ยินดีต้อนรับครับ

ขอแนะนำให้ทุกท่าน สมัครสมาชิก เพื่อป้องกันการแอบอ้างชื่อครับ

Mark Mafia

รบกวนช่วยแนะนำวิธีการฝึกลากน้ำหนักหน่อยคับ
  • รบกวนช่วยแนะนำวิธีการฝึกลากน้ำหนักหน่อยคับ จะเอามาลองฝึกตัวที่บ้านดูคับ
    ไฟล์แนบ
    red1002.jpg 20K
  • เออ ช่ายๆ จะได้เอาไปฟิตลูกสาว ก่อนไป มิตติ้ง ใครรู้ แบไต๋ กันหน่อย คร้าบบบ
  • หมา อายุเท่าไหร่แล้ว
    ไฟล์แนบ
    untitled5.JPG 56K
  • อันดับแรกต้องทำชุดลากก่อน ใช้เชือก หรือเศษผ้าก็ได้ผูกแบบชุดลากเลย
  • อายุสุนัขกับการออกกำลังกาย
    ? อายุต่ำกว่า 1 ปี ให้ฝึกคำสั่งเบื้องต้นก่อนเช่น ชิด นั่ง หมอบ คอย { ถ้ามีเวลา } และหรือ ให้ใส่ชุดลากฯ หรือชุดรัดอก ให้เคยชิน แต่อาจจะต้องเปลี่ยนบ่อยเพราะสุนัขจะโตขึ้น

    ? อายุ 1 ปี ขึ้นไปฝึกให้รู้จักคำสั่งลากฯ และฝึกด้วยน้ำหนักเบาๆ { คือ สุนัขเดินลากแบบสบายๆ ไม่ใช่ออกแรงจนตัวเกร็ง } และระยะทางไม่ควรเกิน 10 เมตร
    ? อายุ 1.6 ปี ฝึกอย่างจริงจัง แต่น้ำหนักยังไม่เต็มที่ { ลากแบบตัวเกร็ง แต่ไปได้เรื่อยๆ ไม่ใช่ตะกุย แล้วตะกุยอีก ก็ยังไม่ขยับ แบบนี้หนักเกินไปครับ }
    ? อายุ 2 ปี ขึ้นไป ฝึกได้เต็มที่ครับ
    การเตรียมตัวก่อนการฝึก
    ? เล่นกับสุนัข
    เพื่อสร้างความผูกพัน คุ้นเคย และเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ระหว่างเจ้าของหรือผู้ฝึก กับสุนัข

    ? การสัมผัสกับสุนัข
    เพื่อแสดงความรักที่มีต่อสุนัข โดยการ โอบ กอด ตบไหล่เบาๆ
    ? การฝึกเบื้องต้น
    คือการฝึก ชิด นั่ง หมอบ คอย ฯ ถ้าสุนัขผ่านการฝึกเหล่านี้มา จะทำให้การฝึกลากฯ ง่ายยิ่งขึ้น เพราะสุนัขเชื่อฟังเจ้าของ แต่ถ้าไม่เคยฝึกมาก่อน ก็ไม่เป็นไร แต่อย่างน้อยๆ ก็ควรจะเรียกสุนัขมาหาได้ ....ถ้าเรียกแล้วสุนัขเฉย { หมาเมิน } ก็...ต้องบอกว่า คงจะเหนื่อยมากๆๆๆๆในการฝึกสุนัขตัวนี้ลากฯ



    การฝึกลากน้ำหนักเบื้องต้น
    1.การสร้างความคุ้นเคย
    โดยการใส่ชุดลากฯเปล่าๆแล้วจูงเดินเล่น สัก20 30นาที ในช่วงเช้า และเย็น สักประมาณ 2-3 วัน หรือมากกว่า โดยต้องสังเกตุสุนัขว่า ไม่กลัวและเริ่มคุ้นเคยกับชุดลากฯแล้ว2.การทำให้ดู
    โดยธรรมชาติของสุนัขแล้ว เค้าจะถือว่าเจ้าของคือจ่าฝูง ดั่งคำกล่าวที่ว่า " เจ้าของมีนิสัยยังงัย สุนัขก็จะมีนิสัยคล้ายกัน " หรือ " อยากรู้ว่าเจ้าของสุนัขมีนิสัยอย่างไร ให้ดูที่สุนัข " นั่นเอง
    หลังจากมีอุปกรณ์การฝึกแล้ว { ล้อยาง หรือโซ่ } ให้ผู้ฝึก ลากให้สุนัขดูก่อน สักวันนึง เพื่อสุนัขจะได้รู้ว่า สิ่งที่ผู้ฝึกลากอยู่นี่ไม่มีอันตราย ไม่ใช่อยู่ๆเอามาให้ลากเลย สุนัขจะตกใจได้



