ยินดีต้อนรับครับ

ขอแนะนำให้ทุกท่าน สมัครสมาชิก เพื่อป้องกันการแอบอ้างชื่อครับ

Mark Mafia

หาหมอแพงมากครับ!
  • อยากรักษาพยาธิเม็ดเลือดด้วยตัวเองครับ พอมียาแนะนำรึป่าวครับ
  • ที่พอทราบ คือเราต้องรู้ผลเลือดที่แน่นอนก่อนคับ ว่าเป็นพยาธิชนิดไหนใน4ตัว. 1 มีอาการทางตับหรือเปล่า เพราะถ้ามีเกี่ยวกับตับต้องรักษาตับก่อนคับ
    2เลือดจางหรือเปล่า ถ้าจางต้องมียาบำรุงเลือด
    พยาธิในเม็ดเลือด 4ชนิด รักษาต่างกันคับ เอาให้ชัวหาหมอคับ กินยาเดือนกว่า เดียวก็หายคับ
    ผมโดนไปเยอะ 5555
  • เท่าที่เคยเป็น ไม่แพงมากนิครับ ได้ยามาสองอย่าง อย่างแรกบำรุงตับ กับอย่างที่สองฆ่าเชื้อ
  • ใช่ครับ ค่าใช้จ่ายไม่แพงเท่าไร แต่ปัญหาคือ การรักษาต้องใช้เวลา กินยาต่อเนื่องเป็นเดือน แถมลืมวันไหนต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่
  • โรคพยาธิเม็ดเลือดในสุนัข ประกอบด้วย กลุ่มของโรคหลายชนิดที่เกิดจากเชื้อโปรโตซัวและริคเก็ตเซีย ที่มีความรุนแรงแตกต่างกัน แต่ที่มีลักษณะเหมือนกัน คือส่วนใหญ่นำโรคโดยเห็บ (tick) ซึ่งอาจจะจัดโรคพยาธิในเม็ดเลือดเป็นโรคที่นำโดยเห็บ (tick-borne diseases) โดยสาเหตุของโรคเกิดจากเชื้อปรสิตดังต่อไปนี้

    1.โปรโตซัว Babesia canis และ B.gibsoni
    2.โปรโตซัว Hepatozoon canis
    3.ริคเก็ตเซีย Ehrlichia canis, E.chaffeensis และ Anaplasma phagocytophila
    4.ริคเก็ตเซีย Haemobartonella canis
    5.แบคทีเรีย Bartonella vinsonii

    อาการของโรคพยาธิเม็ดเลือดของสุนัขที่เกิดจากเชื้อในแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันออกไปโดยพอสรุปอาการของโรคเกิดจากแต่ละเชื้อดังนี้

    กลุ่มอาการของโรค Babesiosis (B.canis&B.gibsoni)
    เชื้อ Babesia spp. จะอาศัยอยู่ในเม็ดเลือดแดง คล้ายกับเชื้อที่ทำให้เกิดโรคมาเลเรียในคนเมื่อเชื้อเพิ่มจำนวนจะทำให้เม็ด เลือดแดงของสัตว์ถูกทำลาย และมักพบอาการ ดังต่อไปนี้
    1.โลหิตจาง (anemia) เยื่อเมือกจะซีด สังเกตได้จากเยื่อเมือกในข่องปาก
    2.มีไข้สูง
    3.สุนัขจะซึมมาก ไม่กินอาหาร ไม่ค่อยเคลื่อนไหว
    4.ลูก สุนัขที่อายุต่ำกว่า 2 เดือน ที่อยู่กับแม่ที่เคยติดเชื้ออาจจะมีภูมิคุ้มกันจากแม่ป้องกันโรคได้ แต่เมื่ออายุมากขึ้นจะมีความว่องไวต่อการติดโรค สัตว์อายุน้อยที่ไม่มีภูมิคุ้มกันจะมีอัตราการตายสูง
    5.ถ้าเป็นแบบ เรื้อรัง อาจพบอาการดีซ่าน เนื่องจากสภาพเม็ดเลือดถูกทำลายอย่างมากและตับได้รับความเสียหายตะสังเกตได้ จากเยื่อเมือกที่มีสีเหลือง หรือในลูกตาขวาจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง

