ยินดีต้อนรับครับ

ขอแนะนำให้ทุกท่าน สมัครสมาชิก เพื่อป้องกันการแอบอ้างชื่อครับ

Mark Mafia

ความเข้าใจผิดเรื่องการวิ่ง
  • อยากได้กล้ามแต่วิ่งได้ก้าง การวิ่งทำให้หัวใจดี เลือดลมดี เป็นเรื่องที่ดีในการรักษาสุภาพ ทั้งทางร่างกายและอารมณ์ของพิทบูล แต่มันเป็นคนละขั้วกับการเสริมสร้างกล้ามเนื้อของพิทบูล สำหรับกล้ามยิ่งวิ่งยิ่งลีบ ยิ่งวิ่งยิ่งเล็ก แต่จะได้เรื่องของความชัดเจนและแข็ง ที่ชัดเจนเป็นเพราะชั้นของไขมันใต้ผิวหนังบางลง จนติดชั้นของกล้ามเนื้อ ทำให้มองเห็นชั้นของกล้ามเนื้อชัดเจน ที่จะแถมมาด้วยคือ กระดูกและซี่โครงจะชัดเจนมาด้วย สำหรับกล้ามที่สวยงามจะต้องโตและมีความยืดหยุ่น เป็นชนิดเดียวกับนักกีฬาเพาะกาย แต่เป็นคนละชนิดกันกับนักกีฬาประเภทอื่น ที่ลีบแบนและแข็ง
    การวิ่งช่วยเร่งกระบวนการเมตาบอลิซึมแต่มันทำให้เสียมวลของกล้ามเนื้อ
  • ขอบคุณครับ
  • วิ่งเป็นจังหว่ะช้าๆ ช่วยได้ครับ อย่าให้วิ่งเร็วเกินไป จะทําลายกล้าม
    เนื้อ นักกีฬาจําเป็นต้องวิ่ง ถึงจะมีความแข็งแกร่งและทนทาน หมา
    เองก็เช่นกัน สองอย่างที่จะสร้างความฟิตให้ร่างกาย ก็มีเพียงวิ่ง
    หรือไม่ก็ว่ายนํ้า ไม่งั้นทํากิจกรรมอย่างอื่น แป้ปเดียวก็เหนื่อยครับ
    สร้างกล้ามเนื้อต้องใช้ความทนทานและระยะเวลาที่ยาวนานครับ... :015:


