สำหรับผมตอบสนองคือการรู้สึกโต้ออกไปอย่างมีสติและมีเหตุผลในสภาพนั้นๆ ส่วนตอบโต้นี่คือตอบออกไปอย่างหมายมั่นว่าจะชนะหรือการเอาคืนกับผลที่เราถูกกระทำโดยใช้อารมณ์

คุณ Whiteway ครับถ้าสงสัยเรื่องอะไรในหัวข้อกระทู้ควรย้อนกลับไปอ่านในกระทู้เก่าๆก่อน นะครับว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร

ก็ในเมื่อทุกคนยอมขอโทษผมแล้ว จะให้ผมทำอะไรอีก ถ้าพวกเขาสู้มันก็ต้องดำเนินการจึงถึงที่สุด แต่เขาไม่สู้มันก็ควรจะจบ จะเอากันให้ตายจนไม่มีที่ยืนในสังคมเลยหรืออย่างไร ผมฟ้องร้องเพื่อศักดิ์ศรีของตัวเอง เมื่อได้มาแล้วก็ควรยุติ ผมไม่ได้ฟ้องร้องเพื่อเอาเงินใคร ส่วนเงินที่จะเอาไปทำบุญ ถ้ามันไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องเดือดร้อน ไม่มีวัดไหนอยากได้เงืนที่มาจากความเดือดร้อนของญาติโยมหรอกครับ

ที่คุณได้ไปจากผม ผมว่ามันก็เกินพอแล้ว ดังนั้นต่างคนต่างอยู่เถอะครับ อย่าเบียดเบียนกันอีกเลย โอเคไหมครับ ?

เข็มขัดหนัง ผมไปซื้อที่แถววงเวียนใหญ่ แล้วเอามาประทับตา พิตบูลโซน เส้นละ 200 บาท ค่าทำตาปั๊ม 800 บาท เท่านั้น มันจะเป็นเงินกี่บาทครับ

และทำมาแล้ว เอามาประมูลได้เท่าไรก็สมทบทำบุญ โดยไม่หักค่าใช้จ่าย ผมไม่เห็นว่ามันจะช่วยทำให้ผมร่ำรวยขึ้นตรงไหนเลยครับ มีแต่เสียเงิน ผมถึงบอกไง ยามคนมีศรัทธา ตดก็ยังหอม แต่ยามเขาสิ้นศรัทธา เราพูดอะไรก็คือการแก้ตัว และพอทะเลาะกัน อะไรที่เราทำดีก็จะกลายเป็นร้ายทั้งหมด ดังนั้นคนที่ไม่ถูกกับผมนั่งคุยกัน เป็นไปได้หรือที่เขาจะพูดถึงเรืองความดีของผม ใช้สมองหน่อยนะจ๊ะ

เลิกเพ้อเจ้อเสียที บอกมาเลยว่าต้องการอะไร

เรื่อง ไม่เป็นเรื่อง มันมาเป็นเรื่อง เมื่อ...........................

ฉันเรียกค่าดำเนินการกับคุณณัชพล รายละ 30,000 บาท และคุณณัชพล ให้ฉันบอกว่าเจ๊นภา จ่ายค่าดำเนินการให้ฉันแล้วเป็นเงินสด รายละ 35,000 บาท

ณ วันที่ 3 พ.ค 55 ฉัน สว.โก้ง เฮียเหลียง และคุณณัชพล ไปเจรจากันที่ร้านอาหาร ฉันก็บอกเฮียเหลียงไป ว่าคดีละ 35,000 บาท สองคดีรวม 70,000 บาท(อันนี้ฉันส่งข้อความให้เฮียเหลียงทางเฟสบุ๊ค)

กลุ่มสกูบ้าพิท ยกขบวนมาขอโทษเจ๊นภา วันที่ 15 พ.ค.55

เฮียเหลียง ยอมรับผิด และขอผ่อนจ่ายเป็นเงิน 35,000 บาท

ฉันจึงบอกคุณณัชพลไปว่า งั้นจ่ายฉันมาเลย 30,000 บาท ฉันจะเอาไปจ่ายค่าช่าง

เฮียเหลียง คง งง อะไรวะ บอกว่าเจ๊นภาจ่ายไปแล้ว ทำไมป้าพร มาทวงมาเฟียอีกวะ แล้วทำไมตัวเงินไม่ตรงกันวะ