    กลุ่มอาการของโรค Hepatozoonosis (H.canis)
    เชื้อ Hepatozoon spp จะอาศัยอยู๋ในเม็ดเลือดขาวชนิด Neutrophils ซึ่งจะมีผลทำให้ภูมิคุ้มกันของสัตว์ลดลงจากปกติ เนื่องจากเม็ดเลือดขาวดังกล่างจะถูกทำลาย และสูญเสียประสิทธิภาพในการป้องกันตัวเองจากเชื้อภายนอก อาการที่มักพบคือ
    1.มีไข้เป็นข่วงๆและไม่ค่อยตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะ
    2.ผอมแห้ง น้ำหนักลดลงอย่างต่อเนื่อง ไม่ค่อยกินอาหาร
    3.โลหิตจาง
    4.ท่าเดิมหรือท่ายืนผิดปกติ หรืออาจพบอาการอัมพาตของขาหลัง
    5.มีอาการเจ็บตามกล้ามเนื้อที่สัมผัส
    6.กล้ามเนื้อฝ่อลีบตามมา
    7.มักจะพบการติดเชื้ออื่นๆร่วมด้วย และอาจเป็นสาเหตุเริ่มต้นของโรคอื่นๆที่อาจพบภายหลัง 8.ใน สุนัขบางตัวอาจตรวจพบเขื้อ Hepatozoon canis โดยที่ยังไม่แสดงอาการใดๆออกมา เนื่องจากร่างกายยังมีการตอบสนองในระบบของภูมิคุ้มกันดีอยู่ เมื่อสัตว์เกิดสภาพเครียดหรืออ่อนแอขึ้นมาซึ่งจะทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง จะทำให้สัตว์แสดงอาการของโรคออกมาได้

  • กลุ่มอาการของโรค Ehrlichiosis (Ehrlichia canis,E.chaffeensis และ Anaplasma phagocytophila)
    เชื้อ Ehrlichia spp. จะอาศัยอยู่ในเม็ดเลือดขาวชนิด monocytes, neutrophils, eosinophils และ lymphocytes ความรุ่นแรงของโรคจะใกล้เคียงกับโรค babesiosis เป็นโรคที่พบได้บ่อยมากที่สุดในสุนัข อาการของโรคที่มักพบคือ
    1.โลหิตจาง และมีเกล็ดเลือดต่ำ
    2.มีไข้สูง
    3.มีจุดเลือดออกตามเยื่อเมือก
    4.ต่อมน้ำเหลืองบวม
    5.ซึมไม่กินอาหาร น้ำหนักลด และติดเขื้อแทรกซ้อนอื่นๆได้ง่าย
    6.โรคจะมีความรุนแรงในสัตว์อายุน้อย โดยทำให้อัตราการตายสูง ถ้าไม่ได้รับการรักษาหริอวินิจฉัยอย่างทันที

    กลุ่มอาการของโรค Haemobartonellosis (Haemobatonella canis)
    เชื้อ Haemobartonella spp. จะอาศัยอยู่บนผิวด้านนอกของเม็ดเลือดแดง และทำให้เม็ดเลิอดแดงมีลักษณะรูปร่างผิดปกติไป โดยทั่วๆไปจะมีความรุนแรงต่ำกว่าเชื้ออื่นๆในกลุ่มเดียวกัน อาการที่มักพบมีดังนี้
    1.อาการโลหิตจาง มักพบร่วมกับการติดเชื้ออื่นๆหรือเกิดจากการใช้ยากดภูมิคุ้มกัน
    2.สัตว์จะไม่แสดงอาการใดๆจนกว่าจะเกิดสภาพโลกิตจาง ซึ่งจะนำไปสู่อาการไข้ และซึม
    3.สัตว์ที่มีสุขภาพแข็งแรง ภูมิคุ้มกันปกติจะควบคุมปริมาณของเชื้อไม่ให้มีการเพิ่มหรือแพร่กระจายไปได้
    4.เขื้อนี้ถูกทำลายได้โดยยาปฏิชีวนะ จึงอาจจะถูกทำลายไปในขณะที่ติดเขื้ออื่นๆ

