ยินดีต้อนรับครับ

ขอแนะนำให้ทุกท่าน สมัครสมาชิก เพื่อป้องกันการแอบอ้างชื่อครับ

Mark Mafia

รวม sporting dog ตัวดัง
  • ถึงจะเป็นนักกีฬาแต่รูปทรงก็มีหลากหลายรูปแบบ เป็นอะไรที่หลากหลายมาก
  • เอามาจากเว็ปนี้ ลองไปดูชื่อกันเอาเองน่ะครับ
    http://oldschoolreds.com/page3.php
  • โห ... ไหนๆก็เอามาแนะนำแล้ว น่าจะลงชื่อกำกับให้ด้วยเลย ใจร้ายว่ะ

    image
    ดูไอ้ตัวนี้ดิ เขี้ยวแมร่งสะใจจริงๆ หมาสมัยใหม่บางตัวเขี้ยวมีจิดเดียว
    ไฟล์แนบ
    Long Jaw.jpg 80K
  • เยอะจัด เลยไม่ได้ลง โทษทีครับป๋า

    บางตัว 14 win โหดอย่างแรง
  • เอาน่า ว่างๆ ช่วยทำให้หน่อย เดี๋ยวปักหมุดให้ มันจะได้เป็นแหล่งข้อมูลให้คนรุ่นหลังๆ

    เปิดกระทู้ใหม่เลยนะ แล้วจะย้ายไปอยู่หมวดสาระและความรู้ ใครเห็นด้วยช่วยกันเชียร์ เย้ๆๆๆ

    ขอบคุณล่วงหน้า อิอิ
  • ได้ครับป๋างั้นเดี๋ยวจัดให้ รูปพร้อมชื่อและตำแหน่ง พร้อมบรีดเดอร์ด้วยเลยครับ
  • เปิดกระทู้ใหม่เลยนะ ทำเสร็จแล้วจะลบกระทู้นี้ออก ขอบคุณมากๆ ขอให้ร่ำรวย เงิทอง เมียบ่นน้อยลง เย้ๆๆๆ
  • ครับป๋า คำอวยพรช่วงแรกไม่เท่าไหร่และคำหลังนี้โดนใจ เดี๋ยวรีบทำให้เลย
  • ก็วันๆสนใจแต่หมา เมียไม่ด่าให้เตะ
  • จริงๆอยากช่วยทำด้วยครับ..เเต่ยุ่งๆ เเละเป็นกระทู้ของพี่เอก... ให้พี่เอกทำเอง ดีกว่า ผมชอบอยู่เเล้วพวกสายกัดอะ พี่เอกบอกด้วยนะว่าตัวไหนกี่วิน ปัจจุบันตายรึยัง...
    เมย์เด เซนติเพด เเองกัส ทอร์นาโด ไชน่าเเมน โบลิโอ สวีทพี เรดบอย เยลโล่ บัค บาราคูด้า ซีโบ พินเชอร์ โจ๊กเกอร์ ทูอาย เอลิเกเตอร์ จี๊ป รอซซี่ มิดไนท์ เเบม จิมมี่บู๊ท ฮันนี่บั๊นซ์ เครซี่ ทีน่า เบนโจ บิ๊กบอย สนู๊ดตี้ เปโดร สเนค บูลีซัน ไนท์เจอริโน่ เเมททริค จ่าหิน ลูเกอร์ เรดบูล มอมมี่ บูมเมอร์เเรง บาร์นี่