  • ถ้าเป็นในกรณีของคน ใช่ครับสนับสนุน หลักการนี้ แต่ถ้าเป็นหมาผมไม่แน่ใจเรื่องวีธีรการออกกำลังกายนักเพราะเป็นผู้เลี้ยงมือใหม่ แต่สำหรับคนการวิ่งจะเป็นการรีดไขมันบริหารปอด และหัวใจ ธรรมดาครับนักกล้าม กะนักวิ่งหุ่นไม่เหมือนกัน และการออกกำลังกายก็คนละแบบ เช่นเดียวกะนักยกน้ำหนักก็ไม่เหมือนกัน บางคนยกได้มากกว่าคนกล้ามใหญ่ๆด้วยซ้ำ เพราะการฝึกที่หวังผลต่างกันครับ ยกตัวอย่างการยกดำเบลคนที่ต้องการกล้ามจะยกแบบช้า ๆ ทำเรื่อย ๆ พย่ามทำให้กล้ามเนื้อเกร็งนานที่สุดเท่าที่จะนานได้จนล้า แต่ส่วนคนที่เป็นนักยกน้ำหนัก เค้าจะยกเร็วเน้นปริมาร ลัษณะของมวลกล้ามเนื้อจึงออกมาต่างกันครับ เพราะมันถูกฝึกมาให้ใช้งานเพื่อจุดประสงค์ที่ต่างกัน นักกีฬาจะกล้างกระชับไม่ใหญ่มากแต่แข็ง นักเพาะกายจะเน้นความใหญ่ ไม่จำเป็นต้องแข็งแรงมากครับ โดยจะใหญ่แค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการออกกำลังกาย และอาหารการกินเป็นหลักครับ โดยตามหลักของความเป็นจริงแล้วตามหลักของการสร้างกล้ามเนื้อ มีอยู่ว่ากล้ามเนื้อมัดเล็ก จะไม่สามารถใหญ่โตเร็วกว่ากล้ามเนื้อมัดใหญ่เช่น ถ้าเรามัวแต่เล่นกล้ามแขน อย่างเดียว โดยที่ไม่บริหารกล้ามเนื้อหลักหรือกล้ามเนื้อมัดใหญ่เลย เล่นให้ตายกล้ามแขนก็ไม่ใหญ่ครับ มันจะแค่แข็งแรงและใหญ่ขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น เพราะฉนั้นจึงต้องบริการกล้ามเนื้อทุกส่วนโดยเฉพาะกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น หลัง และต้นขา มันเป็นการปรับสมดุลแบบอัตโนมัตของร่างกายครับ เอาละ มาเข้าเรื่องหมากัน ละหมาหละ จะออกกำลังกายได้เป็นส่วน ๆ แบบคนได้เหรอ คงจะยากครับ เพราะฉนั้นถ้าจะออกกำลังแบบเต็มสูบและได้ทุกส่วนจริง ๆ ก็คงไม่พ้นการวิ่งครับ แต่ถ้าเราบอกว่าต้องการความหนาใหญ่ ไม่ใช่เล็กกระชับ เราก็แค่ปรับเปลี่ยนวิธีการวิ่งแค่นั้นเอง ถ้าวิ่งเร็ว ๆ ใช้เวลาน้อยกินอาหารพอเหมาะ ก็อาจได้หมากล้าม กระชับใขมันน้อยดูเป็นกรีบกล้ามชัดเจน แต่ถ้าให้วิ่ง แบบระดับชัน หรือลาดเอียง หรือวิ่งขึ้นบันใด หรือวิ่งลากยาง เอาเป็นว่าวิ่งอย่างไรก็ได้ให้มันเกิดความหนืด ไม่ต้องวิ่งเร็ว แต่ใช้เวลาวิ่งนาน ๆ กินอาหารแบบจัดไม่อั้น เพิ่มพลังงานโดยใข่มันนิดหน่อย พักผ่อนเพียงพอ เราก็จะได้หมาแบบกล้ามโตล่ำบึกได้ครับ ทั้งหมดที่ว่ามามันเป็นแค่แนวคิดส่วนตัวจากที่เรียนมานิดหน่อย และลองเอามาปรับกะหมานะครับ ยังไม่ต้องเชื่อผมก็ได้แต่จะลองดูก็ไม่เสียหลายครับ
  • ไม่จำเป็นต้องวิ่ง


    โดย Jeff Everson





    นักเพาะกายระดับแชมป์เกือบทุกคน ที่คุณได้อ่านในนิตยสาร ล้วนแต่ต้องผนวกเอาการทำแอโรบิค อันได้แก่ปั่นจักรยานอยู่กับที่ ,เครื่องปีนเขา ,วิ่งจ๊อกกิ้ง ,ว่ายน้ำ ไว้ในตารางฝึกด้วย เพื่อรีดไขมันให้กล้ามเนื้อชัด ฟังดูเหมือนว่า หากเล่นกล้าม โดยปราศจากแอโรบิค คุณจะไม่สามารถละลายไขมันได้ แน่ใจในความคิดเช่นนั้นหรือ
    ผมไม่เถียง หากคุณเป็นนักเพาะกายที่มีน้ำหนักตัวขนาด 130 กก.ขึ้นไป เหมือนพวกแชมป์เหล่านั้น แต่หากคุณผู้อ่านอยู่นี้ ยังมีน้ำหนักตัวไม่ถึงหนึ่งร้อยกิโลกรัมแล้วละก็ อย่าเอาเวลาเล่นกล้าม ไปเสียเวลากับสิ่งเหล่านั้นเลย ความจริงที่คุณต้องทราบก็คือ นักเพาะกาย (ที่ไม่ได้ใช้สเตอรอยด์ แต่อาศัยการฝึกหนัก และการดูแลโภชนาการแทน) จะมีร่างกายที่ใหญ่ และคมชัดได้ด้วยการเล่นกล้ามเพียงอย่างเดียว ไม่ต้องพึ่งสิ่งอื่นทั้งสิ้น




