สวัสดีตอนสายๆครับ พี่น้องทุกท่าน

ไม่อยากให้กลายเป็นประเด็นใหญ่โตแล้วลุกลามไปกันใหญ่โต หลังจากปรึกษากับทีมงานเจ้าภาพแล้ว

ได้ข้อสรุปดังนี้ครับ

- ยกเลิกกติกาข้อ 3.ครับ อนุญาตให้ใช้ปลอกคอ หรือสายโช็คเคน ได้ครับ

เพราะเราเข้าใจแล้วว่าแต่ละท่าน ฝึกสุนัขมาไม่เหมือนกัน แต่รักที่จะเล่นลากน้ำหนักเหมือนกัน

และต้องการจะเป็น "สิงห์นักลากฯ" ด้วยกันทุกคน

แต่จะเน้นในกติกาข้อ 4.การสตาร์ด

ไม่ว่าท่านจะใช้ปลอกคอแบบธรรมดา หรือสายโช็คเคน ก็ตาม เมื่อสุนัขขึ้นไปอยู่บนรางลากฯ

และเกี่ยวชุดลากฯกับรถลากฯแล้ว และแฮนเลอด์ตรวจเช็คความพร้อมของสุนัข

แล้วแจ้งกรรมการว่า "พร้อม" ณ.ตรงนี้แฮนเลอด์ต้องปล่อยมือทั้ง 2 ข้าง

ส่วนกรรมการก็ต้องพิจารณาว่า "พร้อม" แค่ไหน ถ้าปากบอกว่า "พร้อม" แต่มือ ยังไม่ปล่อย

หรือ ปากยังกระตุ้นอยู่ หรือกระทำการใดๆที่ส่ออาการว่ากระตุ้นสุนัขอยู่ กรรมการมีสิทธิ์

ที่จะยังไม่ให้สัณญาน "เริ่ม" จนกว่ากรรมการจะเห็นว่าทุกอย่าง "นิ่ง" แล้วก็จะให้สัณญาน "เริ่มได้"

ถ้าจะให้เข้าใจง่ายขึ้น ณ.ตรงนี้ ขอให้ทุกท่าน นึกถึง การแข่งขันวิ่ง 100 200 400 เมตร

หรือการแข่งวิ่งมาราธอน กรรมการจะเรียกนักกีฬา "เข้าที่" แล้วตรวจความพร้อม เมื่อเห็นว่าพร้อมแล้ว

ก็จะบอกว่า "ระวัง" เมื่อเห็นว่านักกีฬา "นิ่ง" แล้วก็จะให้สัณญานปล่อยตัว

จะเห็นได้ว่า ก่อนที่นักกีฬาจะ"เข้าที่" ก็จะมีการขยับแขน ขยับขา กระตุ้นตัวเอง

แต่เมื่อ "เข้าที่" แล้ว ทุกคนจะต้อง "นิ่ง" รอฟังสัณญาน "ปล่อยตัว" จากกรรมการ

พวกเราจึงตั้งกฎ ข้อนี้ขึ้นมา เพื่อให้เกิดความยุติธรรมแก่นักกีฬาทุกตัวและที่สำคัญ

เราต้องการสื่อให้คนทั่วไปได้เห็นว่า "อเมริกัน พิทบูล" ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด

นักกีฬาของเราทุกตัว สามารถควบคุม และเชื่อฟังคำสั่งเป็นอย่างดี .....ทุกๆตัว

ขอตอบข้อสงสัยทีละข้อดังนี้นะครับ

ของท่านมาเฟีย

-ในกรณีสุนัขที่จี๊ดมากๆ ขอยกตัวอย่าง เจ้าบาเรย์ ของคุณยุทธ ผมว่าคงจี๊ดที่สุดแล้วล่ะครับ

ข้อนี้อนุญาตได้ครับเพราะนักกีฬาจี๊ดมากๆ ไม่สามารถอยู่นิ่งๆได้ ตรงนี้กรรมการจะดูที่ "เจตนา"