    อยากให้พี่หาข้อมูลพวกนี้อะครับ...อาจจะยากหน่อย เเต่ถ้าได้มาจะเป็นความรู้เเก่คนรุ่นหลังมาก จริงๆเเล้วมีเยอะเเต่เอาตัวที่ดังๆก็พอครับ...ตัวที่กัดดีเเล้วจ่ายลูกดี
    ผมก็ชอบสายกัดครับ รูปร่างหน้าตามันเหมือนหมาธรรมดา เเต่สังเกตุได้จากหลายๆตัว พวกนี้จะหลังเเอ่นหน่อยๆจะไม่ตรงเป๊ะ ท้ายโด่งนิดๆ พระสร้างมาเพื่อใช้งานเพื่อประสิทธิภาพ มีเเค่ตัวเดียวก็อุ่นใจเเล้วครับ มันช่วยเราได้เเน่ถ้าใครจะมาทำร้ายเรา.. ชอบในความสามารถครับ สำหรับสายกัดหรือสายใช้งาน ความสวยงามต้องมาทีหลัง..
    :063:
  • YES!! มาอีกแล้วกระทู้โดนๆแบบนี้ ยิ่งพี่มาร์คจะเอาไปปักหมุดด้วย สุดยอดครับ ถ้าต้องการให้ผมเขียนประวัติของแต่ละตัวให้ก็ยินดีเลยนะครับ ช่วงนี้ว่างๆหนีน้ำท่วมมาอยู่แถวสุขุมวิทย์ไม่มีอะไรทำเลยยย :(
  • เอาเลยครับพี่.....ผมเห็นด้วย..
    ป๋าอนุมัติเลยครับ..
  • แต่ละตัว :063:
  • ได่มักคั๊ก เอามาให่ซมหลายๆแนเด้อ
  • สวดยอดๆ ชอบครับพี่ โดนๆทั้งนั้นแต่ละตัว
  • เยี่ยมเลย ขอบคุณมากครับที่เอามาลงแบ่งกัน save...
  • ป๋า...หมาอะไรวะ...ฟันโคตรใหญ่เลยครับ. ยังกะเขี้ยวหมู โห..สายกัดนี่เห็นมาก็เยอะนะ
    เเต่ไอ้ตัวในรูปที่ป๋าเอามาลง เขี้ยวมันใหญ่งัมใจเลย สงสัยกัดจมเขี้ยวทีนี่......ไม่อยากนึกภาพ รอดได้ก็เก่งเเร้ว........55+
  • ต้องหมาแบบนี้แหละครับ ถึงจะกล้าเรียกว่า พิทบูล ได้เต็มปาก
  • เอาเลยครับ ใครอยากเขียนประวัติตัวไหนเขียนลงมาเลย เดี๋ยวตั้งกระทู้ไว้รอ
  • image

    GARNER'S GR CH SPIKE 5xW ROM

    หลังจากได้อ่านประวัติของพิทบูลหลายๆตัว สไปค์เป็นหนึ่งในหมาที่ผมชอบที่สุดเลยครับ

    สไปค์ได้เข้ามาสู่โลกใบนี้โดยการร่วมมือระหว่าง Atlas B. และ Cecil M. เขาสองคนนั้นได้เอาหมาที่ชื่อ Snooty และ M's Black Betty มาบรีดกัน สไปค์ได้โชว์ผลงาน school (การเรียนรู้ในการกัดจากหมาที่มีประสบการณ์) ที่ดีมาก เป็นหมาที่มีความสามารถสูง และความเกม (ความทนทานต่อความเจ็บปวด) สูงมากเช่นกัน ทำให้มันนั้นไม่ได้ถูกส่งไปอยู่รวมกับหมาที่ไม่มีความสามารถในการต่อสู้ ซึ่งอยู่ในที่ๆ Atlas B. จะส่งไป

    ตอนอายุ 25 เดือน สไปค์ได้เข้าสู่แมทช์แรกของมัน อีกฝ่ายนึงคือ Spruill's Pete (พีท) เป็นลูกของ Boomerang กับ Cowboy พีทได้รับการกัดที่รุนแรงของสไปค์เข้าที่หน้าอกตั้งแต่แมทช์ได้เริ่มขึ้น ถึงแม้จะสู้อย่างขาดใจ และโชว์ความไม่ท้อถอย พีทไม่สามารถผ่านการ scratch ครั้งที่สองได้ ณ เวลา 40 นาที