    แฟชั่นการออกกำลังกาย ในช่วง 25 ปีที่ผ่านมา ยกเอาแอโรบิค ให้เป็นการออกกำลังกายที่สำคัญ แต่ความจริงแล้ว มันเป็นแค่แฟชั่น ที่กำลังชักจูงให้คนอื่นเดินทางผิดๆ เราได้รับข่าวสารเพียงด้านเดียวว่า การฝึกแบบใช้ความทนทานของร่างกาย (endurance exercise) (หมายถึงการออกกำลังกายแบบแอโรบิคนั่นเอง - webmaster) จะทำให้การทำงานของหัวใจดีขึ้น แต่ความจริงก็คือ การเพาะกาย นอกจากจะทำให้ การทำงานของหัวใจดีขึ้นแล้ว ยังทำให้เกิดความแข็งแกร่งที่กล้ามเนื้อ กระดูกข้อต่อ และเส้นเอ็นอีกด้วย นี่ยังไม่รวมถึงสุขภาพที่เยี่ยมยอดอีกต่างหาก ทำไมน่ะหรือ เพราะแอโรบิคพูดถึง การออกกำลังที่ใช้ความทนทาน และการใช้ออกซิเจนมาเป็นพลังงาน แต่คำว่า "เพาะกาย" (bodybuilding) นอกจากจะพูดถึงการยกลูกเหล็กแล้ว มันหมายรวมไปถึงเรื่องโภชนาการ ที่ถูกมองข้ามไปในแอโรบิค อีกด้วยต่างหาก ถ้าจะสรุปให้ตรงประเด็นคือ การทำให้สุขภาพดี เท่าที่จะมีตำรับตำราให้ค้นคว้าได้ในโลกนี้ก็คือ ทานอาหารที่มีไขมันต่ำ หยุดสูบบุหรี่ งดดื่มแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายด้วยลูกน้ำหนัก 2 - 3 ครั้งต่ออาทิตย์ เก็บการทำแอโรบิคแบบบ้าคลั่งไปเสียเถอะ