ค่าทนายมันแค่ 10,000 ไม่ใช่ 30,000 ผมรู้แล้ว และจ่ายเมื่อจบคดี ยังไม่มีการจ่ายจริง แต่ผมแกล้งไม่รู้ เพราะทำใจไว้แล้วว่าจะจ่ายให้ตามที่ป้าเรียกมา เพราะป้าแฮปปี้ที่ตรงนั้นถ้าผมต่อรองป้าก็คงไม่แฮปปี้ และ เมื่อผมตัดสินใจที่จะฟ้องแล้วดังนั้นมันต้องมีค่าดำเนินการและของฟรีมันไม่มีในโลก ซึ่งค่าทนายเท่าไรผมก็ไม่เคยเอาไปพูดกับใคร

ต่อมามีการขอยอมความ ผมก็บอกว่า ถ้าจะยอมความก็ได้ ผมยินดีและไม่ติดใจ แต่ขอให้ข่วยค่าทนาย เพราะการฟ้องร้องนี้ มันมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นไปแล้ว โดยค่าใช้จ่ายนี้ผมไม่ได้เอาเข้ากระเป๋า มันเป็นเงินที่ต้องจ่ายให้ทนายจริงๆ และผมก็คือผู้เสียหาย จะให้ผมถอนฟ้องและออกค่าทนายเองด้วยมันก็คงเกินไป และขอให้ไปลงข้อความขอโทษและชี้แจงข้อเท็จจริงให้ด้วย

ผมยอมรับว่าผมโกหกว่าค่าทนายคือ 35,000 แต่ก็ไม่มีสักรายที่จ่ายให้ผมสามหมื่นห้า ส่วนมากจะขอฟรีเสียมากกว่า แต่ในเมื่อกล้าขอผมก็กล้าให้ โดยยอมรับภาระในการจ่ายเอง เหตุผลที่ผมยอมเพราะไม่อยากให้ใครต้องเดือดร้อน และต้องการให้มันจบๆไป แต่การยอมง่ายของผม กลายเป็นชนวนให้คนที่ผมยกค่าทนายให้เอาไปเป็นเหตุสงสัยว่าผมไม่ได้จ่ายค่าทนายจริงๆ และมาคาดคั้นเอาความจริงจากผม ซึ่งผมยังเสียใจมาทุกวันนี้ ผมให้ใจใคร ก็จะให้ไปเต็มๆโดยไม่มีข้อแม้

สำหรับผม คำพูดมันเรื่องใหญ่ รับปากใครไว้ก็จะทำตามที่พูดทุกอย่าง ผมไม่เคยโวยวาย ไม่เคยเอาไปเล่าให้ใครฟัง เก็บทุกอย่างไว้ในใจ แม้แต่เรื่องข้อตกลงที่ผมให้ไว้กับป้า เหลียงคาดคั้นผมแทบตายผมยังไม่พูด ยอมให้น้องเข้าใจผิด เพราะต้องการรักษาสัญญา แต่คนที่วิ่งเร่เอาไปเล่าให้คนอื่นฟังคือใคร คุณรู้แก่ใจคุณดี

เมื่อเรื่องมันแดงออกมา แทนที่จะยอมรับความจริง กลับพยายามสร้างภาพโดยป้ายมาเป็นความผิดของผมที่ ไม่รักษาสัญญา นำความเดือดร้อนไปให้ จนตัวเอวต้องเดือดร้อน โทรไปร้องห่มร้อวไห้เล่าให้คนโน้นคนนี้ฟัง ว่ามาช่วยผมฟรีๆ โดยไม่ได้อะไร จนตัวเองต้องเดือดร้อน

ผมถึงบอกให้ไปตั้งสติทบทวนให้ดีๆ ก่อนที่จะพิมพ์อะไรลงมา ผมตรงๆไม่มีลูกเล่นครับ

แต่ที่มันกลืนไม่คล่องคอเพราะเงินที่ควรจะได้ มันควรจะเป็นเงินจากคนที่โดนฟ้องร้อง ไม่ใช่เงินของผม
ซึ่งค่าทนายจริงจะเท่าไร มันก็ไม่สำคัญ แต่พอผมจ่ายเอง ป้าก็เลยรู้สึกผิด ที่บวกผมเยอะเกิน จึงเป็นที่มาของการ
ยกเอาความเดือดร้อนเรื่องเงินมาเป็นข้ออ้าง ซึ่งมันไม่เกี่ยวอะไรเลยกับผม เพราะผมไม่เคยโวยวาย ยืนยันว่าจะจ่ายมาตลอด