    แมทช์ที่สองของสไปค์คือการต่อสู้กับหมาสี buckskin เป็นครึ่งพี่น้องของ Ch. Jeep ซึ่งมี Harry H. เป็นเจ้าของ นี่คือการต่อสู้ที่ยากที่สุดของสไปค์ เพราะว่าคู่ต่อสู้ตัวนี้เป็นหมาที่เร็ว ปากหนัก และสามารถกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลังจาก 45 นาทีผ่านไป หมาตัวนั้นได้กัดมุมปากของสไปค์จนเนื้อตรงส่วนนั้นหลุดออกมา แต่หลังจากนั้นไม่นาน สถานการณ์เริ่มเปลี่ยน เพราะว่าสไปค์สามารถหาทางไปกัดหน้าอกของหมาตัวนั้นจนได้ 15 นาทีได้ผ่านไป สไปค์ได้ทำให้ผู้ชมอึ้งกับการกัดอันทรงพลังของมัน และ ณ เวลา หนึ่งชั่วโมงพอดี หมาของ Harry H. ไม่สามารถ scratch ได้ สไปค์ได้กลายเป็น 2xW

    ชื่อเสียงของสไปค์ในสมัยนั้นเพิ่มมากขึ้น Watson และ Peeler ได้พาหมาของพวกเขาชื่อ Spence (สเปนซ์) จากรัฐ Tennessee มาแมทช์กับสไปค์ เป็นแมทช์ที่สาม สเปนซ์เป็นลูกของ Reddick's Gr Ch Pedro ซึ่งแมทช์ที่แล้วนั้น สเปนซ์ได้ชนะ ณ เวลา 2 ชั่วโมง ทำให้ผู้ชมรู้สึกตะลึงกับความสามารถและความเกมของมัน ในแมทช์นี้กับสไปค์ มันไม่สามารถสู้สไปค์ได้เลยตั้งแต่เริ่มต้น หน้าอกของสเปนซ์ได้เจองานหนักของสไปค์เข้าไป และ ณ เวลา 26 นาที ก็ได้แพ้สไปค์ในที่สุด อย่างไรก็ตามสเปนซ์ชนะแมทช์ต่อไปของมัน ณ เวลา 2 ชั่วโมง

    แมทช์ที่ 4 ของสไปค์เป็นการต่อสู้ระหว่างมันกับหมาชื่อ Pig (พิก) จาก New Jersy พิกเป็นลูกของ Ch Head และเป็น 2xW จาก Jarrett ความสามารถของสไปค์ได้ทำให้พิกต้องต่อสู้กับมันในรูปแบบ defensive (รูปแบบ ป้องกันตัว) ซึ่งพิกทำได้ดีมากในช่วงเวลา 1 ชั่วโมง กับอีก 10 นาที ต่อมาอีก 19 นาที สไปค์ได้กัดพิกจนปางตายและ ณ เวลา 1 ชั่วโมง 29 นาที เจ้าของพิกต้องยอมแพ้ในที่สุด
    ไฟล์แนบ
    Garner Spike.jpg 22K
  • แมทช์สุดท้ายของสไปค์เป็นแมทช์ระดับท๊อป ซึ่งจะมีแต่ dogmen รุ่นใหญ่ๆมาร่วมด้วย คู่ต่อสู้ครั้งนี้เป็นหมาของ T.C. จาก Louisiana ด้วยหมาสาย Art จาก Texas ซึ่งเป็น 2xW การต่อสู้ครั้งนี้เกิดขึ้นที่ Little Rock, Arkansas ช่วงหน้าร้อนของเดือน 7 สไปค์เหมือนเคยได้กัดคู่ต่อสู้เข้าที่หน้าอก และทุกคนที่ชมอยู่ก็รู้แน่นอนว่าจะออกมาเป็นยังไง หลังจาก 30 นาที ของการกัดที่หนักหน่วงเข้าที่หน้าอกของคู่ต่อสู้ หมาจาก Texas ตัวนี้ได้แพ้ลงในที่สุด ณ scratch ที่ 3 ของมัน