    3.การเล่นก่อนและหลังการฝึกลากฯ
    ก่อนฝึกต้องปล่อยให้สุนัขทำธุระส่วนตัวให้เสร็จก่อน และเล่นกับเค้าสักพัก เมื่อฝึกเสร็จแล้วก็เล่นกับเค้าอีกสักหน่อยเพื่อเป็นการให้รางวัล และผ่อนคลาย
  • 4. การเริ่มฝึกลากฯ
    เตรียมอุปกรณ์โดยน้ำหนักของอุปกณ์ไม่ควรเกิน25% ของน้ำหนักตัวสุนัข และให้สุนัขใส่ปลอกคอแบบทั่วไป ห้ามใช้สาย choke chene เด็ดขาด ผู้ฝึกอยู่ข้างๆตัวสุนัข มือหนึงจับตรงสายชุดลากฯที่อยู่ด้านหลังของสุนัข อีกมือจับปลอกคอหรือสายจูงในระยะที่พอดี กับมือข้างที่จับชุดลากฯ ออกคำสั่ง พร้อมกับออกแรงดึงทั้ง 2 มือ โดยมือที่จับสายจูงหรือปลอกคอให้ดึงหรือกระตุกเบาๆเท่านั้น พร้อมกับเดินช้าๆถ้าสุนัขเริ่มเดิน ให้ปล่อยมือข้างที่จับชุดลากฯ แต่ให้จับสายจูงไว้เช่นเดิม โดยจับแบบหย่อนๆ ถ้าสุนัขหยุดเดิน ให้กระตุกสายจูงเบาๆ พร้อมกับออกคำสั่งด้วย ถ้ายังไม่เดินอีกให้ใช้มืออีกข้างจับชุดลาก { ที่เดิมตรงด้านหลังสุนัข } ออกแรงดึงพร้อมกับออกคำสั่งไปด้วย โดยใช้ระยะทางสั้นๆ ประมาณ 4-5 เมตรต่อเที่ยว เมื่อลากเสร็จในแต่ละเที่ยวให้ชมสุนัขด้วย

    หมายเหตุ
    -คำสั่งลากฯต้องเป็นคนละคำสั่งที่เรียกมาหาในชีวิตประจำวัน เช่นการเรียกมาหาในเวลาปกติ ใช้ " มานี่ " แต่คำสั่งลากฯ ต้องเป็น " pull หรือ go " หรืออะไรก็ได้ ที่เป็นคำสั้นๆเพื่อไม่ให้สุนัขสับสนคำสั่ง
    - น้ำเสียง ต้องไม่แข็งกระด้าง ไม่กระโชก โฮกฮาก แบบที่ใช้ในการดุ หรือทำโทษ ให้ใช้คนละโทนเสียง
    - กริยาท่าทาง ต้องไม่เคร่งเครียด ขึงขัง เพราะลักษณะท่าทางแบบนี้ เราจะทำในขณะที่โมโหเท่านั้น ให้ใช้ท่าทางแบบสนุกสนาน ผ่อนคลาย
    - การชมเมื่อสุนัขทำได้ ให้ชมแบบสุดๆ ในลักษณะ over ไปเลย เพื่อสุนัขจะได้รู้ว่า ในสิ่งที่เขาทำไปนั้น เจ้าของพอใจมากๆ
  • 5.จำนวนเที่ยวและเวลาในการฝึก
    -ให้ฝึกในเวลาที่ไม่ร้อนมากเช่นเช้า-เย็น เพราะถ้าอากาศร้อนๆสุนัขจะเหนื่อยง่าย และไม่มีสมาธิ

    -ส่วนจำนวนเที่ยวให้สังเกตุดูว่าสุนัขเริ่มเหนื่อย เริ่มเดินช้า เริ่มไม่อยากเดินแล้ว ให้หยุดทันที ให้นึกอยู่ตลอดว่า ให้ฝึกเท่าที่สุนัขจะทำได้ ไม่ใช่ให้ได้อย่างใจของผู้ฝึก




