ยินดีต้อนรับครับ

ขอแนะนำให้ทุกท่าน สมัครสมาชิก เพื่อป้องกันการแอบอ้างชื่อครับ

Mark Mafia

โรคผิวหนัง ที่รักษาจนแทบหมดความหวัง
  • อาบน้ำให้พวกขนสั้น ให้ถูตามแนวขน หากย้อยขนอาจทำให้ผิวอักเสบ
    เป็นตุ่ม คัน
  • พาเจ้าหมาไปรักษาตั้งแต่ เค้าอายุ1ปี รพ.สัตว์ที่มีชื่อ ทองหล่อ สะวรรณชาติ
    ทุกที่ลงความเห็นว่าเป็นภูมิแพ้ ให้เปลี่ยนอาหาร เป็นปลาแทน ให้ยาปฏิชีวนะ
    ตอนหลังหนักเลย ให้สเตียรอย ซึ้งผลข้างเคียงทำให้หิว กินดะ กินทุกอย่าง นั่งขออาหารทั้งวัน
    ผลคือเป็นหมาอ้วน
    ใครมีประสบการณ์ มาแชร์กันนะคะ หรือ จะสอบถามเรื่องยารักษา ยินดีค่ะ
    เพราะที่ผ่านมา ศึกษาไว้หมด
  • หมาที่สุขภาพแข็งแรง จะช่วยป้องกันปัญหาโรคผิวหนังได้ดีที่สุดครับ
  • แล้วพาออกกำลังกายบ้างหรือเปล่าครับ