คือหลังจากเกี่ยว ชุดลากเสร็จ แฮนเลอด์จต้องรั้งชุดลากไว้ เมื่อพร้อมแล้วก็จะปล่อย

จุดสำคัญอยู่ตรงตอนที่ "ปล่อยมือ" ต้องปล่อยแบบ "แบมือ" โดยไม่ดันมือไปข้างหน้า

หรือกระตุกไปข้างหลัง หลังจาก "ปล่อยมือ"แล้ว ก็ถือว่า "เริ่ม" แล้วกรรมการก็จะเริ่มจับเวลา

ในจำนวน นักลากฯยุคนี้มี "จอมจี๊ด" อยู่ไม่กี่ตัวครับ

-ในกรณีที่สุนัขบางตัวต้องทำสมาธิ แฮนด์เลอปล่อยมือแล้วต้องใช้เวลาสักพัก ก่อนถึงออกตัวได้

แบบนี้อยู่ที่ "ฝีมือ" ของแฮนเลอด์ครับ ว่าจะรู้จังหวะของสุนัขตัวเองแค่ไหน กรรมการจะมีเวลาให้

"ทำสมาธิ" ประมาณ ไม่เกิน 30 วินาที ในระหว่างนี้แฮนด์เลอ จะปล่อยมือหรือไม่ก็ได้ จะสวดมนต์

ท่องคาถา อะไรก็ได้ เมื่อเห็นว่า สุนัข ทำสมาธิพร้อมแล้ว ก็ให้สัณญานกรรมการ

กรรมการก็จะเริ่มจับเวลาครับ

-ในกรณีสุนัขบางตัวล็อคสายลากเสร็จ ออกตัวทันที กรณีนี้ แฮนด์เลอ ต้องแจ้งกรรมการก่อนครับ

ว่าจะ "ออกตัว" ด้วยวิธีนี้ ซึ่งก็ไม่ถือว่าผิด กติกาแต่อย่างใด ให้ใช้วิธีส่งสัณญานบอกกรรมการครับ

ในข้อนี้ไม่ต้องห่วงครับกรรมการของเรา "ประสบการณ์" เหลือเฝือ "ดูออก" ครับ

มาต่อครับ เมื่อกี้พิมพ์ตั้งเยอะต้องลบออก....

-ในกรณีสายลากพันขา

ตรงนี้กรรมการจะหยุดเวลา พร้อมทั้ง "มาร์คจุด" ที่ล้อรถมาถึงตอนหยุดเวลา แล้วให้จนท.

มาเข็นรถไว้ตรงจุดนั้นเมื่อพร้อมจะลากต่อ ก็จะให้จทน.มาจับรถไว้เมื่อเริ่มลากฯก็จะปล่อย

ในกรณีนี้มีให้เลือกอีกวิธีคือ จะกลับไปเริ่มที่จุดสตาร์ดเลยก็ได้ แต่ทั้ง 2 กรณี ต้องเริ่มจากเวลาที่เหลือ

-ในข้อน้ำหนักบังคับ ที่ 800 ก.ก. นั้น มีไว้เพื่อ ประหยัดเวลา ครับ แต่ละงาน นักกีฬา 30 ตัวขึ้น

จะเป็นการใช้เวลานานเกินไป และเป็น "กุศโลบาย" ให้นักกีฬาทุกตัว "ต้องโชว์ตัว"

คือนักกีฬาตัวใหญ่ๆ ถ้าบอกว่าให้เลือกน.น.ลากฯเองได้ ส่วนใหญ่ก็คงจะลงกันที่ 1000 กว่าๆ

กันทั้งนั้น เราก็เลยต้องมี รอบ "น.น.บังคับ" เพื่อให้เหล่านักกีฬาที่ บอกผ่านน.น.มาเรื่อยๆ

ตั้งแต่ 500 600 700 ต้องมา "โชว์ตัว" ให้ผู้ชมได้เห็นหน้าเห็นตาบ้าง

ตรงนี้นักกีฬาตัวเล็กๆจะไม่มีปัญหาครับ

ส่วนตัวไหนลากฯก่อนน.น.บังคับแล้ว เช่น ลากที่ 600 ก.ก. ไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาลากที่