  • งานวิจัยอื่นๆที่น่าสนใจ
    เมื่อไม่กี่ปีมานี้ นักวิจัยคือ ด็อกเตอร์แลรี่ เก็ทแมน และด็อกเตอร์ไมเคิล โพลแลค รายงานผลวิจัยไว้ใน Sport Medicine ไว้ชัดเจนว่า การออกกำลังกายด้วยลูกน้ำหนัก จะเพิ่มมัดกล้ามเนื้อ ลดไขมันในร่างกาย และทำให้ระบบหมุนเวียนโลหิตมีประสิทธิภาพดีขึ้น ต่อมาภายหลังก็ยังมี ลิน โกลด์เบอร์ก MD รายงานไว้ในรายงานของมหาวิทยาลัย ว่าได้ทดลองกับผู้ที่ไม่เคยยกลูกน้ำหนักมาก่อน จำนวน 14 คน ให้เข้าคอร์สการเพาะกาย โดยให้ทำวันละ 1 คาบๆละ 45 - 60 นาที อาทิตย์ละ 3 ครั้ง) ผลการทดลองออกมาว่า ในผู้หญิงสามารถลดคอเรสเตอรอลทั่วร่างกายได้ถึง 9.5 เปอร์เซนต์ ,ลดสารอันตราย LDL ที่ร่างกายสร้างขึ้นมาเอง ได้ถึง 17 เปอร์เซนต์ ,และ ลดระดับไตรกลีเซอไรด์ ได้ถึง 16.2 เปอร์เซนต์ สำหรับผู้ชายที่เป็ฯอาสาสมัคร ก็ให้ผลไม่ต่างกันมากนัก
    ได้มีการทดลองเปรียบเทียบกัน ระหว่างนักวิ่งจ๊อกกิ้ง กับนักเพาะกาย ที่ Auburn University ในรัฐอลาบามา ผลออกมาให้เห็นว่า ทั้งสองกลุ่มสามารถเพิ่มระดับ HDL อันเป็นตัวที่มีประโยชน์ในการเผาผลาญไขมัน ได้พอๆกัน แต่ต่างกันตรงที่ การเพาะกายสามารถพัฒนากล้ามเนื้อ และพละกำลังไปพร้อมๆกันได้เลย
    ด๊อกเตอร์ เบน เฮอร์เล่ ได้ตีพิมพ์ไว้ในนิตยสาร Sports Medicine ในการเปรียบเทียบนักเพาะกาย กับนักยกน้ำหนัก (Powerlifters) ในเรื่องเกี่ยวกับระดับ HDL ไว้ด้วย ผลการวิจัยออกมาว่า รูปแบบของการเพาะกาย ซึ่งได้แก่การทำจำนวนครั้งมาก การพักน้อยๆระหว่างเซท ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย ลดลงจนเป็นที่น่าพอใจ เมื่อเทียบกับนักยกน้ำหนัก
  • ในปี 1987 ในหนังสือ Medicine and Science in Sports and Exercise คณะนักวิจัย ได้ทำการวิจัย ในคนไข้ที่มีความดันเลือดสูง (140/90 ถึง 160/95) หัวข้อการวิจัยคือเรื่องโปรแกรมการเพาะกาย มีผลอย่างไรต่อความดันเลือดในผู้ป่วย โดยโปรแกรมนั้นให้บริหารท่าพื้นฐาน ท่าละ 3 เซทๆละ 10 ครั้ง เป็นเวลา 9 อาทิตย์ ผลออกมาปรากฏว่าคนไข้ มีความแข็งแกร่งของร่างกายส่วนบน เพิ่มขึ้น 12.5 เปอร์เซ็นต์ และร่างกายส่วนล่างเพิ่มขึ้น 53 เปอร์เซ็นต์ เซลล์กล้ามเนื้อปราศจากไขมัน ถูกสร้างขึ้นใหม่ 2.2 เปอร์เซ็นต์ โดยวัดได้จากไขมันใต้ผิวหนังที่หายไป
    ที่ Oregon Health Sciences ในพอร์ตแลนด์ มีการเปรียบเทียบการเผาผลาญแครอลี่ ระหว่างการทำแอโรบิค 40 นาที กับการเพาะกาย 40 นาที ออกมาเบื้องต้นว่า การทำแอโรบิคใช้แครอลี่มากกว่า แต่แล้วก็พบว่าหลังจากหยุดบริหารแล้ว นักเพาะกายจะยังคงระดับการเผาผลาญแครอลี่ มากกว่าผู้ที่ทำแอโรบิคเผาผลาญ ถึง 36 เปอร์เซ็นต์