พอเถอะป้า อย่าแถอีกเลย ป้าทำงานให้ผม ป้าจะกลัวอะไรที่จะพูดว่าได้รับค่าจ้าง แต่การพยายามสร้างภาพทำตัวเป็นแม่พระ ทำงานฟรี จนตัวเองเดือดร้อน ป้าจะทำไปเพื่ออะไร เพื่ินฝูงกันแทนที่กบับมามองหน้ากันได้อย่างสนิทใจก็เกิดสิ่งคาใจขึ้นมาอีก และคนที่เดือดร้อนมันก็กลายเป็นผม โดนคนรอบข้างเข้าใจผิดอีกครั้ง

ผมถึงพูดย้ำเสมอ ทุกคนมีเหตจำเป็น ทุกคนเดือดร้อน แต่มีใครเคยนึกถึงหัวอกผมกันบ้างไหม ผมคือคนที่เสียหาย ผมคือคนที่โดนกระทำ ผมคือคนที่โดนเอาเปรียบ ผมคือคนที่เสียเงิน แต่ท้ายที่สุดกลับต้องแบกรับภาระของคนอื่นมาไว้เองทั้งหมด

ยาวมากอ่านจนเหนื่อย

พักยก ไปเย็บผ้าม่าน และตาโก้งกลับมาช่วยทำผ้าม่าน ตอนนี้กลับไปเข้าเวรแล้ว มาฉันจะเล่าต่อ......

ฉันไม่ได้อ้างว่าฉันเดือดร้อนเรื่องเงิน แล้วไปตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จเอาเงินกับคุณ เงินฉันมี แต่คนมันยืมไป ไม่ยอมคืน ตามกำหนด เอาเฉพาะที่เฮียเหลียงรู้เพราะอยู่ในเหตุการณ์ก็ 2 ราย เกือบสี่แสนบาท

ฉันลงทุนซื้อบ้านมือสองมาตกแต่งขาย ถ้าคนที่ยืมเงินฉันไป คืนเงินให้ตามกำหนด ฉันจะไม่เดือดร้อนเลย ฉันทวงหนี้ใคร บางครั้งฉันเปิดสายให้คุณฟังด้วยซ้ำ คุณว่า ฉันโง่ ไปเชื่อเขาอยู่ได้ เขามีเจตนาไม่คืนฉันหรอก

ก่อนที่จะถึงวันนัดไต่สวนมูลฟ้องครั้งสุดท้าย ฉันไปหาคุณที่ออฟฟิส ฉันไปวัดมู่ลี่ ที่แสงมันสาดเข้าทางหน้าออฟฟิสคุณ แต่ฉันรับรู้ด้วยสัญชาตญาณว่า คุณไม่ยินดีต้อนรับฉัน คุณบอกว่าผมไม่โกงป้าหรอก เสร็จคดีเมื่อไหร่ ผมมีบัตรเครดิต ผมกดโอนให้ป้าทันที ฉันยังเขียนรายการทั้งหมดให้คุณ ฉันยกยอดที่ฉันได้รับมาแล้วทั้งหมด 100,000 บาท ออฟฟิสคุณมีกล้องวงจรปิด เอามารีเพลย์ แล้วดูซะว่าจริงไหม

****สำคัญมาก**** อย่าหวาดระแวงว่าฉันจะไปบ้านคุณเลย ตอนนี้ฉันกำลัง ขยับขยาย ขายบ้านที่อยู่ เพราะฉันไม่ต้องการอยู่ในสังคม ที่มองไปทางไหน มีแต่ความเสียใจ ขับรถออกทางซ้าย ก็เจอซอยนิมิตใหม่ 20 ขากลับ ก็ผ่านนิมิตใหม่ 9 ฉันไม่อยากแม้แต่จะขับรถแล้วเจอ คนที่ประนามฉัน จนคนระดับ เสธ.ทหาร ออกมาตำหนิฉัน

คุณบอกว่า คุณไม่เคยแม้แต่จะถามทนาย ว่าค่าทนายเท่าไหร่

คุณบอกว่า ไม่เคยบอกใคร เก็บไว้เป็นความลับ

ฉันโทรสอบถามทนายว่าตกลงเรื่องค่าทนายเป็นไงรึ มีปัญหาอะไร ทนายเล่าให้ฉันฟังว่า เจ๊นภาโทรไปสอบถามว่าค่าทนายเท่าไหร่ เขาก็บอกตามตรงว่า รายละ 10,000 บาท