    กลุ่มอาการชองโรค Bartonellosis (Bartonella vinsonii)
    เชื้อ Bartonella spp. อาศัยอยู่ในเม็ดเลือดแดง ความชุกของโรคนี้ในสุนัขค่อนข้างต่ำ อาการที่มักพบ มีดังนี้ 1.การอักเสบของลิ้นปิดเปิดหัวใจ
    2.กินอาหารลดลง ซึม อาจมีอาการเจ็บขาสลับไปมา
    3.อาจพบอาการเยื่อหุ้มสมองและสมองอักเสบ
    4.อาการมีความหลากหลายตั้งแต่ความรุนแรงน้อยไปจนถึงรุนแรงมากขึ้นอยู่กับการแพร่กระจายของเชื้อในอวัยวะ



  • การป้องกันและควบคุมโรคพยาธิเม็ดเลือดในสุนัข

    1.โรคส่วนใหญ่นำ โดยเห็บ ดังนั้นวิธ๊การป้องกันโรคที่ดีที่สุด คือ การควบคุมจำนวนเห็บหมัดให้มีอยู่น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เห็บทุกระยะสามารถนำโรคได้ ดังนั้นการกำจัดเห็บหมัดต้องทำอย่างต่อเนื่องจนไม่พบระยะใดระยะหนึ่งเป็น เวลานานๆ(มากกว่า 2 เดือน) ซึ่งจะสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการติดโรดที่นำโดยเห็บทั้งหลายได้ แม้ว่าสุนัขภายในบ้านอาจจะปลดปลอดจากเห็บ แต่อย่าไว้วางใจในกรณีที่รอบๆบ้านมีสุนัขจรจัดมาอาศัยอยู่หน้าบ้าน ซึ่งอาจจะนำเห็บมาสู่สุนัขของเราได้

    2.ตรวจสุขภาพสุนัขเป็นประจำทุกๆ 3-6เดือน โดยต้องแจ้งสัตวแทพย์ให้เจาะเลือดตรวจพยาธิเม็ดเลือด ซึ่งถ้าสามารถตรวจพบได้แต่เนิ่นๆก็อาจจะช่วยลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดจาก โรคได้

    3.โรคพยาธิเม็ดเลือดบางโรค สามารถติดต่อสู่คนได้ ได้แก่โรค Ehrlichia โดยเกิดจากการกัดดูดเลือดของเห็บ ซึ่งอาจจะไม่รู้ตัว ถ้าปล่อยให้มีเห็บอยู่ในสภาพแวดล้อมจำนวนมากทำให้โอกาสที่เห็บสุนัขจะเลือก คนเป็นโฮสต์มากขึ้น และอาจนำโรคมาสู่คนได้ในที่สุด ดังนั้นการควบคุมจำนวนเห็บและการหมั่นตรวจสุขภาพสุนัขเป็นประจำง จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดโรคของคนที่อยู่โดยรอบ