น.น.บังคับที่ 800 ก.ก. เพราะถือว่า ผ่านการ "โชว์ตัว" ไปแล้วครับ

สายลากพันขาน่าจะฟาว์ล นะครับ หยุดเวลา และตำแห่นงจุดที่หยุด น่าจะเป็นบ่อเกิดของปัญหา (แค่ความคิดเห็นนะครับ)

เรียน ครูคาวบอย และ พี่มาร์ค ตลอดจนเพื่อนพี่น้องชายพิทลากน้ำหนักทุกๆท่าน ความรู้สึกของผม ฟังคำถามของพี่มาร์ค และคำตอบของคุณคาวบอยแล้ว ตรงกันเป๊ะ งานนี้ผ่านฉลุย ปัญหาทุกอย่างจบสิ้น ต่อไปมีแต่ม่วนกันม่วน 55555555555555555โล่งอกไปที

ขอบคุณครับ

เย้..เย้เย้ =D> =D> =D>

ม่วนด้วยคนครับพี่อาทูลศรี คร๊าบบบบ :063:

การลากฯไม่ผ่านนั้น จะมีหลายสาเหตุ

เช่น ไม่ออกตัวเลย หรือใกล้จะถึงเส้นชัยแล้วแต่ไม่ทันเวลา หรือหันหลังกลับ

การไม่ออกตัวเลยส่วนมากจะเกิดกับมือใหม่ อาจจะต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมบ้างตรงนี้อาจ

ต้องได้รับคำแนะนำเพิ่มเติมนอกสนามเพื่อจะได้ไม่เสียเวลากับตัวอื่นที่รอคิวลากฯอยู่

ส่วนที่ลากฯได้ครึ่งทางหรือใกล้ถึงเส้นชัยแต่หมดเวลาก่อน ส่วนนี้ผมอยากให้สุนัขได้พักบ้าง

เพราะ 1 นาที ที่ใช้ความพยายามนั้น ถือว่าเหนื่อยมากพอสมควรครับ

ทางเราอยาก "ให้โอกาส" กับนักกีฬาทุกๆตัวครับให้มากๆครับ

"สิงห์นักลากฯ" จะได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นอีกเยอะๆครับ

อ้อ และเราก็มีให้เลือกว่าจะ แก้ตัวเลยก็ได้ นะครับ

เยี่ยมครับ มั่นใจว่างานนี้คงจะมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะอีกเช่นเคย แม้ว่าทางเจ้าภาพจะน้ำมันแพง ฮา .....

สวัสดีดรับ พี่ๆ เพื่อนๆ ทุกคน ผมนัทยังเติร์ก ผมมีข้อสงสัยเรื่องกรณีสายลากพันขาครับ ผมคิดว่ากรณีนี้น่าจะแก้ตัวที่จุดสตาร์ทนะครับ การแก้ตัวที่จุดพันขาผมว่ามันไม่แฟร์กับนักกีฬาตัวอื่นที่เดินตั้งแต่ต้นจนจบครับ เช่น หากลากไปจะถึงเส้นสุนัขหมดแรงรถก็จะถอยหลังไปเรื่อยๆ จนถึงจุดสตาร์ทมันก็เหมือนกับการเริ่มต้นใหม่ แต่กรณีสายลากพันขาสุนัขลากมาจะถึงเส้นสายลากพันขากรรมการหยุดเวลาสุนัขได้พักแล้วลากต่อที่เดิม ผมว่ามันไม่แฟร์ครับ ขอบคุณครับ. อีกกรณีเรื่องการปล่อยตัวการปล่อยตัวให้ปล่อยมือออกจากสุนัขทั้งสองข้าง แต่สุนัขจี๊ดจัดสามารถจับชุดลากได้ ผมว่าสุนัขไม่จี๊ดก็น่าจะให้จับได้แต่ต้องปล่อยแบบขาวสะอาดไม่ใช่กระตุกหรือรั้งมาข้างหน้าจนรถขยับแล้วค่อยปล่อย กรรมการหรือนักกีฬารอบสนามมีเยอะและต่างก็มีประสพการณ์ทั้งนั้น. ยังไงต้องเห็นความแตกต่างแน่นอนครับ

เลี้ยงสายกัด ไม่มีสายลากขอร่วมงานด้วยคนได้มั๊ยคับ เป็นตาม่วนแท้....

