เสียงเห่า 10 แบบที่จะทำให้คุณเข้าใจสุนัขมากขขึ้น

โดย Pitbull Zone UPDATE 5-4-2564

มนุษย์เราใช้การพูดในการสื่อสาร นอกจากการพูดแล้วเรายังสามารถสื่อสารด้วยท่าทางต่างๆได้อีกด้วย สุนัขก็มีวิธีการสื่อสารเช่นกัน นั่นก็คือเสียงเห่าและหอนนั่นเอง แต่เราเคยสงสัยกันไหมคะว่าเสียงเห่าหอนของสุนัขที่แตกต่างกัน มีความหมายแตกต่างกันอย่างไร? 


เสียงเห่าของสุนัขแบบที่ 1 เสียงเห่าแบบดีใจ    

เสียงเห่าแบบนี้มักจะเจอได้บ่อยๆ เช่น เวลาที่เจ้าของกลับมาบ้าน เสียงเห่าแบบนี้เป็นเสียงเห่าที่สดใส ตื่นเต้น ดีใจ มักจะมีอาการวิ่งวนไปมาและกระดิกหางของสุนัขร่วมด้วย


เสียงเห่าของสุนัขแบบที่ 2 เสียงเห่าแสดงอาณาจักรและขอบเขต   

เสียงเห่าเตือนอาณาเขต มักจะเห่าแบบสั้นติดต่อกันเป็นเวลานานๆ แต่ไม่ใช่เสียงที่ดุหรือมาจากลำคอ เรามักจะพบการเห่าเพื่อแสดงอาณาเขตแบบนี้ได้จากสุนัขจรจัดที่อยู่ตามถนน เมื่อเราเดินผ่านเข้าไปใกล้อาณาเขต สุนัขจะเห่าเพื่อเตือนเราว่าบริเวณนี้เป็นอาณาเขตของเขา การเข้ามาจะต้องได้รับอนุญาติ


เสียงเห่าของสุนัขแบบที่ 3 เสียงเห่าบ่งบอกความเหงา  

เสียงเห่าแบบนี้มักจะมีความอ้างว้าง มีความรู้สึกเจ็บปวดเล็กๆแฝงมาด้วย มักเกิดขึ้นเมื่อสุนัขโดนทิ้งให้อยู่ลำพัง หรือหลงทาง เสียงเห่าแบบนี้จะเป็นการเห่าแบบลูกผสม คือมีการเห่าผสมการหอน การเห่าแบบนี้เป็นการสื่อสารไปยังสุนัขตัวอื่นๆด้วย หากสุนัขฝ่ายตรงข้ามได้ยินก็อาจจะมีการเห่าแบบเดียวกันตอบกลับมานั่นเอง


เสียงเห่าของสุนัขแบบที่ 4 เสียงเห่าบอกความกลัว   

เสียงเห่าแบบนี้จะเปลี่ยนแปลงเป็นความดุ อาการของสุนัขจะมีการก้มต่ำ หางจุกตูด ลำตัวเกร็ง เดินถอยหลังเพื่อหาที่ปลอดภัย เช่นมุมหรือซอกที่สุนัขรู้สึกปลอดภัย หลังจากนั้นสุนัขจะเห่าเตือนเราอย่างต่อเนื่อง แต่มีการเว้นระยะห่างช้าลงกว่าการเห่าเพื่อแสดงอาณาเขต หากเราเข้าหาสุนัขอย่างถูกวิธี สุนัขจะค่อยหดตัวลงและผ่อนคลายมากขึ้น


เสียงเห่าของสุนัขแบบที่ 5 เสียงเห่าแบบก้าวร้าว   

เสียงเห่าแบบนี้จะเป็นเสียงเห่าคล้ายมาเฟีย เกิดจากเสียงที่เปล่งอออกจากท้องและลำคอ มีเสียงข่มอยู่ในเสียงคู่นั้น สุนัขมักจะมีอาการหูตั้ง ยิงฟัน แยกเขี้ยว ถ่างขาหลังออกและโยกตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อเตรียมจู่โจม หางตั้งขึ้น 90 องศา และเงยเพื่อจ้องตาคนหรือสุนัขที่คิดว่าเป็นศัตรู หากเราจเผลอไปจ้องตาสุนัขก็อาจจะทำให้สุนัขกระโจนกัดเราได้ค่ะ หากสุนัขของคุณมีการเห่าแบบก้าวร้าว สิ่งที่คุณต้องทำก็คือควบคุมสถานการณ์ให้ได้ พยายามเบี่ยงเบนความสนใจสุนัขจากสิ่งที่เขาเห่าก่อนที่สุนัขจะเตลิดไปถึง Red Zone (อาการสติหลุดในสุนัข)