  • 4.ไม่ควรให้ยาป้องกัน การติดโรคพยาธิเม็ดเลือด เนื่องจากเขื้อแต่ละตัวจะใช้ยาที่แตกต่างกัน จึงไม่สมควรที่ใช้ยาเนื่องยามีผลข้างเคียงอื่นๆต่อตัวสัตว์ เข่น ความเป็นพิษและมีโอกาสทำให้เชื้อเกิดการดื้อยารวมทั้งเพิ่มค่าใช้จ่ายในการ ดูแลสัตว์โดยไม่จำเป็น การป้องกันที่ดีที่สุด คือการควบคุมจำนวนเห็บ และการหมั่นดูแลสุขภาพของสัตว์เป็นประจำ การรักษาเป็นส่วรที่ขึ้นอยู่กับสัตวแพทย์โดยตรง เจ้าของสุนัขไม่ควรซื้อยามากินหรือฉีดเอง เนื่องจากการรักษาโรคมีความซับซ้อนมากกว่าเป็นเพียงการใข้ยาให้ตรงกับโรค สุนัขบางตัวอาจจะต้องตรวจเลือด เพื่อดูการทำงานของตับไต เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเป็นพิษต่ออวัยวะ ก่อนที่สัตวแพทย์ทำการดำเนินการรักษา เนื่องจากยาที่ใช้ในการรักษาโรคพยาธิเม็ดเลือดบางชนิด เช่น Babesia มีความเป็นพิษสูง สัตว์อาจแพ้ยาและมีอาการข้างเคียงอื่นๆตามมา การรักษาจึงต้องมีการให้ยาอื่นๆสนับสนุน เพื่อให้สัตว์มีการฟื้นตัวจากการติดเชื้อและปลอดภัยจากผลอันไม่พึงประสงค์ อื่นๆ นอกจากนี้การรักษาโรคพยาธิในเม็ดเลือดจะต้องมีความต่อเนื่อง คือ การติดตามผลการรักษา อาจจะต้องทำไปอีก 3 เดือน - 1 ปี เพื่อป้องกันการกลับมาแสดงอาการของโรคหรือเกิดการติดเชื้อซ้ำ

    5.โรคพยาธิ เม็ดเลือดในสุนัขบางชนิด ไม่มียารักษาให้หายขาดได้ เช่น โรค Hepatozoon การดูแลสัตว์ที่ติดเขื้อดังกล่าว จึงเป็นการเพียงการรักษาตามอาการ และบำรุงให้สัตว์ฟื้นตัวได้เร็วที่สุด ซึ่งจะทำให้สัตว์มีชีวิตที่ยืนยาวได้ ส่วนใหญ่แล้วโรคพยาธิเม็ดเลือดเป็นโรคที่ที่อาจกล่าวได้ว่าไม่สามารถรักษา ให้หายขาดได้ เนื่องจากเชื้อสามารถซ่อนตัวอยู่ในตับ ม้าม หรือต่อมน้ำเหลือง ในร่างกายสัตว์ได้ โดยส่วนใหญ่ยาที่ใช้ในการรักษาจะออกฤทธิ์ต่อระยะของพยาธิเม็ดเลือดในกระแส เลือดเท่านั้นและไม่ค่อยมีผลต่อเชื้อในอวัยวะต่างๆ เมื่อสัตว์เคยเป็นโรคแล้วเจ้าของสัตง์ต้องเฝ้าระวังต่อไป ตราบเท่าที่ยังมีเห็บสุนัขอยู่ในสภาพแวดล้อม ซึ่งพร้อมที่จะนำโรคมายังสัตว์เลี้ยง การตรวจสุขภาพของสัตว์เลี้ยงเป็นประจำ เป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการเผ้าระวังและช่วยให้เข้าของได้ทราบถึงภาวะของ สัตว์เลี้ยง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้เลี้ยง เนื่องจากมีโรคบางชนิดสามารถติดต่อจากสัตว์มาสู่คนได้

  • ขอบคุณ ข้อมูลดีๆแบบนี้ครับ :063:

    ผมถึงพูดย้ำเสมอว่า การจะรับสุนัขสักตัวเข้ามาในชีวิต เราต้องพร้อม.....
    และ ความพร้อมในที่นี่ ไม่ใช่มีข้าวให้กิน มีกรงให้นอน ......
    แต่มันต้องรวมถึงการ ดูแล รักษา มีสถานที มีความรู้ ความเข้าใจ ฯลฯ