    ในนิตยสาร International Journal of Sports Medicine ทดลองเรื่องไขมันในเส้นเลือดของนักเพาะกาย โดยให้แต่ละคนกินไข่ทั้งใบ 1 อาทิตย์ให้ได้ 80 ใบ ผลออกมาปรากฏว่า ระดับไขมันในเส้นเลือดก็ยังต่ำมากเมื่อเทียบกับอายุ และเพศ ของผู้ถูกทดลอง ดังนั้นงานวิจัยนี้ จึงยอมรับว่าการออกกำลังกาย โดยการยกลูกน้ำหนัก มีผลดีต่อสุขภาพมากๆ
    ผลการวิจัยที่ University of North Carolina และ University of Washington ทดลองกับอาสาสมัคร จำนวน 33 คน ที่มีประวัติเจ็บป่วยกับโรคหัวใจเฉียบพลันมาแล้ว โดยให้เพาะกายเป็นหลัก แล้วทำแอโรบิคตามด้วยนิดหน่อย เริ่มจากการออกกำลังกาย อาทิตย์ละ 20 นาทีแล้วเพิ่มเวลาขึ้นทีละนิด ผลการวิจัยออกมาชัดเจนว่า พวกเขาเริ่มห่างไกลความทุกข์ทรมานจากโรค มากกว่าคนที่เคยเป็นโรคเดียวกัน แต่ไม่ได้เพาะกายเลย
    การทดลองข้างต้นยังไปทำต่อ กับคนสูงอายุที่บ้านพักคนชราในบอสตัน บางคนก็อายุ 90 กว่าปีแล้วด้วย ซึ่งอาสาสมัครที่เข้าทำการทดลองทั้งหมด ไม่มีใครที่สามารถออกกำลังแบบแอโรบิคได้เลย จึงให้เพาะกายเพียงอย่างเดียว โดยให้ฝึกด้วยน้ำหนัก 3 คาบต่อหนึ่งอาทิตย์ ฝึกท่าละ 3 เซทๆละ 8 ครั้ง ผลปรากฏว่า พวกเขาเพิ่มความแข็งแกร่งให้กล้ามเนื้อได้ถึง 174 เปอร์เซ็นต์ เส้นรอบวงรอบต้นขาเพิ่มขึ้น 9 เปอร์เซ็นต์ และความเร็วในการเดินของคนไข้ ที่เคยถึงขนาดต้องนอนเปล เพิ่มขึ้นถึง 48 เปอร์เซ็นต์
    เอาละครับ บทความทั้งหมดที่ว่ามานี้ บอกคุณว่า ถ้าจะให้เลือกกีฬา หรือการออกกำลังกายอย่างหนึ่งอย่างใดขึ้นมาแล้ว ผู้ที่ฉลาดและมองการณ์ไกล จะต้องเลือกการเล่นกล้าม (body building) อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตาม หากคุณจำเป็นต้องเลือกแอโรบิค ก็จงเอาการเล่นกล้ามรวมเข้าไปด้วยนะครับ
  • การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อจะมีอยู่ 2 เเบบครับ.
    อย่างที่ 1 ออกเพื่อให้ได้กล้ามเนื้อเป็นมัด
    อย่างที่ 2 ออกเพื่อรีดไขมันทุกส่วนบนร่างกาย เพื่อต้องการความคมชัดของกล้ามเนื้อ
    เเยกให้ออกนะครับ. อย่างที่ 1 กล้ามเนื้อของหมาจะใหญ่เป็นมัดๆดูบึกบึน เท่ เหมือนนักมวยปล้ำ
    อย่างที่ 2 กล้ามเนื้อจะคมชัดเเต่จะไม่เป็นมัดใหญ่ๆ เพราะเน้นรีดไขมันเเละความเเข็งเเรง เรียกว่าทำให้กล้ามเนื้อเเตก ก็เหมือนนักมวยไทยครับ. เล็กๆผอมๆ เเต่โคตรอึดเเละเเข็งเเรง เพราะไม่ได้เน้นโชว์ครับ เน้นไปที่ความสัมพันกันของกล้ามเนื้อ ความคล่องตัว