สวัสดีครับ พอดีผมอยากจะพูดถึงความชัน แต่คงคิดว่ามันเป็นกฏตาม TWPA
เลยไม่อยากออกความเห็นมากเท่าไหร่ครับ

กฏหมายระบุว่า
ทางลาดขึ้นลงลานจอดรถรถระหว่างชั้น ลาดชันได้ไม่เกิน "ร้อยละ15"
ทางลาดแบบโค้งของรถยนต์ ต้องชันไม่เกิน "ร้อยละ 12"
แว๊บแรกที่คิดออกว่า ความชัน 100% เท่ากับ ...45 องศา
กลับแว๊บๆคิดไปโง่ ๆ ว่า 90 องศาก็ชัน 200% ดิ
ที่จริงกลับไม่ใช่
ที่ความชัน 200% จะชันประมาณ 67 องศา
300% จะชันประมาณ 72 องศา
500% ชันประมาณ 79 องศา
และที่ความชัน 90 องศา มีเปอร์เซนต์ความลาดชันเท่ากับ อินฟินิตี้!

พวกพี่ๆรู้รึเปล่าว่าระยะทางลาก5เมตร ด้วยความสูง5ซ.ม สุนัขลากน้ำหนักจริงเท่าไหร่
พวกนักจักรยานปั่นแบกน้ำหนักตัวเอง+จักรยาน ขึ้นเขาชันแค่10-15% ก็ร้องกันระงมละ
ตามความคิดผมคิดว่ามันชันไปนิด มันคงสะดวกในการที่จะดันเก็บ เพราะล้อเหล็กแบบแบริ่งอัตราการเสียดทานน้อยมากในทางราบก็ถือว่าเป็นน้ำหนักปกติ แต่ในทางลาดชันมันมีน้ำหนักส่วนต่างของการลากบนความชันซึ่งมันไม่ใช่น้ำหนักแท้จริงของการลาก

เอาแค่นี้ก่อน เผื่อมีคนอยากรู้เพิ่ม หยอดน้ำจิ้มไปหน่อย

ปล.อยากให้ความชันประมาณ2-3 ซม.กำลังดีครับ คือจริงๆผมอยากรู้ว่าคนตั้งกฏTWPAเอาค่าไหนมาคิดความชัน ระยะลากไม่เกิน7.5ม. ความชัน5-7 ซม. ลองคำนวนดูมันโหดมากนะครับ นน.ส่วนต่างเกือบแตะ30% ของน้ำหนักจริง

ขอบคุณครับพี่หนุ่ม หมดข้อสงสัยครับ ทำงานต่อก่อนละครับ สบายดีนะครับพี่หนุ่ม ฝนตกบ่อยรักษาสุขภาพครับ

สบายดีครับน้องนัท รักษาสุขภาพเช่นกันนะครับ แล้วเจอกันครับ อยากชนแก้วด้วยครับ ยังเติร์ก สู้ สู้ ;-)

ยินดีต้อนรับสหายใหม่ด้วยใจครับ เชิญนะครับ มีแต่กัดทุกสาย ได้มั้ยครับทั่น

ชอบหัวใจที่มาแบบแพ็กคู่ของน้อง Ton_youngturk จังครับ 8->

ขอตัวไปทำงานเหมือนกันครับ แล้วค่ำๆ จะมาใหม่ครับ

ขอบคุณครับ

ขอบคุณอีกทีครับ ท่าน Open ที่ให้ความสนใจในเรื่องนี้เป็นพิเศษครับ เดี๋ยวผมจะลองหาวิธีการคำนวณ

มาให้นะครับ แค่หนักน้ำที่โหลดในแนวราบธรรมดาๆ นิก็ เจ๋งแล้วหล่ะครับ แล้วเจอกันที่งานนะครับ

เชิญร่วมสังสรรค์กับกลุ่ม " นักกีฬาลากน้ำหนัก " ได้อย่างเป็นกันเองครับ และเชิญทุกๆท่านนะครับ :-D