    เราถึงจะเลี้ยงมันได้อย่างมีความสุข จนหมดอายุขัยครับ
  • สำคัญต้องรักษาต่อเนื่อง หากอาการดีขึ้นก็ยังต้องไปหาหมออยู่ ไม่งั้นโรคนี้ดื้อยาแล้วแย่กว่าเดิมแน่
  • โรคพยาธิเม็ดเลือดกับโรคไข้เห็บเหมือนกันหรือเปล่าค่ะ
  • เจ้าตัวที่บ้านก็เพิ่งหาย รักษาและกินยาต่อเนื่อง 2 เดือนเต็ม กินยาวันละ3 เม็ด ครึ่ง ตกเม็ดละ 7 บาท วันละประมาณ 25 บาท ยาบำรุงเลือดอีกต่างหาก...แต่ยอม ขอให้หายเป็นพอ
  • เปลี่ยนร้าน(คลินิค)เลยครับ

    ผมเคยเจอมา จุกเลยครับ

    ยา บำรุงกระเพาะปัสสาวะ ตัวเมีย เนื่องจากร้านที่ไปประจำ คุณหมอ ไปสัมมนา 3 วัน เลยหาร้านอื่นแทน

    1.ร้านใหม่ คิดตังค์ผม เม็ดละ 50 บาท ( โดนไป 1900 )