    ต่อให้กินเยอะ แต่ถ้าได้ใช้พลังงาน

    มันก็ไม่กลายร่างเป็นหมูนะครับ

    มันหิว ก็อย่าให้กินเยอะมากครับ
  • กิมจิก็แข็งแรงนะค่ะ แต่พักหลังตุ่มเยอะมาก เหมือนคนออกหัดเลย เอา EM ทาให้มันก็ยุบ แต่สักพักตุ่มก็โต ส่วนใหญ่เป็นด้านข้างที่มันนั่งทับ สงสัยว่าพื้นบริเวณที่มันนั่นต้องไม่สะอาด พอเอา EM ทาให้มันทีไร ที่บ้านโวยวาย โครตน่ารำคาญ บ่นเหม็น แต่ทาแล้วมันสบายตัวไม่หงุดหงิดอะ วันนี้ก็กะว่าจะพาไปหาหมอ จะไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ต้องเตรียมของไหว้สารทจีน เลยจะพาไปวันนี้ มีคนบอกว่าปล่อยไว้นาน ๆ ไม่ดี ผิวหนังมันจะขาดภูมิคุ้มกัน ไม่รู้จริงอะเปล่า เมื่อวานเรากับแม่หั่นหมูอยู่ บอกให้มันคอย มันเลยไปหาแม่ เลียหมูที่แม่กำลังหั่น แม่ไม่ทันมอง หั่นลิ้นมัน ดีนะมีดไม่คม เลือดอาบเลย มีสลดไม่ยอมเอาลิ้นมาให้ดู น้องสาวเห็นว่าแม่ใหญ่เลย ว่าหั่นทำไมไม่ดู เราก็เลยบอกสมน้ำหน้า บอกให้คอย อยากไม่ฟัง น้องสาวเอาน้ำมาให้มัน มันไม่ยอมกิน เราเลยต้องเรียกให้มันมานี่ แล้วเอาน้ำของน้องสาวใส่น้ำแข็ง แล้วให้มันเอาลิ้นลงไป น้ำกลายเป็นน้ำเลือดโดยฉับพลัน สักพักเลือดก็หยุดไหล ทีนี้มันไม่สนใจหมูที่เขียงอีกเลย 5555 เมื่อคืนมันพยศ เลยโดนโปรตีนไปหลายที มันงอนไปนอนที่พื้น ไม่ง้อมันหรอก เมื่อเช้าสงสัยมันจะมีความสุข มันนอนหัวเราะใหญ่เลย
  • คุณก็ลองเอาไพลผง ขมิ้นผง กำมะถันผง น้ำมันมะพร้าวบีบเย็น ผสมเข้าด้วยกันแล้วทาให้ทุกเช้า ผสมไว้ทีละมาก ๆ ก็ ได้ไม่เป็นไร เวลาผสมให้ใส่กำมะถันน้อยกว่าตัวอื่น แล้วต้องดูว่าเค้ากินอะไรถึงแพ้ด้วย ถ้าไม่เข้าใน โทร 0879205639
  • ขอออกความเห็นจากประสบการณ์หน่อยนะครับ จากการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง และโภชนาการอย่างจริงจัง เรื่องการแพ้อาหารในสุนัข ส่วนใหญ่ให้ความเห็นคล้ายกันคือ สัตวแพทย์ส่วนใหญ่ที่ไม่ได้มีความรู้อย่างลึกซึ้งในด้านโภชนาการ ชอบลงความเห็นว่าสุนัขแพ้โปรตีนจากไก่ แล้วพยายามแนะนำให้ไปกินโปรตีนจากปลา หรือเนื้อสัตว์อื่นแทน ซึ่งในความเป็นจริงแล้วจากผลวิจัยที่มีอยู่จริงในต่างประเทศ ซึ่งวันหลังจะหามาให้ดูนะครับ สุนัขที่แพ้เนื้อไก่ จริงๆมีน้อยมาก เพราะไก่คือโปรตีนที่มีประโยชน์และย่อยง่ายมากอยู่แล้ว แต่ตัวที่ทำให้สุนัขส่วนใหญ่แพ้ เป็นข้าวโพดต่างหาก ที่เป็นส่วนผสมในอาหารสุนัข ซึ่งสัตวแพทย์ส่วนใหญ่ก็โบ้ยให้เป็นความผิดของไก่ ทั้งที่จริงๆแล้วอาจไม่ใช่ หว่านแหไปเรื่อย จนการรักษาบานปลาย เกิดผลข้างเคียง สุนัขเป็นสัตว์กินเนื้อ (Carnivore) โดยธรรมชาติ เป็นสัตว์กินซาก และสัตว์เล็ก โดยการล่า และกินของเหลือจากผู้ล่าที่ใหญ่กว่า อาหารหลักคือเนื้อสัตว์ โปรตีนและไขมัน คือ แหล่งพลังงานที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่แป้ง หรือคาร์โบไฮเดรต ซึ่งเอาไปใช้ได้น้อย หรือบางทีไม่ได้ เพราะระบบลำไส้ของสุนัขยาวแค่ประมาณ 1.5 เมตรเท่านั้น การดูดซึมอาหารที่ตกค้างในลำไส้จึงทำสู้ ของมนุษย์ไม่ได้ แล้วสุนัขส่วนใหญ่หลายตัวไม่เคี้ยวอาหาร ใช้วิธีกลืน เอนไซม์ในการย่อยอาหารประเภทโปรตีน จึงทำงานได้แค่ในกระเพาะอาหาร ไม่เหมือนของคนที่ทำได้ตั้งแต่ในปากเพราะเรามีฟันบด น้ำย่อยในน้ำลายมีเอนไซม์อะไมเลส ช่วยย่อยไปทีหนึ่งแล้ว รวมถึงน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร และ ลำไส้อีก ซึ่งลำไส้เล็กของมนุษย์ยาวมาก การย่อยแป้งและน้ำตาลจึงทำได้ดีเพราะระบบของเราออกแบบมาแบบนั้น แต่ในสุนัขไม่ใช่ คนไทยส่วนใหญ่ชอบคลุกข้าวให้สุนัขกิน ซึ่งประโยชน์ส่วนใหญ่สุนัขจะได้รับเพียงแค่เนื้อสัตว์ที่คลุกในอาหารเท่านั้น ที่เหลือคือขี้ และของเหลือสะสม นั่นคือโรคในอนาคต