    อาชีพการต่อสู้ของสไปค์ทำให้มันได้เจอคู่ต่อสู้หลากหลายรูปแบบ กับหมาจากที่ต่างๆในประเทศ สรุปก็คือสไปค์ได้แสดงผลงานออกมาและแสดงให้เห็นว่า มันเป็นหมาที่มีพรสวรรค์และมีความสามารถที่จะทำหน้าที่ของมันให้ถึงที่สุด ทุกวันนี้ชื่อของมันได้กระจายไปทั่วโลกและหลายๆคนรู้จักมันในนามหมาที่ดีที่สุดจาก Wood's Snooty ในตำนาน และในนามสุดยอดหมา ROM และในเวลาเดียวการมีการจ่ายลูกที่ดีมาก สมกับชื่อของมันซึ่งถูกตั้งตาม Tudor's Spike
  • มันส์ดีครับ...
  • กำลังมาเรื่อยๆครับพี่ พิมพ์อยู่ :-D
  • image

    STEPP'S GR CH ANGUS

    หลายๆคนรู้จักหมาในนาม champion, grand champion, register of merit (ROM), Angus (แองกัส) เป็นหมาที่หลายๆคนรู้จักในนาม "champion of champions"

    พ่อของแองกัสคือ Willie Brown's Nigger เป็น 2xW และเป็นลูกของ Clayton's Eli Jr. ซึ่งบรีดกับแม่ของมันเอง Boudreaux' Spook ส่วนแม่ของแองกัสนั้นคือ O. Stevens' Heidi ซึ่งเกิดจากการบรีดระหว่าง Sly Fox กับ Red Pepper (สายเลือด Ed Ritcheson blood) โดย A. Steinberg เป็นบรีดเดอร์ เป็นลูกคอกเดียวกันกับ Ch. Prince ที่มีชื่อเสียง.. Red Pepper นั้น เคยเป็นของ O.Stevens' และเคยผ่านแมทช์มาครั้งหนึ่งที่น้ำหนัก 29.5 ปอนด์ มันแสดงให้เห็นถึงความถึงของการกัดแล้วค้างของมัน ไม่ให้คู้ต่อสู้ขยับได้ จนหมาของ Ziggy M. และ Tony M. ต้องแพ้ลงในที่สุด ณ เวลา 1 ชั่วโมง Ozzie (O. Stevens') หลังจากนั้นได้เอามันไปแลกกับหมาตัวเมียอีกตัวของ Big Brad และ ​Keummerling เพราะว่าไม่ได้ใช้งานมันแล้ว นอกจากเพื่อบรีดเท่านั้น หมาที่ได้มาแทนนั้นเป็นหมาตัวเมียซึ่งอายุยังน้อย มีชื่อว่า Geraldine

    ต่อมา Big Brad ได้นำแองกัสมาเทส และเนื่องจากเจามี winner อยู่หลายตัวมาแล้ว ก็เลยแองกัสให้กับ Billy Stepp เพื่อที่จะเอาไปทำเป็น game dog แมทช์ของแองกัสคือการสู้กับ Rixey's Coal Cat, Jay's Buster, Crenshaw's Ch Otis, Keummerling's Ch. Freddie (เป็นหมาคอกเดียวกับ O. Stevens' Ch. Homer), Garza's Heman และ Love's Tiger ทุกตัวเป็นหมาที่มีผลงานและมีประสิทธิภาพทั้งนั้น หลังจากนั้นแองกัส ต้องถูกนำไปแมทช์กับ ณ เวลานั้น 3xW Ch Jeep เป็นการรีแมทช์สำหรับหมาอีกคู่หนึ่งนั้นคือ Stinson vs Stepp's Ch Black Glover แต่ช่วงเก็บตัว แองกัสได้หลุดไปกัดกับหมาอีกตัวชื่อ Ch Ruby ทำให้ช่วงหน้าอกของมันบาดเจ็บ Stepp ตัวเจ้าของเลยต้องจ่ายค่าถอนตัวออกจากแมทช์ให้ J. Crenshaw หลังจากแองกัสหายจากอาการบาดเจ็บ ก็ได้ตกลงเซ็นสัญญาจะเอาแองกัสมาแมทช์กับ Jeep อีกที แต่มันก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แองกัสหลุดออกไปกัด Ruby อีกแล้ว ตอน Stepp มาเห็น บาดแผลของทั้งสองตัวมีมากเกิน ทำให้แองกัสไม่สามารถไปแมทช์ได้เป็นครั้งที่สอง ครั้งนี้ Stepp และเพื่อนๆ ไม่ได้จ่ายค่าถอนตัวแต่ได้ไปขอยืมเจ้า O. Stevens' Homer 4xW มาแมทช์แทน นั่นคือเรื่องราวของแมทช์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังนี้ Crensahw's Ch. Jeep VS Stevems' Ch. Homer