    2.ร้านที่หาประจำ เม็ดละ 5 บาท

  • ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆที่นำมาฝากครับท่าน cowboykids
  • ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ :-D ผมเจอโรคนี้จนจำฝังใจ หมาพี่ๆกับหมาแฟนก้ตายเพราะโรคนี้ครับ น่ากลัวจิงๆครับตายคาตาผมเลย
  • รุ่นพี่ผมหมาโตเป็นลำไส้อักเสบ นอนคลินิกครึ่งเดือน เกือบสองหมื่นครับ
    เลี้ยงหมานี่ต้องเผื่อค่าใช้จ่ายทุกอย่างล่วงหน้าอย่างน้อย1ปี กับอีกส่วนหนึ่งไว้กรณีฉุกเฉินโดยเฉพาะถึงจะมั่นใจได้ครับ
  • คือไม่รู้ว่าเข้าใจถูกมั้ยนะคะเกี่ยวกับการกินยาป้องกันทุกเดือน เดิมทีจะให้เด็กๆ ที่่บ้านทานยาเม็ดป้องกันหนอนหัวใจ และเห็บหมัดทุกเดือนจะไม่มีเห็บหมัดเลยค่ะ แต่ช่วงหลังเปลี่ยนมาเป็น Heartgard Plus แทนเห็นมีเห็บมา 1 ตัว ไม่รู้ว่า Heartgard นี่ทานได้ดีที่สุดมั้ยคะ (ยาเดิมที่กินซื้อที่คลีนิคค่ะ น่าจะเป็นของไทย)
  • แชร์ให้ฟังนะคะ.. ลูกสาวค่ะ ตอนที่เริ่มเป็นอายุหนึ่งปีเศษๆ เป็นชนิด E.canis ที่รักษาให้หายขาดได้ แต่ชีวิตนี้ห้ามมีเห็บมาเกาะตลอดชีวิต...เป็นอะไรที่ห้ามกันยากมาก เพราะว่าเธอชอบเล่นที่สนามหญ้าสุดๆ ... วิธีแก้ไข กินยาหาหมอ กินให้หมดตามโด้สที่หมอกำหนด ก่อนนอนก็ตั้งทีมล่าหาเห็บ (ก็ยอมบาปค่ะ) แงะ แคะทุกซอกมุม อาบน้ำสัปดาห์ละครั้ง.. ทำความสะอาดหู ... ส่วนเรื่องยาที่จะหามารักษาเอง ก็พอหาได้ค่ะ ราคาต่ำกว่า รพ ด้วย แต่ไป รพ แล้ว รู้สึกมั่นใจกว่า นอกจากเรื่องเห็บหมา ยังได้ความรู้จากหมออีกหลายอย่าง ... อาหารการกินที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาการพยาธิเม็ดเลือด อะไรที่ควรส่งเสริมให้กิน อะไรที่มันจะยิ่งเพิ่มโรค ฯลฯ หมอแนะนำมาหมดค่ะ ฉีดยากันเห็บหมัด 1ครั้ง/2 เดือน พยายามดูแลเค้าให้ดีที่สุด ..คิดว่า เค้าเป็นอวัยวะของเราก็ได้ และก็อดทนค่ะ ใจเย็น ใช้เวลารักษาโรคก็ไม่นานมาก... สังเกตถ้ามีอาการเป็นโรคช่วงไหน จะซึม ตัวร้อน ไม่กิน ... ก็จับอ้าปากดูเหงือก จับใต้คอที่ต่อมน้ำเหลือง ขาหลังสองข้างบริเวณช่วงกลางๆอ้ะค่ะ มันจะเป็นเม็ดๆ ถ้ามันใหญ่ๆ ก็ฟันธงเลยค่ะ หอบหิ้วกันไป รพ ดีกว่า .... โรคนี้ โชคดีหายขาด บางตัวไม่หายค่ะ แต่ลูกสาวโชคดีบ้าง ไม่ดีบ้าง มาเป็นช่วงๆ ก็ดูแลกันไป...ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ ขอให้เป็นชนิดที่พอรักษาให้หายขาดได้ และก็ข้อมูลของ @cowboykids ตามนั้นเลยค่ะ ค่อนข้างชัดเจนมาก ทั้งหมดนี้ ... ต้องขอบคุณ @Pitbullzone K.มาร์ค พี่เค้าเคยบอกบ่อยๆว่า ไอ้ที่ว่ารักจริง อย่าพูดอย่างเดียวนะ ขอให้ทำให้จริงด้วย... หนูทำแล้วนะคะ.. ตั้งแต่วันแรกที่มีน้องพิทเข้ามาบ้านค่ะ...
  • อ่อออออ....อย่าลืมพาไปตรวจเลือดต่อด้วยนะคะ...ตรวจสุขภาพด้วย.. จะได้รู้ว่า ตอนนี้ลูกๆยังปกติหรือไม่ ตับ ไต ยังอยู่ดีหรือไม่...สำคัญมากๆค่ะ
  • ของผมเป็นพยาธิเม็ดเลือด กินยาต่อเนื่อง2เดือนแล้วก็ต้องมาตรวจซ้ำอีกว่าเชื้อยังมีอยู่รึป่าว ขอบอกว่าแพงจริงแต่ก็เต็มใจที่จะจ่ายขอให้หายแพงเท่าไรก็ไม่ว่า คับ \m/
  • แต่ผมว่าบางทีหมอน่าจะบอกค่ารักษาคร่าวๆก่อนก็ดีนะครับ บางที่เราเตรียมเงินไปอาจไม่พอหรือมีงบไม่ถึงอย่างนี้ครับ
  • เยี่ยมครับ ขอบคุณข้อมูลดีๆครับ
    :063: :063: :063:
  • อยากแนะนำ น.สพ เรืองทอง คุณหมออยู่ขอนแก่น(หมอเคยโพสต์-เล่นในเว็บนี้) ผมอยู่นครสวรรค์ แต่โทรไปรบกวน เรื่องยา-อาการสุนัข บ่อยๆครับ คุณหมอพูดดีมากแนะนำดี แม้ว่าเราไม่ได้ไปอุดหนุน คุณหมอก็ให้คำแนะนำทุกครั้ง ผมซึ้งในน้ำใจคุณหมอคนนี้จริงๆครับ ถ้าท่านมีปัญหา เกี่ยวกับเรื่องสุนัข ทั้งหมดทั้งมวล ให้ติดต่อที่ ruang_ki@kku.ac.th
    **ผมขอออกตัวก่อนว่ามิได้โปรโมทคุณหมอท่านนี้น่ะครับ