ฉันถามทนายกลับไปว่า ทนายรับงานจากฉัน รับเงินจากฉัน ฉันเป็นผู้ร่างคำฟ้อง หาเอกสาร หลักฐาน ให้ทุกอย่าง ทนายมีหน้าที่ เซ็นชื่อในคำฟ้อง ฉันให้รายละ 10,000 บาท รับไหวไหม เพราะฉันจ่ายได้แค่นั้นจริง ๆ (อย่าลืมว่า ฉันตกลงกับคุณณัชพลว่า ค่าทนายความและค่าฤาชาธรรมเนียมศาลฉันออกเองทั้งหมด) และฉันคิดลูกค้ารายละ 30,000 บาท ไม่ทราบว่าทำไมทนายไม่รักษาความลับของฉันซึ่งเป็นผู้ว่าจ้าง กลับไปบอกคุณด้วยเหตุผลอันใด

และฉันขอใช้สิทธิ์ตรวจสอบเบอร์โทร ที่โทรหาทนายด้วย ฉันจะพิสูจน์ว่า นี่นะหรือ คำพูดลูกผู้ชาย ที่ปากบอกว่าไม่เคยบอกใคร ไม่เคยถามทนายเลยมันจริงหรือ (อ้อ คุณไม่ได้ถามแต่ให้เจ๊นภาถาม มันเกี่ยวกันไหม)

เฮียเหลียงเป็นคนยบอกฉันเอง ว่าคุณจะต่อสายให้คุยสามสายกับทนาย ว่าค่าทนายจริง ๆเท่าไหร่ แต่เฮียเหลียงไม่คุย (หรือคุยแล้วก็ไม่รู้) เป็นที่มาของกระทู้ ปลายทางคำพิพากษา ที่เฮียเหลียงตั้งขึ้นมา

สรุป.........

คุณไม่โอนเงินให้ฉันตามสัญญา ที่บอกฉันวันที่ฉันไปหาคุณที่ออฟฟิต และเมื่อคดีสุดท้ายสิ้นสุด ฉันโทรไปถามทนาย ได้รับแจ้งว่า จำเลยทำเรื่องผ่อนกับคุณ

วันที่ 18 มิถุนายน 55 ฉันโทรไปสั่งเอฟวัน กับเสมียนของคุณ ว่ายังขายให้ฉันไหม ฉันบอกให้ถามเจ๊นภาก่อน เพราะฉันมีเรื่องมีราวกับคุณ ถ้าไม่ขายฉันจะได้ไปหาซื้อที่ใหม่ (หมาฉันกินเอฟวัน ถึงฉันจะมีเรื่องราวกับเจ้าของฉันก็ยังให้มันกิน)

วันที่ 19 มิถุนายน 55 เจ๊นภา โทรหาฉัน แจ้งว่า เดี๋ยวให้เด็กเข้าไปส่ง ส่วนเรื่องเงินส่วนที่เหลืออีก 55,000 บาท 2-3 วันเดี๋ยวโอนให้ ซึ่งฉันก็ตอบขอบคุณเจ๊นภาไป

และในวันนี้แหละ ที่เฮียเหลียงเปิดตัวใน facebook ในเพจ PitbullZone (ชมรมคนหน้าตาดี) คุณไปโพสอะไรไว้ ฉันเก็บหลักฐาน ให้ทางเจ้าหน้าที่ เขาดำเนินการแล้ว

คุณไม่ได้โพสประนามฉัน เพียงครั้งเดียว หลายกรรม หลายวาระมาก

ตอนคุณโดนกล่าวหา คุณบอกให้ฉันไปฟ้องที่เชียงใหม่ด้วย คุณอยากไปเที่ยว และไปเยี่ยมลูกค้า เช่นกัน ตอนนี้ คุณใส่ความฉัน ฉันก็จะเดินทางไปเชียงใหม่ ฟ้องที่ศาลเชียงใหม่ให้ตามคำขอ

ป้ามาหาผมตอนแรก บอกว่าค่าทนาย 25,000 นภาและพนักงานผมก็ได้ยิน ต่อมาป้าบอกว่าค่าทนายเปลี่ยนเป็น 30,000 เพราะเปลี่ยนทนาย แต่ผมก็ยังเห็นว่าเป็นทนายคนเดิมที่มาพบผมครั้งแรก พนักงานผมยังแย้งเลยว่า ทนายคนเดิม ทำไมบอกเปลี่ยนทนาย แต่ผมก็ไม่แย้ง ป้าว่ามาเท่าไรก็เท่านั้น เพราะมันคือราคาที่ป้าพอใจ ผมไม่ชอบกดราคาใคร ผมซื้อของในเว็บนี้ก็เช่นกัน กรงหมา ถ้วยรางวัล เครื่องวิ่ง จ้างทำของ พิมพ์ใบปลิว ทำสติกเกอร์ ฯลฯ แม้กระทั่งทำผ้าม่านกับป้า เช็คดูได้ ผมไม่เคยถามราคา เขาว่ามาเท่าไรก็เท่านั้น ผมเชื่อว่าเขาบอกราคานั้นเพราะเขาต้องการตรงนั้น ต่อราคาไปก็เสียความรู้สึกเปล่าๆ แต่ถ้ารู้สึกว่าแพงเมื่อไร ครั้งต่อไปผมก็ไม่ซื้อ นิสัยผมมันเป็นแบบนี้จริงๆ