งานที่ขอนแก่น คงเป็นนิมิตรหมายที่ดี สำหรับ นักกีฬา ทุกท่านครับ เป็นกำลังใจให้กับผู้จัด ครับ
หนุ่ม ฝากบอก แจ็ค ด้วย ถ้าพี่ตั้น ไม่เห็นโอ๋เอ๋ลาก ในสนาม ขอนแก่น .................. :) น่าดู

แก้คำผิดครับ "การเดินอาจจะต่างกัน"

:006: :006: :006: สุดยอด ครับพี่ ผมก็ว่างัน อันใหนดีก็ทำอันใหนคิดว่าไม่ดีก็ไม่ต้องทำ แล้วไปตัดสินกันที่สนาม ดีกว่า ผมไม่ได้ว่าใครนะ ผมคิดของผมคนเดียว

ดีครับ ผมว่าแบบนี้มันก็ตรงไปตรงมาดี แสดงออกให้มันชัดเจนไปเลย จะได้ไม่ต้องมาตามจับผิดกันให้เสียอารมณ์
และจากนี้ไปก็ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างทำในสิ่งที่ตัวเองทำแล้วสบายใจ คนอื่นๆ ก็จะได้ไม่ต้องพลอยอึดอัดไปด้วย

ขอบคุณครับ :065:

แทคติกเพื่อช่วยในการออกตัวเล็กๆน้อยๆ สำหรับหมาที่ฝึกมายังไม่ชัวร์พอ อาจจะช่วยได้บ้างในช่วงน้ำหนักน้อยๆ
แต่มันแทบจะไม่มีความหมายเลย สำหรับการขับเคี่ยวกับขุนศึกเจนสนาม ในช่วงที่น้ำหนักเยอะๆครับ

หมาที่ฟิตไม่ถึง ยังไม่เข้าใจวิธีการลาก ต่อให้ใช้ของล่อก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จ ผมยังมีความเชื่อแบบนี้ครับ :-D

ขอใช้พื้นที่ตรงนี้ซักหน่อยนะครับ เพราะทุกอย่างเข้าใจกันดีแล้ว จึงอยากขอใช้พื้นที่ตรงนี้ กล่าวถึงอดีตที่ผ่านมาซักหน่อย ซึ่งตอนนั้นผมยังไม่ได้ศึกษาเรื่องกิจกรรมของพิทบูลชนิดนี้ รู้แต่ว่าเขาเอามากัดกันเท่านนั้นเอง
-นึกได้ไม่รู้เจอใน กระทู้ไหน มีท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า"คิดถึงบรรยากาศเมื่อสมัยลากที่กองบิน 23
จังบหวัดอุดรธานี" มีหมาสายกัดตัวหนึ่งเจ้าของคือพี่เป้ ขอนแก่น เพราะเหตุนี้แหล่ะครับ จึงอยากนำเรื่องเดิมมาให้ท่านที่อยู่ในยุกนั้นได้รำลึกถึง เป็นบทความในนิตยสาร"สวนจตุจักร ฉบับที่ 197 ปีที่ 17 เดือนพฤษภาคม 2548 ราคา 60 บาท"หัวข้อ Pit Bull Zone " เขียนโดย(ผมเพิ่งเห็นตัวเป็นๆๆเขาปีนี้เอง) ...Mr.MARK หน้าที่ 75-83 ที่กล่าวมานี้เพื่อน
-1.อยากให้ท่านที่อยู่ในยุกในสมัยนั้นได้รำลึกถึงความหลังที่อบอุ่น
-2.อยากให้ทราบว่า ผมได้ครอบครองนิตยสารเล่มดังกล่าว และเก็บรักษาไว้อย่างดี
-3.อยากประกาศให้ยุวชนเจ้า"กราม...ล๊อค" รู้ไว้ว่า ที่ 1 ในยุกนั้นคือ"อาร์เชอร์" ปู่ของเจ๊ทโด้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ(ออกเสียงเอ๊กโค่หน่อย)
-ส่วนในภาพมีใครบ้างที่ยังหลงเหลืออยู่บ้างในยุกนี้ ดูเองนะครับ
สวัสดีครับ

=P~

อาร์เชอร์ครับ

เจ้า"กรา...ล๊อค" หนาวมะหนาว5555555555ว่ามา ฮิ ฮิ ฮิ