ถ้าคุณหยิบตำราหมาพันธุ์ต่างๆ มาอ่านสักเล่ม..คุณจะเห็นเขาบรรยายถึงประวัติความเป็นมาของหมาพันธุ์นั้นๆ หลายๆ พันธุ์มีประวัติวีรกรรมของบรรพบุรุษยิ่งใหญ่มาก เช่น ไอริซ วู๊ฟฮาวน์ ล่าหมาป่า เกรทเดนล่าหมูป่า..ร็อตไวเลอร์ ใช้ในกองทัพโรมันว่ากันว่ามันงับข้อขาม้าแตกหักได้อย่างง่ายดาย!...ประวัติทั้งหลายมันก็คือหน้าที่ประจำพันธุ์ของมัน..ฉะนั้นโครงสร้างมาตรฐานของแต่ละพันธุ์ก็ถูกคนเรามากำหนดว่าต้องเป็นอย่างไรจึงจะทำหน้าที่นั้นๆ ได้ดี.บรรดาสมาคมหมาๆ อย่าง AKC, UKC, FCIฯ ต่างก็ตอบสนองนักเพาะพันธุ์หมา..ร่วมกันร่างมาตรฐานของแต่ละพันธุ์และให้เหตุผล..เถียงกันหน้าดำหน้าแดง...หัวต้องแบบนี้ หูต้องอย่างนี้ เส้นหลังต้องตรงเท่านั้น!..ฯลฯ.ทุกอย่างถูกกำหนดขึ้นในห้องประชุม.พอมาตรฐานโครงสร้างของหมาถูกร่างออกมา ลงนามยอมรับกันแล้วนำออกเผยแพร่..เป็นที่น่าสังเกตว่ามาตรฐานหมาเกือบทั้งหมดมีความคิดไปแนวเดียวกัน คือ ความสวยงาม..สวยตามความนึกคิดของคน..ก็ไม่รู้ว่าหมามันมองพวกเดียวกันอย่างไร!?. ดูง่าย ๆ หมาหลายพันธุ์กำหนดไว้ว่าเส้นหลังต้องตรง ลาดต่ำลงจากวิทเทอร์สู่บั้นท้าย..เหตุผลว่าต้องตรงจึงจะแข็งแรง..ถูกต้องเลย.. ยิ่งตรงยิ่งแข็ง!..แต่มันแข็งทื่อ!..ไม่มีความยืดหยุ่น!.. คนที่เลี้ยงหมาไว้ใช้ประโยชน์จริง ๆ เขาคัดพันธุ์กันที่ความสามารถหมาล่าหมูป่าถ้ามันไม่มีความสามารถ มันคงโดนหมูขวิดตายไปแล้ว!..ไอ้พวกที่รอดมาจึงมีโอกาสได้ผสมพันธุ์แพร่ลูกหลาน... หมาพิตบูลที่ใช้ในเกมต่อสู้ก็เช่นกัน..หมาตัวที่ใจเสาะ อ่อนแอ..ไร้ความสามารถ..คงไม่มีด็อกแมนคนไหนอยากเก็บไว้..ว่าไปแล้วพวกด็อกแมนก็ไม่ได้รู้เรื่องพันธุกรรมลึกซึ้งแต่อย่างใด..แต่เขาเข้าใจในตัวหมาที่ความเก่งของมัน เลือกตัวเก่ง ๆ ผสมกัน..มันเหมือนธรรมชาติช่วยคัดสรร..หมาป่าก็เช่นกันหมาจ่าฝูงกัดเก่งจึงมีโอกาสได้ทับตัวเมีย..แน่นอนมันจะกัดเก่งได้จำต้องมีร่างกายที่แข็งแรงกว่า..หมาจะแข็งแรงได้มันต้องมีโครงสร้างที่ถูกต้องตามธรรมชาติของพันธุ์..หาใช่มนุษย์ไปกำหนดไม่!.. มาดูใกล้ตัวเราหน่อย..หลังจากองค์กรต่างๆ ต่อต้านการแข่งขัน เกมพิต..หาว่าโหดร้าย ทารุณ!..แต่เพื่อคงอยู่ของเผ่าพันธุ์..เขาหลีกเลี่ยงมาจดทะเบียนเป็นอเมริกัน สแตฟฟอร์ดชายด์ เทอร์เรีย..แล้วมาตรฐานพันธุ์ของมันก็ถูกกำหนดโดยคน..บนโต๊ะประชุมตามที่กล่าวข้างต้น..