ส่วนเรื่องค่าทนาย นภาไม่เคยบอกผมเลยว่า ค่าทนายเท่าไร และคุยกันเมื่อไร ขนาดทนายยังไม่เชื่อว่าผมไม่รู้จริงๆ เพราะผมไม่เคยคิดที่จะถามด้วย ผมมารู้ตอนหลังที่ทนายถามผมว่า ป้าคิดค่าทนายเท่าไร ผมก็บอกไปสามหมื่นทนายร้องโอโห ผมก็เลยถามว่า แล้วทนายได้จริงๆเท่าไร ทนายก็บอกว่าผมได้หนึ่งหมื่น ซึ่งมันก็แค่นั้น และผมก็ยังบอกทนายว่าไม่ต้องห่วงว่าผมจะเอาไปพูด เพราะผมไม่ซีเรียส ผมทำใจแล้วว่าจะจ่ายให้ตามที่ป้าเสนอมา

ที่ผมออกมาพูดครั้งนี้ เพราะป้าเองที่ไปเที่ยวโพทนาว่าทำงานให้ผมฟรี ไม่ได้เงินสักบาท จนผมโดนเพื่อนหาร่วมมือกับป้าค้าความเพื่อจะเอาเงิน ผมเลยขออนุญาติทนายว่า ถ้ามันจำเป็นผมพูดได้ไหมว่า ผมรู้ว่าค่าทนายจริงๆมันเท่าไร ทนายบอกว่าไม่มีปัญหา เพราะทนายเองก็ไม่สบายใจที่ป้าทำแบบนี้ ที่ผมจะต่อสามสายให้เหลียงฟัง มันจะได้หมดปัญหา เหลียงจะได้ไม่ต้องมาระแวงคำพูดผมอีกเท่านั้น

ก่อนที่ฉัน จะทำอะไร ฉัน คิด และคิดมากด้วย

ดังนั้น ผลจะออกมาเช่นไร ฉันย่อม ยอมรับ ผลของการกระทำของฉัน

ฉันรู้ว่า เวปนี้ มีประโยชน์ สำหรับสังคมคนเลี้ยงพิทบูล คุณอาศัยจุดนี้ เปิดกระทู้ให้สังคมรุมประนามฉัน

เจตนา จะให้ฉัน ไม่มีที่ยืนในสังคม ซึ่งก็คงสมใจ กองเชียร์ของคุณ ขนาดวิญญูชน ที่กล้าเปิดเผยตัว เอารูปยศระดับใหญ่โต ออกมาปกป้องคุณ และตำหนิฉัน ทำให้ฉันได้รับการดูถูกเหยียดหยาม แต่คุณรู้ไหม ฉันกลับนึกขอบพระคุณคุณเสธฯ คนนั้นนะคะ ที่เจ้าพนักงานไม่ต้องไปดำน้ำหาไอพี หาชื่อ หาเบอร์โทร มันยืนยันได้เลย ว่าฉันเสียหายมากแค่ไหน

และ ขอโทษนะคะ ที่คิดว่าฉันจะเสียใจที่ทำการฟ้องร้องคุณ (เพราะคุณ กระทำกับฉันเช่นนี้ เป็นครั้งที่ 2 แล้ว)ฉันบอกคุณแล้วใช่ไหม เสร็จเรื่องราวฟ้องร้องคุณ ฉันจะทำอะไร จำไม่ได้รึ

"ฉันจะสะพายกล้อง ท่องโลก ไปกับ สหายทางธรรม ของฉันไง" จำไม่ได้รึ

ฟังมาถึงตอนนี้เข้าใจพี่มาเฟียเลยว่า รู้สึกไง. ทำไมถึงต้องออกมาพูด เพือนกันบวกไปแค่20000 หนีเสือปะจระเข้ จริงๆ
สู้มาได้ขนาดนี้ผมนับถือเลยคับ