    6.ความถี่ของวันที่ฝึก
    -การฝึกคือการสอนให้ลากฯเป็น โดยการใช้น้ำหนักน้อยๆ ซึ่งสามารถทำได้ทุกวัน

    -การซ้อม คือหลังจากที่ฝึกจนลากฯเป็นแล้ว จึงมาซ้อมโดยใช้น้ำ
  • .การฟิตซ้อมและการเพิ่มน้ำหนัก
    -ในที่นี้จะกล่าวถึงการซ้อมกับล้อยางเท่านั้น ส่วนการซ้อมกับรถลากนั้นจะกล่าวถึงในบทต่อไป

    -หลังจากเตรียมอุปกรณ์ คือล้อยางกับขวดทรายแล้ว { รายละเอียดจะกล่าวถึงในบทต่อไป } ให้ชั่งน้ำหนัก แล้วจดไว้เป็นสถิติ

    -ในการซ้อมลากฯนั้นให้ใช้แบบขั้นบันได เช่น จะซ้อม 12 เที่ยว โดย ในเที่ยวที่1ยาง 2 เส้น เที่ยวที่2 เพิ่มขวดทราย 1 ขวด เที่ยวที่3 เพิ่มขวดทราย อีก1 ขวดโดยให้เพิ่มทีละขวดไปเรื่อยๆ จนถึงเที่ยวที่6 ซึ่งจะเป็นเที่ยวที่น้ำหนักสูงสุดที่ลากฯได้ ส่วนเที่ยวที่7 ก็ลดลง 1ขวด และลดลงเที่ยวละขวด จนครบ12เที่ยว

    -ในการลดน้ำหนักในแต่ละเที่ยว ก็เพื่อให้สุนัขได้เรียนรู้ว่าในการลากฯแต่ละครั้งนั้นไม่ใช่หนักขึ้นเรื่อยๆเพียงอย่างเดียว บางครั้งก็มีเบาบ้างเช่นกัน

    -การเพิ่มขวดทรายทีละขวด { ขวดละประมาณ2.5ก.ก.} นั้นก็เพื่อป้องกันการกระตุก กระชาก เพราะการเพิ่มยางแต่ละเส้น ซึ่งหนักไม่ต่ำกว่า 10 ก.ก. บางครั้งอาจจะเกินลิมิตที่สุนัขจะลากฯได้ แล้วโดยสัญชาตญาณของพิทบูลที่ไม่ยอมแพ้ ก็จะกระตุก ไปจนถึงกระชาก เพื่อจะเอาชนะให้ได้ แล้วก็จะติดนิสัยเหล่านี้ซึ่งแก้ยากมากๆ

    -ส่วนของโปรแกรมการฟิตซ้อม ก็แล้วต่เจ้าของจะเป็นคนวางโปรแกรม เช่น ซ้อมวันเว้นวัน หรือ 2 วัน พัก 1วัน เป็นต้น แต่ก็ต้องให้มีวันพักกล้ามเนื้อบ้าง
  • ดูต่อที่นี่ www.bullvariety.com/how-to-train.html
  • การเตรียมนักรบ (ลากน้ำหนัก)

    นี่เป็นการฟิตสุนัขหรือการออกกําลังกายแบบ Basic ง่ายๆ โดยใช้การเดินเป็นหลัก
    อาหารก็จะเป็นอาหารที่คุณสามารถหามาใช้ได้โดยง่าย อยู่รอบตัวคุณ สามารถจัดอาหารได้ด้วยตัวคุณเอง
    การออกกําลังใน Keep นี้คุณไม่จำเป็นต้องใช้ จักรยาน , เป้ากัดหรือเครื่องมืออื่น ๆ เลย สิ่งจําเป็นที่คุณต้องมีใช้ในการ Keep ครั้งนี้คือ สายรัดอกที่ดีและแข็งแรง สายจูง ความยาว 3 เมตร และ 15 เมตร สายลากน้ำหนัก และโซ่ไว้สําหรับลาก มีความยาวและน้ำหนักที่สมดุลกับตัวสุนัข และรองเท้าดี ๆ ซักคู่สำหรับคุณ กรุณาจำไว้เลยว่าการ ฟิตไม่เหมาะสําหรับคนขี้เกียจและมันก็ไม่เหมาะสําหรับคนที่มีเวลาให้กับสุนัขวันหนึ่งน้อยกว่า 2 ชั่วโมง หรือคนที่ชอบประหยัดเวลาไว้ดื่ม ให้เวลากับการดื่มมากกว่าเวลาที่ให้กับสุนัข ถ้าคุณยังทําสิ่งเหล่านี้บอกได้เลยว่าคุณแพ้ตั้งแต่ในมุ้งแล้ว