รวมถึงอาการแพ้ต่างๆซึ่งจะเห็นชัดเจนได้ที่ผิวหนังเป็นอย่างแรกๆ ในการคัดเลือกโดยธรรมชาติ สุนัขที่ไม่สามารถหาอาหารหรือแข็งแกร่งพอที่จะอยู่รอดจะถูกทำลายไปโดยธรรมชาติ เพื่อคัดเลือกให้เหลือเผ่าพันธุ์ที่เหมาะสมเท่านั้น แต่ในปัจจุบันสุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงในครอบครัว เป็นสุนัขบ้านพฤติกรรมการกินเปลี่ยนไป มนุษย์ชอบเอาความรู้สึกตัวเองใส่ลงไปในการเลี้ยงสุนัข คิดว่าถ้าไม่ได้กินข้าวจะไม่อิ่ม แต่สุนัขไม่ใช่สัตว์เคี้ยวเอื้อง หรือสัตว์กินพืช ดังนั้นอย่าไปกังวลเรื่องนี้
  • ปัจจุบันอาหารสุนัขแนวคิดใหม่ในต่างประเทศจะเป็นแบบ No grain คือเน้นโปรตีนจากเนื้อสัตว์เป็นหลัก ไม่มีแป้ง รวมไปถึงปัจจุบันแนวคิดเรื่อง Prebiotic/Probiotic หรือแบคทีเรียชนิดดีที่ไปเกาะตามผนังลำไส้เพื่อช่วยย่อย เพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมสารอาหาร และทำลายแบคทีเรียเลวๆ ก็เป็นที่นิยมมากขึ้น ตัวที่เราคุ้นๆหูกันก็อย่างเช่น แลคโตบาซิลัส ในยาคูลท์ โยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยว ซึ่งเราสามารถให้เพิ่มได้โดยไม่ผิดปกติ หรือเกิดอันตรายใดๆ ซึ่งในธรรมชาติ สุนัขจะรับเอาแบคทีเรียพวกนี้จากเครื่องใน ของสัตว์ที่ล่าได้ เครื่องในคือ อาหารอย่างแรกที่สุนัขจะกินจากอาหารที่ล่าได้ หลังจากนั้นถึงจะกินเนื้อ และกระดูกเป็นอันดับสุดท้าย ลองดูนะครับ บางทีสัตวแพทย์อาจไม่ได้คำตอบที่ดีที่สุดสำหรับสุนัขของเรา ที่สำคัญต้องหมั่นสังเกต เพราะเราเลี้ยงของเรา เห็นตลอด เป็นคนกำหนดอาหารให้เค้ากิน ง่ายๆถ้าคิดว่าสุนัขแพ้ไก่ ลองงดอาหารทุกอย่าง แล้วให้ไก่ต้มอย่างเดียวซัก 1สัปดาห์ แล้วเสริมโยเกิร์ต หากสุนัขแพ้จริง ภายใน 1 สัปดาห์รู้เรื่องแน่นอนครับ แล้วเราก็ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆกับเนื้อสัตว์หรือโปรตีน อื่นๆ จนกว่าสุนัขจะไม่แพ้ หากไม่หายให้ลองเช็คที่ปรสิต เห็บ หมัด ไร โดยการขูดตรวจ อันนี้ต้องอาศัยสัตวแพทย์ ค่อยๆไล่หาสาเหตุไปทีละจุดครับ ใจเย็นๆ จนกว่าจะเจอ สุดท้ายอาจจะพบว่าเส้นผมบังภูเขาก็เป็นได้ โชคดีครับ
  • ขอบคุณ ท่าน Ultradog สำหรับความรู้ดีๆครับ
  • สุดยอดคับพี่..
  • :063:ได้ความรู้ เยอะเลยครับ
    ขอบคุณครับ
    ไฟล์แนบ
    ภาพ0351_resize2.jpg 68K
  • ได้ข้อมูล ไปอีกแง่ ครับ . . . ขอบคุณครับ
  • ขอบคุณ คุณultradog มากๆ จะลองใช้วิธีให้อาหารอย่างเดียว 1 อาทิตย์
    ตามด้วยนมเปรี้ยวดูก่อนเลย
    น้ำชีวภาพEM ใช้อยู่ค่ะ ช่วยให้ตุ่มหนองแห้งเร็วขึ้น
    ช่วงหลังๆอาบน้ำให้เค้าลูปตามแนวขน ผิวก็อักเสบน้อยลง นะคะ
    หวังไว้ว่าจะหายในไม่ช้า ไม่อยากให้เค้ากินยาต่อเลย เหมือนทำร้าย
    ตับ ไต เค้าด้วย ขอบคุณทุกคำแนะนำ แล้วจะออกกำลังให้มากขึ้น
  • ส่วนใหญ่ในการวินิจฉัยเรื่องการแพ้ไม่ว่าจะเป็นอาหารรึว่าสิ่งแปลกปลมต่างๆ
    มักจะทำเป็นลำดับหลังๆจากการตัดสาเหตุที่พบได้บ่อยอื่นออกไป
    ขั้นตอนในการวินิจฉัยเรื่องการแพ้อาหารก็ใช้ระยะเวลาในการทดสอบนานพอควร
    ต้องมีการจำกัดประเภทอาหารที่สุนัขกินอย่างเคร่งครัดจึงจะสรุปได้ว่าแพ้อาหารหรือไม่
    ส่วนสิ่งแปลกปลอมอย่างอื่นมักจะทดสอบที่ผิวหนังเช่นเดียวกับคน
    ในไทยการทดสอบของม.เกษตรและ จุฬาฯ ยังใช้ชุดทดสอบคนละประเภท
    แล้วแต่วิจารณญาณของท่านเจ้าของที่จะเลือก
    รายละเอียดทางวิชาการปรึกษาสัตวแพทใกล้บ้านท่านได้นะครับ
  • หมาผมก็เป็นให้อาหารเม็ดตอนเด็กๆ
    พอ4เดือนให้กินไก่ดิบอย่างเดียวก็หายขนสวยผิวหนังนุ่มยืดหยุ่นดี
    โรคผิวหนังมีหลายสาเหตุ พันธุกรรม สภาพแวดล้อม ช่วงอายุ อาหาร
    การเลือกลุกหมาดีๆสักตัว ไม่ใช่เรื่องง่าย ผมเห็นคนในนี้ ดูรูปแล้วสั่งซื้องงดี