สู้ๆครับพี่ ไม่อยากพิมมากเด๋วโดนเก็บหลักฐานไปฟ้อง+555555555555555

ไหนๆจะ เผือกแล้ว

งั้นคุณ the_door กับ ผมและเพื่อนๆpitbullzone

เตรียมตัวไปเป็นพยานในศาลได้เลยครับในฐานะเผือกเรื่องของผู้อื่น เอา IP มาเลยนะตัวเอง :-)) :-))

:o034: :o034: :o034:

555

เอ้า xinal ไม่ได้ ไม่ได้ เลือดสุพรรณ มาด้วยกันต้องไปด้วยกันนนน 5555

คนในเว็บนี้แทบทุกคนเข้าใจ แต่ทำไมมีอยู่แค่คนเดียวที่ไม่เข้าใจ
พอคนไม่เห็นด้วยก็ยัดเยียดว่าผมเป็นต้นเหตุให้สังคมรุมประณามเขาอีก
ทั้งที่ เขาเป็นคนเปิดประเด็นนี้ขึ้นมาเองแท้ๆ บอกตามตรงว่า เหนื่อยใจ

ผมเป็นแบบนี้มาเป็นสิบปี เว็บนี้ก็เป็นแบบนี้มาเป็นสิบปี ไม่ใช่เพิ่งมาเป็น
แทนที่จะมาเปลี่ยนผม เปลี่ยนค่านิยมของเว็บ เปลี่ยนตัวเองง่ายกว่าครับ

+ไปซะเยอะเลยนะนั่นจะเอาให้รวยเลยเหรอ

ขออนุญาต ท่าน KOMPOK

พระพุทธเจ้าได้ตรัสแก่ ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ณ พระวิหารเชตวัน ใกล้พระนครสาวัตถี แคว้นโกศล ถึงผลบุญที่เกิดขึ้น จากการทำบุญประเภทต่างๆ ตั้งแต่การให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา (คำว่าบุญนั้น คือการชำระจิตให้ผ่องใสจากกิเลส มีหลายวิธี ไม่ใช่เฉพาะการให้ทานเท่านั้น) ว่าอย่างไหนให้บุญมาก/น้อย แตกต่างกันอย่างไร มีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้

พระพุทธเจ้าตรัส ว่า : บุคคลให้ทานอันเศร้าหมอง หรือประณีตก็ตาม (ในที่นี้หมายถึงการให้ของที่มีราคาถูกมีสภาพไม่น่าดู หรือของที่มีราคาแพงประณีตสวยงาม เพราะในตอนนั้นท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ประสบภัยพิบัติหลายอย่าง ทำให้ฐานะยากจนลง ไม่สามารถทำบุญด้วยอาหารชั้นดีได้อย่างเมื่อก่อน ทำได้แค่เพียงปลายข้าวกับน้ำผักดองเท่านั้น ) แต่ให้ทานนั้นโดยความเคารพ ทำความนบนอบให้ ให้ด้วยมือตนเอง ให้ของที่ไม่เหลือ เชื่อกรรมและผลของกรรม ย่อมได้ผลบุญมาก

