋ยวจะเอาไปให้น้องรักที่บ้านอ่าน
airbus
สิงหาคม 2010
เห็นหมาของเพื่อนก็เป็น
น่าสงสารเชียว ต้องกินอาหารคุมน้ำหนักตั้งแต่เด็กๆ เพราะน้ำหนักเยอะ จะยิ่งส่งผลเสีย
Hammer_Hadyai
สิงหาคม 2010
:004:สาระดีมีประโยชน์ครับ ขอบคุณครับ:004:
jame_auto
สิงหาคม 2010
:006::013:สุดยอดไปเลย
Add a Comment