    ผมเข้าใจดีว่าผู้เลี้ยงสุนัขส่วนใหญ่มักคิดว่าสภาพแวดล้อมในการฟิตที่แตกต่างกัน ( อยู่ในเมืองและนอกเมือง ) จะส่งผลที่ต่างกัน แต่ที่จริงแล้วมันไม่สําคัญว่าคุณจะอยู่ที่ไหน เป้าหมายหลักคือความพยายามของคุณที่จะใส่ความแข็งแรงของปอดและกล้ามเนื้อเพื่อที่จะทําให้สุนัขของคุณและคุณไปสู่ความสําเร็จ ความอดทน การเอาใจใส่กับสุนัขของคุณนั้นสำคัญกว่าสถานที่เสียอีก

    โปรแกรมในการฟิตมีทั้งหมด 8 อาทิตย์ , 2 อาทิตย์แรกเป็นการเตรียมตัว

    อาทิตย์ที่ 1) จูงสุนัขของคุณเดิน 1 ชั่วโมง ไม่ต้องเดินเร็วแบบสุดฝีเท้า ให้เดินไปเรื่อย ๆ แต่อย่าให้ช้าจนเกินไปประมาณ 5-6 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยใช้สายรัดอก คอยตรวจเช็คอุ้งเท้าสุนัขของคุณเป็นประจํา ตรวจดูว่ามีบาดแผลที่เกิดจากเศษแก้วหรือเท้าแตก เพราะอาจจะเกิดจากการเสียดสี พยายามตรวจเช็คตัวล็อกระหว่างสายจูงกับสายรัดอก ใน 1 อาทิตย์ จูงเดินทั้งหมด 6 วัน ถ้าอุ้งเท้าของสุนัขไม่มีปัญหาอะไร วันที่ 7 คุณสามารถจูงเดินสบาย ๆ ได้อีกประมาณ 30 นาที หรือคุณจะจูงเดิน 3 วัน พัก 1 วัน ก็ได้ ใช้เวลานวดตัวสุนัขประมาณวันละ 20 นาทีหลังออกกําลังกาย นวดเบา ๆ ให้สุนัขผ่อนคลาย นั้นเป็นสิ่งที่คุณควรทํา และไม่ควรที่จะทำมากกว่านั้น หลังจากนั้นให้สุนัขได้พักผ่อน นอน อยู่ในที่ ๆ สงบ ไม่มีสุนัขตัวอื่นรบกวนหรือผู้คนมารบกวน ( หลังจากออกกําลังกายทุกวันควรจะให้เขาพักในที่ ๆ สงบ )