และได้ทรงแจกแจงรายละเอียดของผลบุญจากการทำบุญ ชนิดต่างๆ ไว้ดังนี้

- การให้ทานโสดาบันท่านเดียว ได้ผลบุญมากกว่าให้ทานแก่ปุถุชนจำนวนมาก
- การให้ทานโสดาบัน 100 ท่าน ได้ผลบุญมากกว่าให้ทานโสดาบันท่านเดียว
- การให้ทานสกทาคามีบุคคลท่านเดียว ได้ผลบุญมากกว่าให้ทานโสดาบัน 100 ท่าน
- การให้ทานสกทาคามีบุคคล 100 ท่าน ได้ผลบุญมากกว่าให้ทานสกทาคามีบุคคลท่านเดียว
- การให้ทานอนาคามีบุคคลท่านเดียว ได้ผลบุญมากกว่าให้ทานสกทาคามีบุคคล 100 ท่าน
- การให้ทานอนาคามีบุคคล 100 ท่าน ได้ผลบุญมากกว่าให้ทานอนาคามีบุคคลท่านเดียว
- การให้ทานพระอรหันต์ท่านเดียว ได้ผลบุญมากกว่าให้ทานอนาคามีบุคคล 100 ท่าน
- การให้ทานพระอรหันต์ 100 ท่าน ได้ผลบุญมากกว่าให้ทานพระอรหันต์ท่านเดียว
- การให้ทานพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์เดียว ได้ผลบุญมากกว่าให้ทานพระอรหันต์ 100 ท่าน
- การให้ทานพระปัจเจกพุทธเจ้า 100 พระองค์ ได้ผลบุญมากกว่าให้ทานพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์เดียว
- การให้ทานพระสัพพัญญูพุทธเจ้าพระองค์เดียว ได้ผลบุญมากกว่าให้ทานพระปัจเจกพุทธเจ้า 100 พระองค์
- การให้ทานภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข (สังฆทาน - การให้ทานโดยไม่ได้เจาะจงว่าต้องเป็นภิกษุรูปนั้นรูปนี้) ได้ผลบุญมากกว่าให้ทานพระสัพพัญญูพุทธเจ้า
- การสร้างวิหารถวายสงฆ์ผู้มาจากทิศทั้ง 4 (ให้โดยไม่เจาะจงผู้รับว่าต้องเป็นภิกษุรูปนั้นรูปนี้) ได้ผลบุญมากกว่าให้ทานภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข
- การที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นสรณะ ได้ผลบุญมากกว่า การสร้างวิหารถวายสงฆ์ผู้มาจากทิศทั้ง 4
- การรักษาศีล 5 ได้ผลบุญมากกว่าการที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นสรณะ
- การเจริญเมตตาจิต (เป็นการทำสมาธิรูปแบบหนึ่ง) แม้เพียงเวลาสูดดมของหอม ได้ผลบุญมากกว่าการรักษาศีล 5
- การเจริญอนิจจสัญญาแม้เพียงลัดนิ้วมือ (การเจริญอนิจจสัญญาคือการพิจารณาถึงความไม่เที่ยง ซึ่งเป็นการเจริญวิปัสสนาอย่างหนึ่ง เพียงลัดนิ้วมือคือเพียงเท่าเวลาที่ดีดนิ้วมือ 1 ครั้ง) ได้ผลบุญมากกว่าการเจริญเมตตาจิตแม้เพียงเวลาสูดดมของหอม

ผมว่า หากท่านที่กำลังดิ้นรน ฟ้องร้องผู้อื่นอยู่ มาอ่าน ผมแนะนำให้ทำบุญข้อสุดท้ายเลยนะครับ เพราะที่ท่านทำอยู่ ห่างไกลจากคำว่าทำบุญมากมายนัก มันเป็นการเดินสวนทางกัน ชัดเจน ด้วยรักและเคารพนะครับ

การที่บุคคลใด บุคคลหนึ่ง กระทำผิดกฎหมาย ย่อมต้องได้รับโทษตามกฎหมาย จะอาศัยกฎหมู่ ตัดสินไม่ได้
ไม่ว่ากรณี ใด ใด ทั้งสิ้น

จะบอกว่า ไม่รู้กฎหมายไม่ได้ นะคะ

และการที่ผู้กระทำความผิด ยอมรับผิด และยินดีชดใช้ค่าเสียหาย ถือว่าเงินที่ได้ เป็นเงินที่ได้มาด้วยความชอบธรรม ไม่ได้คดโกงผู้ใด จะนำไปใช้ในส่วนไหน ย่อมเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคลนะคะ

การที่คุณณัชพล ตั้งให้เฮียเหลียง โทรศัพท์ถามฉันว่าค่าทนาย 30,000 หรือ 35,000 ฉันตอบไปตามความเป็นจริง เฮียเหลียงจะทราบหรือไม่ก็ตามว่า คุณณัชพลให้เฮียเหลียงตั้งกระทู้ ปลายทางคำพิพากษา เพื่อให้ฉันออกมาบอกว่า ฉันเป็นคนเลว จ้างทนายเพียง 10,000 บาท แต่คิดค่าดำเนินการคุณณัชพล 30,000 บาท

คุณณัชพล เขียนข้อความในหลาย ๆ กระทู้ ว่ายินดีจ่ายตามที่ฉันเรียกร้อง รวมทั้งหมด 180,000 บาท โดยจะโอนส่วนที่เหลือเข้าบัญชีให้ เมื่อคดีเสร็จเรียบร้อย (คดีเสร็จเรียบร้อยวันที่ 16 กรกฎาคม 2555)

ณ วันที่ 19 กรกฎาคม 2555 ซึ่งฉันโทรไปซื้ออาหารสุนัขเอฟวัน เจ๊นภาบอก 2-3 วันจะโอนให้ ฉันก็บอกขอบคุณ แต่จนบัดนี้ เงินยังไม่มีเงินโอนเข้าบัญชี ตามที่รับปาก