    ซึ่งเเน่นอนครับ การออกกำลังกายก็จะเเตกต่างกันด้วยครับ.
    การที่จะได้กล้ามเป็นมัดๆนั้นต้องออกกำลังกายเเบบหนืดๆครับ เช่นอะไรบ้างครับ ก็ขอยกตัวอย่างการวิ่งบนลู่วิ่งครับจะได้ง่ายต่อการอธิบาย....
    ถ้าคุณอยากได้หมาที่มีกล้ามเป็นมัดๆเอาไว้โชว์กล้าม คุณก็ต้องปรับเครื่องวิ่งเเบบหนืดๆเลยครับ มันจะได้กล้ามเนื้อที่เป็นมัด เพราะมันวิ่งเเบบช้าๆมีเเรงหนืดเหมือนมันกำลังลากของครับ ก็เหมือนที่เราพาหมาจูงเดินเเล้วหมาเดินลากเรานั่นเเหละครับ.ได้กล้ามมัดดี

    เเต่ถ้าคุณอยากได้ความคมชัดของกล้ามเนื้อต้องการรีดไขมันออกให้หมด ก็ไม่ควรที่จะปรับเคื่องวิ่งหนืด ควรจะปล่อยให้มันวิ่งเเบบตามสบายฟรีๆไปเลย กล้ามเนื้อจะเเตกตัวผิวหนังหมาจะบาง ถึงกับเห็นเส้นเลือด เห็นกล้ามเนื้อชัดเจน หมาจะไม่เหนื่อยง่ายๆ หมาจะมีความคล่องตัวสูง ระบบการหายใจจะดี ก็เหมือนกับคุณพาหมาวิ่ง

    ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณต้องมีโปรเเกรมการออกกำลังกาย การพักผ่อน การกินอาหาร อาหารเสริม อย่างถูกวิธีอีกด้วย.
    อีกอย่างก็ขึ้นอยู่กับคุณด้วยว่าคุณชอบเเบบไหน จุดประสงค์ของคุณคืออะไร......

    ถ้าคุณอยากได้กล้ามมัดๆ ก็ อัดอาหารที่มีคุณค่าให้มากพอต่อความต้องการของหมาคิดตามน้ำหนักตัวหมาที่สำคัญต้องให้หมากินของที่มีไขมันบ้าง ออกกำลังกายโดยการจูงเดินวันละไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงโดยที่หมาต้องลากคุณเดิน เเค่เดือนเดียวคุณก็จะเริ่มเห็นหมาที่มีกล้ามมัดๆ
    ปัจจัยต่างๆยังมีอีกมากครับ..เช่น สายเลือดหมา การกิน อายุของหมา การจัดสรรโปรเเกรมการออกกำลังกาย ต่างๆนาๆ

  • กล้ามเนื้อคนและสุนัขมีกระบวนทำงานเหมือนกัน ต่างกันตรงเมตาบอริซึม
  • สำหรับสุนัขที่จะเพิ่มกล้าม ควรลาก เท่านั้น
  • หมาผมวิ่งมาตลอดระยะเวลาสองปีกว่า ผลลัพธ์กล้ามเนื้อที่ออกมา ถือว่าอยู่ในขั้นที่ดีเยี่ยมนะครับ...