    อาทิตย์ที่ 2) ทําเหมือนอาทิตย์แรก , แต่เราจะเพิ่มเวลาในการเดินเป็น 1.5 ชั่วโมง ต่อวัน ในการเดินไม่ใช่คุณมุ่งหน้าเอาแต่เดินอย่างเดียวจนลืมที่จะพูดคุยกับสุนัขของคุณ สร้างความสัมพันธ์ ให้เกิดขึ้นระหว่างคุณกับสุนัขของคุณ ปลอบโยนเขาเมื่อเขาเหนื่อย ชมเขาเมื่อเขาทําได้ดี นั้นจะทําให้สุนัขของคุณเกิดความไว้ใจคุณ แต่สําคัญที่สุดนั้นคือ คุณต้องรักมันจากข้างใน นั้นแหละที่จะทําให้คุณกับเขาเป็นทีมเดียวกัน
  • อาทิตย์ที่ 3) ในวันแรกของอาทิตย์ที่ 3 ให้สุนัขของคุณเดินไม่ต้องเร็วนัก ประมาณ 30 นาที เมื่อถึงสถานที่ ๆ คุณสามารถวิ่งได้ ( ควรเป็นพื้นหญ้า ) ให้ใช้สายจูงเส้นที่ยาว 15 เมตร ให้สุนัขของคุณวิ่งแบบสุดฝีเท้า หรือจะหาบอลให้เขาเล่นก็ได้ ถ้าไม่มีที่กว้างขนาดนั้น ให้คุณวิ่งไปกับสุนัขของคุณแบบสุดฝีเท้า ประมาณ 15 วินาที แล้วผ่อนความเร็วลงเป็นการวิ่งซอยเท้า 30-50 วินาที เดินเร็ว และเบาลงจนกลับมาเป็นการเดินปกติ ทําซ้ำ 2 ครั้ง ถ้าคุณมีที่ ๆ สามารถปล่อยได้ ให้เขาเล่นบอล วิ่งไล่กวดลูกบอล สร้างเกมขึ้นมาให้สุนัขของคุณได้เล่น หรือ จะให้สุนัขของคุณเล่น Flirtpole ก็ได้แต่ต้องอยู่บนพื้นที่นิ่ม เล่นประมาณ 8-15 นาที หลังจากนั้นเวลาที่เหลือ พาไปเดินเล่นจนหายเหนื่อย กลับมาที่บ้าน นวดตัวและให้อาหาร
    วันที่ 2--- เมื่อคุณเตรียมสายลากน้ำหนักพร้อมแล้ว จูงหมาของคุณเดินซัก 20 นาที ให้แน่ใจว่าหมาของคุณได้ถ่ายเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นถึงเวลาของการลากนํ้าหนัก ใส่สายลากนํ้าหนักเข้ากับหมาของคุณพร้อมกับโซ่ที่มีนํ้าหนัก 2.5-5 กิโลกรัม (นํ้าหนักของโซ่ขึ้นอยู่กับขนาดของหมาและความแข็งแรงของมัน) และเริ่มจูงสุนัขของคุณเดินไม่ต้องเร็วนัก พยายามเดินรักษาระดับประมาณ 30 นาที หรือประมาณ 2-2.5 กิโลเมตรหรือมากกว่านั้นเล็กน้อย เมื่อครบตามเวลาที่กำหนด ถึงเวลาที่จะต้องปรดเอาโซ่ออก และอย่าลืมที่จะเดิน 1 ชั่วโมงเพื่อให้หายเหนื่อย นวดตัวสุนัขและให้อาหารหลังจากนั้น 15 นาที
    วันที่ 3--- เมื่อถึงเวลาต้องฟิตให้คุณแน่ใจว่าสุนัขของคุณพร้อม มันต้องดูสด ดูพร้อมที่จะทำงาน คุณต้องเตรียมตัวคุณเองให้พร้อมและต้องแน่ใจว่าสุนัขของคุณก็พร้อมเช่นกัน เพราะวันนี้จะเป็นการเดินระยะยาวใช้เวลา 2 ชั่วโมงในการเดินเร็วและใช้เวลาอีก 15 นาทีสําหรับเล่นบอล หรือถ้าคุณไม่มีสถานที่ ๆ สามารถปล่อยสุนัขของคุณให้เล่นบอลได้ คุณสามารถใช้วิธีการวิ่งแทนได้ ใช้เวลา 15 นาทีเช่นกัน
    วันที่ 4--- เหมือนกับวันที่ 3 แต่ไม่ต้องเล่นบอล
    วันที่ 5--- ทําเหมือนกับวันที่ 2 เล่นบอลซัก 10 นาที
    วันที่ 6--- เป็นวันพักผ่อน ไม่ต้องออกกำลัง เพียงให้สุนัขของคุณเดินเล่นซัก 20 นาที วันที่ 7--- กลับไปทําของวันที่ 1 และเริ่มวงจรใหม่ แต่ละอาทิตย์ผมจะเพิ่มการเดิน 1 ชั่วโมง และในการเดินสูงสุดอาจจะต้องเดินถึง 4-5 ชั่วโมง ก็เท่ากับ 24-32 กิโลเมตร อย่าลืมที่จะเดินเล่น 15-30 เพื่อให้หายเหนื่อยหลังจากเดิน และอีก 15 นาทีเล่นบอล
    การลากน้ำหนักจะทำเหมือนกันตลอดทุกอาทิตย์ การเดินก็จะเพิ่มจนถึง 4 ชั่วโมง และหลังจากนั้นการเดินจะค่อย ๆ ลดลง จาก 6 วันที่ออกกำลังกาย จะเหลือเพียง 4 บางครั้งอาจสลับกับการจูงสบาย ๆ ให้อาหารสัดส่วนที่สมดุลกับการออกกำลัง และควรตรวจดูอุ้งเท้าอยู่เสมอ ผมเองจะพยายามให้สุนัขฟิต 6 วัน พัก 1 วัน หรือบางครั้งอาจจะ 5 วัน พัก1 วัน
    แต่นี้แค่คร่าว ๆ คุณอาจจะให้พักมากกว่านี้ก็ได้ ผมจะคอยสังเกตทุกอย่าง จะสังเกตถึงสภาพอากาศในแต่ละวันว่าเหมาะที่จะให้สุนัขของคุณเดินหรือไม่ ถ้าร้อนจัดคุณอาจจะต้องระวังเป็นอย่างมาก คอยสังเกตท่าทาง และอาการของสุนัข ว่าผิดปกติจากที่ควรเป็นไหม พยายามสังเกตสิ่งผิดปกติทุกอย่าง ถ้าพบสิ่งผิดปกติจากสุนัขของคุณ
    อย่างแรกที่ควรทำคือพักทันทีในวันนั้นหรือในวันถัดไป ถ้ารู้สึกว่าผิดปกติอย่างมากให้พักสองวันติดกันไปเลยหรือมากกว่านั้นก็ได้ อย่ากังวลที่จะให้สุนัขของคุณพัก เพราะถ้าคุณฝืนที่จะเดินสุนัขของคุณต่อมันอาจจะทำให้โปรมแกรมทั้งหมดที่คุณทำมาล้มเหลว ฉะนั้นอย่ากลัวที่จะให้วันพักกับสุนัขของคุณ สุนัขหลายตัวประสบความสำเร็จจากการฟิตบนเครื่องวิ่งไฟฟ้า Dogman หลายคนฟิตสุนัขของเขาบนเครื่องวิ่งไฟฟ้าเพียงไม่กี่ชั่วโมงและสามารถไปสู่ชัยชนะได้ เครื่องวิ่งไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ที่ดี แต่มันไม่สามารถแทบเคียงการจูงเดินบนถนนได้เลย