และไม่ทราบว่า คุณณัชพล ตั้งกระทู้ "ประกาศ เรื่องผีอีแพงตบทรัพย์" ด้วยเจตนาอะไร แต่ก็ทำให้ฉัน ได้รับความเสียหาย

เท่านั้นยังไม่พอ คุณณัชพล ยังไปโพสข้อความในเฟสบุ๊ค หลายครั้ง หลายคน ใส่ความฉัน และสามี

ด้วยเหตุผล ข้างต้นนี้ ที่ฉันและครอบครัวตัดสินใจ ดำเนินคดีตามกฎหมายกับคุณณัชพล

คุณณัชพล เขียนข้อความในหลาย ๆ กระทู้ ว่ายินดีจ่ายตามที่ฉันเรียกร้อง รวมทั้งหมด 180,000 บาท โดยจะโอนส่วนที่เหลือเข้าบัญชีให้ เมื่อคดีเสร็จเรียบร้อย (คดีเสร็จเรียบร้อยวันที่ 16 กรกฎาคม 2555)

ณ วันที่ 19 กรกฎาคม 2555 ซึ่งฉันโทรไปซื้ออาหารสุนัขเอฟวัน เจ๊นภาบอก 2-3 วันจะโอนให้ ฉันก็บอกขอบคุณ แต่จนบัดนี้ เงินยังไม่มีเงินโอนเข้าบัญชี ตามที่รับปาก

คดี เสร็จสิ้นวันนี้ ... 16 ก.ค. 55
อีก 3 วัน ป้าก็จะโทรไปซื้ออาหาร เพราะเป็นวันที่ 19 ก.ค. ผมสับสนครับ

ป้าพร เป็นคนบ้าดีเดือด แต่แกล้งโง่ รู้ เจ็บ จำ อดทน รอเวลาเอาคืน ข้อนี้ ไม่ยกเว้นแม้แต่ ตาโก้ง คนที่สนิทจริง ๆ จะรู้ว่า ตาโก้ง ทำผิด กับป้าพร อย่างไร และป้าพร ลงโทษ ตาโก้งอย้างไร ....


การให้อภัย จะได้ผลมากที่สุด ก็คือ เมื่อให้แล้ว คนผู้นั้นสำนึกผิด และไม่กระทำอีก
แต่ถ้าให้แล้ว ทำให้บุคคลผู้นั้น หลงระเริง ว่าข้ายิ่งใหญ่ ฉันทำอะไร ถูกต้องเสมอ ฉันก็ ไม่ให้อภัย ไม่ว่ากรณีใด ใด

จาก การโพสต์ ของป้า ขัดแย้งโดยสิ้นเชิงนะครับ ป้าเป็นคนที่ไม่สนใจที่จะให้อภัย ใครอยู่แล้วรอเวลาเอาคืน แต่มาบอกว่า ให้อภัยไม่ได้เพราะเขาไม่สำนึก ผมสลดใจแทน ใครมาอ่านดู แค่นี้ก็พอจะรู้จักสุภาษิต คำไทย ว่า Iphoneสาก ปากถือศีลนะครับ เป็นห่วงป้าจังครับ นับวันจะยิ่งดูแย่ลงเรื่อยๆ ในสายตาผู้อื่น

สวัสดีครับ พี่พร มาเฟีย และพี่น้องพิทโซน ผมอ่านกระทู้นี้ด้วยความหวาดเสียว เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาด้วยใจระทึก 55 เรียนตรงๆแบบนี้ครับ เมื่อวานผมไปรับ gps ที่ สน ลาดกระบัง พร้อมกับพี่พร โอนเงินให้ 20000 เรื่องเก่าผมจะไม่กล่าวถึงมันจบไปแล้ร เอาเรื่องอนาตพรุ่งนี้ดีกว่า

ผมตัดสินใจไม่เป็นพยานให้ใคร เกื้อใคร ให้ไปเคลียร์กันเอง ทำไมเหรอ ที่ผ่านมาเพราะผมเสือกไงครับ โดนเข้าไป3หมาย วันนีี้ผมจำเป็นต้องรักตัวเองและครอบครัว พอกันทีครับเรื่องความทุกข์ชาวบ้าน ไม่ขอแสดง คคห ต่อ

ผมเป็นชื่อจาก เหลียง เป็น ไอ้ไก่ แล้วนะครับ จำเลยสิบกว่าคนเปลี่ยนคนอื่น บ้างก็ได้ !!