    แม่หมาตอนให้ลูก สุขภาพโทรมก็เป็นโรคผิวหนังได้
    อาหารกินแล้วร่างกายเผาผลานไม่หมดก็เป็นได้
    อากาศชื้นหมักหมมก็เป็นได้
    หมาแก่ตัวก็เป็นได้
    ในตัวเมียหากไม่ทำหมัน ช่วงฮอล์โมนเปลียนแปลงก็เป้นโรคผิวหนังได้


    ที่จิงแล้วมันอยู่ที่ภูมิคุมกันอ่อนแอ
    เรื่องไรขี้เรื้อนมีอยู่ในสุนัขทุกตัวอยู่แล้ว เมื่อไหร่หมาอ่อนแอ มันก็จะเพิ่มจำนวนเป็นพันทวี
    ให้หมอขูดผิวหนังไปตรวจเสียเงินป่าว ยังไงก็เจอ แต่หมอหมาชอบให้ขูดผิวหนังไปตรวจอิอิ
    สรุปขี้เรื้อนอยู่คู่กับหมา มาแต่ดึกดำบรรน

    หากเป็นที่พันธุกรรมหมดสิทธิ์หาย
    ตุ่มแดงจะขึ้นตามปาก ง่ามนิ้ว บริเวณกดทับ รอบรูทวาร และภายในร่างกาย
    พอได้ทีมันก็แตกแล้วมีเลือดหนองออกมา หมาทรมานมาก
    อันนี้ไม่หายแน่นอน มีแต่ทรงกับทรุด

    มันก็อยู่ที่ผู้บรีดถ้าไม่มีจรรยาบรรณ หรือรู้เท่าไม่ถึง
    นำสุนัขที่มีประวัติ เหล่าปู่ย่าตาทวดเป็นโรคผิวหนังมาบรีด
    อีกสาเหตุการผสมเลือดชิด ก็เป็นไปได้ ตามที่บอกขี้เรื้อน
    มันมีอยู่ในสุนัขทุกตัว แต่ถ้าร่างกายแข็งแรง ภูมิคุ้มกันก็จะกดมันไว้
    หมาที่แข็งแรงเป็นแล้วหายเองได้

    การผสมข้ามสายเลือดช่วยได้ระดับหนึ่ง
    แต่ไม่ใช้เอาตัวขี้เรือนไปผสมน่ะครับ จะได้เลือดขี้เรื้อนแฝงไปอีกยุ่งตาย

    ซื้อหมาคราวหน้า ก็ศึกษาให้มากๆน่ะครับ พิทบูลออกมาเต็มประเทศไทยแล้ว
    ยังจะมาเลี้ยงพิทบูลขี้เรื้อนอยู่อีกหน้าเสียดายเวลา
  • เสริมอีกนิด
    ธรรมชาติหมาที่แข็งแรงเท่านั้นถึงจะมีโอกาสผสมพันธ์ได้
    มันจึงมีการต่อสู้เพื่อแย่งชิงเป็น ผู้ฝูง

    ปัจจุบันมีคนจับกะจวยให้หมาผสมกัน มันจึงเป็นแบบที่เห็น
  • ถูกต้องครับไรอยู่คู่กับหมา
    ที่หมอขูดไปตรวจนั้นเค้าจะดูว่ามันมีจำนวนที่สูงจนเป็นสาเหตุของโรคได้รึป่าว
    อีกอย่างสามารถดูได้ด้วยว่าเป็นไรชนิดใดครับ