    ตอนนี้คุณคงจะเข้าใจวิธีการออกกำลังกายในโปรแกรมนี้แล้ว คุณอาจจะเพิ่มเติม การว่ายน้ำ เพิ่มการวิ่งวงเวียน เพิ่มการวิ่งเครื่องวิ่ง หรือเพิ่มการกัดเป้าก็ได้ หรือจะเป็นอะไรก็ได้นอกเหนือจากที่กล่าวมาขอแค่เพียงสามารถทำให้สุนัขของคุณมีปอดที่แข็งแรงขึ้นเป็นอันใช้ได้ แต่ต้องแน่ใจว่ามันจะดีกับสุนัขของคุณจริง การฟิตที่คุณได้อ่านอยู่นี้มีการทดลองใช้มาแล้วสี่ครั้ง 3 ครั้งชนะ 1 ครั้งแพ้ ครั้งที่แพ้ แพ้แบบยอมแพ้ในเวลา 2 ชั่วโมง 3 นาที

    หวังว่าการฟิตสูตรนี้ จะช่วยให้มือใหม่หรือใครบางคนได้พัฒนาการฟิตให้ดียิ่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ?.

    (เขียนโดย คุณยุทธ DB-K)
  • ขอบคุณมากคับ สำหรับวิธีการฝึกและทุกคำแนะนำ
  • :013: ใหม่คับข้อมูลแน่นดีคับฝึกหมาที่บ้านบ้างรึยัง
    ไฟล์แนบ
    DSC05075.jpg 93K
  • :m001:พิโลก จงเจริญ.............55+
    ไฟล์แนบ
    IMG0375A7.jpg 22K
    IMG0365A5.jpg 28K
  • 11เดือน
    ไฟล์แนบ
    untitled9.JPG 30K
    untitled2.JPG 25K
  • เสริม
    ไฟล์แนบ
    b71a_2.jpg 6K
    fc8a_1.jpg 13K