เสียงเห่าของสุนัขแบบที่ 6 เสียงเห่าแบบตื่นเต้น   

การเห่าแบบนี้เป็นการเห่าแบบ Positive สุนัขจะเห่าเมื่อมีอาการตื่นเต้น สนุก เช่น เวลาเล่นกับเจ้าของหรือสุนัขตัวอื่น จะเป็นการเห่าที่มีเสียงค่อนข้างกังวาล สบายๆ เป็นเสียงที่ฟังแล้วไม่รู้สึกเครียด ไม่ใช่เสียงที่ออกจากลำคอเหมือนการเห่าแบบก้าวร้าว

 
เสียงเห่าของสุนัขแบบที่ 7 เสียงเห่าเมื่อสุนัขรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่มั่นคง  

เป็นเสียงเห่าที่ไม่ผ่อนคลาย มีเสียงข่ม สั้น และใช้โทนต่ำ นอกจากนี้สุนัขจะวิ่งไปเฝ้าดูอะไรบางอย่างที่ทำให้สุนัขรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่มั่นคง เพื่อจะพยายามฟังหรือมอง อาจจะมีการตอบสนองที่ดุดัน เช่น การกระโจน หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้เจ้าของสุนัขจะต้องเฝ้าระวังอันตรายทันที เพราะการเห่าแบบนี้เป็นการเห่าที่ผิดปกติ อาจจะมีโจร หรือ สัตว์เลื้อยคลาน ที่ทำให่สุนัขรู้สึกไม่ปลอดภัยอยู่ในบริเวณใกล้เรา


เสียงเห่าแบบที่ 8 เสียงเห่าเพื่อเรียกร้องความสนใจ  

เสียงเห่าแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อเราทำงานโดยไม่สนใจสุนัข โดยเสียงเห่าจะเป็นเสียงเห่ายาวๆ เท่าๆกัน เหมือนๆกัน เป็นเสียงเห่าที่มีคลื่นเสียงที่มั่นคง สุนัขจะเห่าเพื่อเรียกร้องความสนใจ หากเรายังไม่สนใจ สุนัขก็จะเห่าเรื่อยๆ เพื่อเรียกร้องให้เจ้าของสนใจนั่นเองค่ะ

เสียงเห่าของสุนัขแบบที่ 9 เสียงเห่าเอาแต่ใจ 

เป็นเสียงเห่าที่สุนัขอยากได้อะไรสักอย่าง แต่ไม่อยากทำเอง เช่น สุนัขต้องการออกไปข้างนอก สุนัขก็วิ่งไปหน้าประตูแล้วเห่าเพื่อเรียกให้เจ้าของเปิดประตูให้ ซึ่งเราไม่ควรเปิดประตูให้เขาถ้ายังไม่ถึงเวลาที่เราจะพยาไปเดินเล่น มิฉะนั้นสุนัขจะเห่าแบบนี้จนติดเป็นนิสัยได้นะคะ เสียงเห่าแบบนี้ จะเป็นเสียงเห่าสั้นๆ ซ้ำๆ และสายตาของสุนัขจะมองมายังเจ้าของเพื่อให้เจ้าของทำตามที่ตนเองเรียกร้อง


เสียงเห่าของสุนัจแบบที่ 10 เสียงเห่าเพราะติดสัตว์  

สุนัขจะเห่าโดยใช้เสียงหอนยาวๆ เห่าเวลาเดิมๆประมาณ 1-2 อาทิตย์ เมื่อได้กลิ่นสุนัขเพศตรงข้าม เจ้าของสุนัขที่ได้ยินเสียงแบบนี้ก็ไม่ต้องตกใจไปนะคะ หลังจากหมดช่วงที่สุนัขติดสัตว์ อาการหอนแบบนี้ก็จะหมดไปค่ะ เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับเสียงเห่าสุนัขทั้ง 10 แบบ 

ขอบคุณบทความจาก     https://www.jojohouse.com/    


อาหารสุนัขเอฟวัน   ID Line.    อาหารสุนัขเอฟวัน      Facebook  Dod food    


     


 

สาระน่ารู้ที่เกี่ยวข้อง