    แองกัสไม่ได้ถูกนำไปบรีดมากนัก แต่ในการบรีดแต่ละครั้ง ก็ได้จ่ายลูกหมาดีๆออกมาเหมือนกัน อย่างเช่น Diaz' Ch Mac ซึ่งออกมาจาก Torres' George แองกัสได้ถูกบรีดกับหมาที่มันชอบกัดเช่นกัน Ch Ruby และได้จ่ายลูกดีๆเช่นกัน Broadway Jack's Gee Whiz, Super Gnat's Guess 2xW, Super Gnat's Ch Butch, Suzy, และ 7xW Racehorse นอกจากนั้นอีกยังมี Solo's Cobra, Big Brad's Lovo, Patience, Tara, Texas Ron's Major, Frankie, Sassy, Evil (แพ้ต่อ O. Stevens' Ch. Zero, และ Ralph's Prince (เจ้าของหมาเอาหมาขึ้น ณ เวลา 1:57)

    แองกัสเป็นหมาประเภท All Round สามารถเอาชนะและปรับตัวกับการต่อสู้ทุกสถานการณ์ ในการแข่งขัน มันสามารถเอาชนะหมาหลายๆตัวซึ่งหมาเหล่านั้นในอนาคต มีชื่อเสียงและยังสามารถบรีดหมาออกมาอีกหลายๆตัวซึ่งมีชื่อเสียงเช่นกัน จะว่าเป็นจุดเริ่มต้นของสายเลือดของพวกมันเองเลยก็ได้ ทุกประวัติการต่อสู้ของแองกัสจะบ่งบอกว่า มันเป็นหมาที่มีความฉลาดในการต่อสู้ ปากหนัก ไหวพริบดี และมีความเกมสูง นอกจากนั้นยังมีรูปร่างที่สมบูรณ์ แข็งแร็ง ข้อเสียอย่างเดียวก็คือมันเป็น man-biter (เป็นหมาที่กัดคน) ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับ game dog ตัวอื่นๆที่มีชื่อเสียงอย่างเช่น Gr Ch Art ROM, Gr Ch Zebo ROM, Dbl Gr Ch Tornado, Ch Honeybunch ROM, และ CH Yellow John ROM โดยคร่าวๆนะครับ

    จริงๆแล้วผมชอบหมาตัวนี้มากเลย แต่น่าเสียดายเพราะว่ามันเป็น Man biter สมัยนั้นเค๊าจึงไม่นิยมกัน ทำให้สายเลือดนี้ทุกวันนี้ไม่สามารถหาได้ง่ายๆเลย :(
    ไฟล์แนบ
    Super Gnat Angus.jpg 6K
  • โห...มันๆมากครับ ได้ความรู้เยอะ เอาอีกครับเพ่.....อ่านเเล้วเพลิน ผมชอบประวัติหมามากๆเลย ใครจะว่ายังไงก็ได้เเต่ผมชอบ....อะ
  • ชอบมากๆครับ ขอบคุณที่นำข้อมูลดีๆมาลงเป็นความรู้ให้ครับ

    อยากเห็นหมาแนวนี้เยอะๆ ยิ่งสายเลือดดีๆที่อยู่ในไทยยิ่งดีครับ
  • คุณnotepanop ครับขอความรู้เรื่งman biter หน่อยครับ

    นิสัยแบบนี้ถ่ายทอดถึงลูกหลานมั้ยครับ
  • ผมมั่งดีกว่า....เดี๋ยวน้อยหน้าพี่เขา คริๆ
    แกลลิทแชมเปี้ยน จี๊ฟ (ชนะ 4 แมทซ์) รอม