    image

    image

    image
    ไฟล์แนบ
    IMG_2148.JPG 214K
    IMG_2058 (3).JPG 274K
    5.5.jpg 127K
    5.5.jpg 127K
  • ก็อปปี้มา
    ไอ้ผีมันว่าผมอีคิวต่ำ ไม่ได้ว่า 50 degree ผมจะแถลงไขให้ฟัง
    กล้วยถ้าจะให้กินควรเป็นกล้วยน้ำว้า และไม่ควรให้มื้อสุดท้ายที่ไม่ค่อยได้ใช้พลังงาน มื้อสุดท้ายควรเป็นโปรตีนแบบย่อยช้า เวย์เป็นโปรตีนดูดซึมเร็วควรให้ หลังออกกำลังกาย ไม่เกิน45นาที เค้าเรียกนาทีทอง ถ้าไม่ได้โปรตีน ประมาณ30มก. ตอนนี้ ถือว่า ที่ออกกำลังกายไปเสียเปล่า จะได้เท่ากับการออกกำลังแบบ แอโรบิคใช้ออกซิเจนธรรมดา หัวใจดีสุขภาพดี แต่กล้ามเนื้อจะลีบเล็กและแข็ง ส่วนมาก99% เข้าใจผิด จะเพิ่มกล้ามเนื้อ แต่ออกกำลังกายแบบ แอโรบิค และ นอนน์แอโรบิค ซึ่งเป็นขั้วตรงข้ามกัน ปนกัน ได้ก้างไปแทน แต่ที่เห็นว่าเป็นกล้ามเพราะพิทบูลมีชั้นกล้ามเนื้อมากอยู่แล้ว แค่ไขมันใต้ผิวหนังบางลงจนเห็นชั้นกล้ามเนื้อเท่านั้น ไม่ได้กล้ามใหญ่ขึ้น แต่เล็กลงและแข็งขึ้น เหมือนกล้ามท้องของคน แค่ผอมก็มีกล้ามท้อง ขี้เกียจพิมพ์มีจุกจิกอีกเยอะมากๆ เอาไว้ขยันพิมพ์แล้วผมจะตั้งกระทู้เลยดีกว่า


  • ก็อปปี้กระทู้ที่แล้วมาอีก...

    ส่วนเรื่องโปรตีน ควรได้รับเท่าไหร่ต่อวัน ต้องรู้ว่าหมาหนักเท่าไหร่ เอามาคำนวณหาค่า ว่าวันนึงต้องได้รับพลังงาน กี่กิโลแคลอรี่ เป็นโปรตีน เท่าไหร่ดี พลังงานจากไขมัน จากคาร์โบ เท่าไหร่ดี มีหลายสูตร ต้องให้สัมพันธ์ กับตารางการออกกำลังกาย แล้วต้องรู้ว่าเราต้องการอะไร ความอึด หรือกล้ามเนื้อสวยๆ จะออกแบบแอโรบิคหรือ อะเนโรบิค Anaerobic แอโรบิคเน้นการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง อะเนโรบิคกลับเป็นการออกกำลังกายที่เน้นเพียงจังหวะเดียว แต่กระทำจนสุดแรงเกิด และยุติลงแค่อึดใจเท่านั้น ผลของการทำอะเนโรบิคก็คือ เลือดไม่สามารถส่งออกซิเจนไปเลี้ยงที่กล้ามเนื้อได้เพียงพอ ทำให้เกิดปฏิกิริยาที่เรียกว่า "Anaerobic" ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่กล้ามเนื้อทำขึ้น เพื่อสร้างพละกำลังอย่างที่ร่างกายต้องการ
    ไม่มีงานวิจัยเกี่ยวกับการสร้างกล้ามเนื้อของสุนัข มีแต่ของคนอยู่ในหมวดวิทยาศาสตร์การกีฬา และของคนก็ใช้กับสุนัขไม่ได้ เพราะ การสร้างกล้ามเนื้อในคนให้ความสำคัญกับ โภชนาการ70% ออกกำลังกายแค่30% ออกกำลังกายถูก กินไม่ถูกก็ไม่ขึ้น แต่ถ้ากินถูกออกกำลังกายไม่ถูก นานๆยังขึ้น
    และ โภชนาการสัมพันธ์กับกระบวนการเมตาบอลิซึม เมตาบอลิซึม สัมพันธ์กับจังหวะการเต้นของหัวใจความดันการระบายความร้อน การหายใจออกซิเจน ซึ่งคนกับสุนัขต่างกันมาก ฉะนั้นงานวิจัยของคน จึงใช้กับสุนัขไม่ได้ และไม่มีงานวิจัยการเพาะกล้ามของสุนัข มีแต่ความผิดปกติโดยบังเอิญของฮอร์โมนในสุนัขบางตัว
    แต่ถ้ามีความรู้เกี่ยวกับงานวิจัยของคน เป็นอย่างดี และมีความรู้เรื่องเมตาบอริซึมของสุนัขชนิดของกล้ามเนื้อและอื่นๆ ซึ่งเหล่านี้มีข้อมูลอยู่แล้ว ก็จะเขียนงานวิจัยที่เป็นวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับพิทบูลได้เช่นกัน แต่คงไม่มีใครทำ เพราะผลงานทางวิทยาศาสตร์ สำหรับผู้ที่จะเอาตำแหน่ง ผศ. รศ. หรือ ศ. นำหน้าชื่อ จะต้องเป็นงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม สังคมพิทบูลในโลกกลุ่มเล็กจึงไม่น่าจะมี หรืออาจจะมีแต่ผมไม่รู้ก็ได้
    งานวิจัยที่เป็นทางการคงไม่มี แต่คนรู้ เข้าใจ และถ้าคิดจะทำก็ทำได้ ในโลกนี้มีเยอะแน่นอน