อีกกลุ่มพวกชื่นชอบความเก่งกาจของพิตบูล เขาก่อตั้งสมาคม ADBA แล้วก็ร่างมาตรฐานพันธุ์ภายใต้แนวคิด คงความเก่ง คงศักยภาพไว้..จริง ๆ มันก็ไม่ยากเย็นอะไร..เอาพวกตัวที่กัดเก่ง ๆ ระดับแชมเปี้ยนหลายๆ ตัวมาวิเคราะหโครงสร้างพวกมันดูว่ามีอะไรเหมือนกันหรือใกล้เคียงกัน. หมาพิตบูลเก่งๆ อาจมีรูปร่าง สีสันแตกต่างกันไป.แต่มีจุดหลักๆ ที่ใกล้เคียงกันคือบั้นท้าย..เชื่อกันว่าพละกำลัง 70% ถูกส่งมาจากส่วนท้ายตั้งแต่บั้นขาหลัง (Stifle) ตรงนี้ถ้าเทียบเป็นคนก็คือเข่า..พละกำลังจะถูกส่งจากขาหลังนี้ส่งผ่านมาถึงสะโพก (Hip) ถึงบั้นเอว (loin) ?เวลาแยกหมากัดกันเราหนีบเอวมันไว้..เท่านี้ก็ตัดกำลังได้เกือบหมดแล้ว.. หมาพิตบูลนักสู้ส่วนใหญ่มักมีส่วนท้ายโค้งมนลงเล็กน้อย..ตำแหน่งหาค่อนไปทางต่ำเล็กน้อย(Low set tail)..ปั้นขาหลังต้องกว้าง มีกล้ามเนื้อนูนเด่นชัด และต้องมีมุมโค้ง(Angulation)..หมาที่ไม่มีมุมโค้งมองดูเหมือนขาหลังตึงพวกนี้จะไม่มีแรงส่งที่ดี..ส่วนพวกที่มีมุมขาหลังโค้งมีมุมมากเกินควร (over Angulation) เช่น หมาเยอรมันเช็พเพอด พวกนี้มักมีปัญหาเรื่องข้อกระดูกและสะโพก (Hipdysplasia) คนเลี้ยงหมาตามแบบฉบับของสมาคมใหญ่!..อาจยืนมองว่าหมาพิตบูลพวกนี้ช่างขี้ริ้ว ขี้เหร่!..กะโหลกก็ไม่โตเหมือนหม้อข้าว!..ท้ายก็โด่ง ๆ ความจริงวันนี้คือ นิตยสารไทม์เคยนำมาตีพิมพ์ว่าหมาทุกพันธุ์ที่รับรองโดย AKC ในอเมริกามากกว่า 25 % ต่างมีโรคประจำพันธุ์..และน่าใจหายว่าหมาอเมริกันสแตฟฟอร์ดชายด์ เทอร์เรีย ปรากฏมีโรคข้อสะโพกห่างติดอันดับต้น ๆ.. หมาพิตบูลที่ใช้ในเกมทั้งหมดถูกคัดพันธุ์โดยยึดหน้าที่เป็นหลัก..ส่วนหมาพันธุ์อื่น ๆ ถูกคัดพันธุ์โดยยึดมาตรฐานความงาม (ในสายตาคน)เป็นหลัก..โดยไม่มีการพิสูจน์ตามหน้าที่บรรพบรุษของพวกมัน..ผมยังไม่แน่ใจว่าไอริชวู๊ฟฮาวน์วันนี้ยังคงล่าหมาป่าได้หรือไม่?เกรทเดนยังคงล่าหมูป่าได้หรือไม่?..ร็อตไวเลอร์ยังคงไล่งับขาม้าได้หรือไม่?..แต่ผมแน่ใจว่าบลูด็อกเมื่อหลายร้อยปีก่อนจนถึงวันนี้ยังคงใช้สู้กับวัวได้ (บลูด็อกโบราณยังไม่สูญพันธุ์สายเลือดยังบริสุทธิ์เพราะมันคือพิตบลูนักสู้ทุกวันนี้)
ป.ล.หมาที่เกิดมามีโรคประจำพันธุ์ติดตัวมาด้วย มันก็คือความโหดร้ายทารุณเหมือนกัน!
ให้เครดิตผู้แต่ง
มาร์ พิตบูล
www.pitbullzone.com
อาหารสุนัขเอฟวัน
www.f1dogfood.com