  • ว่าทำไมตัวผมเอง ยิ่งวิ่ง ยิ่งดูผอม ฮ่าๆๆๆๆ
  • ทำไมต้ัองวิชาการเยอะกันด้วยวะ ขี้เกียจอ่าน สรุปง่าย ๆ กันเป็นป่าว สมองยิ่งน้อย ๆ อยู่
  • แมร่งเลี้ยงแล้วต้องคิดมากขนาดนี้ กูไปเลี้ยงปลาหางนกยูงดีกว่า ไม่เรื่องมากด้วย
  • ตัวผมก็เลี้ยงธรรมดา ครับ
    ข้อมูลที่ถูกต้อง จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่เรียนรู้ และจริงจัง
  • เลี้ยง พิทบูล แล้วไม่เล่นกิจกรรม เลี้ยงทำซากอะไรคุณผี
  • เลี้ยงให้มันเป็นเตี่ย
  • รำคาญ เจ้าของกระทู้ ค้านแม่งทุกกระทู้ เอาหมามึงมาดูหน่อย
  • ขอบคุณ เจ้าของกระทู้คับ
  • อย่าไปคิดมาก จขกท.บทความที่นำมาเล่าสู่กันฟังมันเป็นเรื่องที่ดี อย่าได้ไปคาดหวังอะไรกับมันแค่ว่ามีความตั้งใจที่ดีเท่านั้นพอแล้ว วันหลังหามาอีกนะชอบๆๆ คนที่สนใจอ่านจริงๆก็มี สู้ๆๆ!!
  • เจ้าของกระทู้พูดถูกครับ วิ่งอย่างเดียวเป็นการรีดไขมัน ไม่ได้เพิ่มมวยกล้ามเนื้อซักเท่าไหร่ แต่วิ่งใส่น้ำหนักก็อีกเรื่องนึงนะ ไม่ว่าจะเป็นการลากน้ำหนัก หรือการใส่ weighted vest, weighted collar ถือว่าเป็น resistance training ถ้าใส่น้ำหนักมากพอก็ถือเป็นการเพิ่มมวลกล้ามเนื้อเช่นกัน

    ที่ผมชอบที่สุดก็คือ ระหว่างกลาง ไม่ต้องกล้ามใหญ่เหมือนนักมวยปล้ำ หรือว่าคมแข็งเหมือนนักมวยไทย เราควรจะรู้ว่าหมาของเรา สามารถทำกิจกรรมได้หนักแค่ไหน รับน้ำหนักได้มากแค่ไหน แบบไหนคือหนักสำหรับเค๊า แบบไหนคือเบา ไม่ต่างกับการที่คนเล่นฟิทเนสครับ เราปรับความแรง ความหนัก และระยะเวลาต่อ set ให้ดี เราก็สามารถกำหนดได้ว่ากล้ามมันจะออกมาเป็นแบบไหน
  • เห็นด้วยเหมือนกัน