    จากประวัติของกีฬาการต่อสู้ของสุนัขพันธุ์อเมริกันพิทบูลเทอร์เรีย ไม่มีพิทบูลด๊อกตัวไหนที่จะเขย่าวงการนี้ได้มากที่สุดเท่ากับ แกลลิทแชมเปี้ยน จี๊ฟ เพราะว่ามันไม่เพียงแต่จะเป็นพิทบูลด๊อกนักสู้ที่ถือว่าสุดยอดแล้ว มันยังเป็นพ่อพันธุ์ที่ถือว่าดีที่สุดอีกตัวหนึ่งด้วย จี๊ฟถูกผสมขึ้นมาโดยเจมส์ เครนชอ และเขาได้ขายมันต่อไปให้กับเจมส์ แกลลิทตอนที่มันยังเล็กๆ และสร้างชื่อเสียงที่ไม่ค่อยดีนัก แต่จากความร่วมมือของทั้งสองคน จี๊ฟจึงได้รับชัยชนะครั้งที่4 ที่สุดแสนจะประทับใจ และคู่ต่อสู้ของจี๊ฟก็คือออสซี่ สตีเวนแชมเปี้ยนโฮเมอร์ ซึ่งการต่อสู้ในครั้งนั้นถือว่าเป็นการต่อสู้ที่ประวัติศาสตร์จะต้องจารึกเอาไว้ เพราะเป็นการพบกันที่ไม่ธรรมดาเลย แชมเปี้ยนจี๊ฟเป็นฝ่ายที่เอาชนะมาได้ ส่วนแชมเปี้ยนโฮเมอร์ก็ได้รับการพิสูจน์ความสามารถในการต่อสู้ได้อย่างดีเยี่ยม และนั่นก็คือสิ่งที่ทั้งคู่ได้สร้างเป็นตำนานขึ้นมา

  • หลังจากนั้นความน่าเกรงขามของแชมเปี้ยนจี๊ฟก็เริ่มมีคนรับรู้ โดยที่เราจะเล่าต่อถึงคุณสมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมันก็คือ การที่มันสามารถถ่ายทอดพันธุกรรมให้สายเลือดที่เป็นแชมเปี้ยนอย่างมากมายจนเป็นที่น่าประหลาดใจ โดยที่ให้ลูกที่เป็นแกรนด์แชมป์เปี้ยนหนึ่งตัว และพวกที่ชนะ1หรือ2ครั้งอีกเป็นจำนวนที่นับครั้งไม่ถ้วน การสนทนาที่จัดขึ้นในงานคอนเวนชั่น ซึ่งมักจะมีการพูดกันถึงพิทบูลด๊อกตัวเก่งๆหลายตัว และการโต้เถียงกันเกี่ยวกับเรื่องสายเลือดของแต่ละตัว เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะให้ได้เปอร์เซ็นต์ของการแมทซ์ที่สูงที่สุด และสถิติของหมาตัวที่ชนะมากที่สุด ผมมักจะได้ยินประโยคที่พูดกันไปพูดกันมา เมื่อชื่อของแชมเปี้ยนจี๊ฟได้ถูกนำไปขึ้นทะเบียนในรายชื่อรอม(รีจิสเตอร์ อ๊อฟ เมอริส ให้ลูกที่เป็นแชมป์เปี้ยน5ตัวไม่ว่าจะผสมกับตัวเมียกี่ตัวก็ตาม) ถ้าดูจากจำนวนแม่พันธุ์ที่ แชมเปี้ยนจี๊ฟได้ผสมด้วยก็น่าจะรู้ว่ามีจำนวนลูกมากมายขนาดไหน และให้ลูกที่เป็นแชมป์ในนั้นอีกหลายตัว ถ้าจะเปรียบเทียบกับพิทบูลด๊อกตัวที่ให้ลูกที่ดีที่สุด คำตอบที่ผมจะให้ได้คงต้องแบ่งเป็นสายหลักๆซึ่งจะแบ่งได้ถึงสามสายด้วยกัน เช่นสายของ เอสทีพีแกรนด์แชมเปี้ยนบัค ที่ชนะมาแล้วถึง8ครั้ง เอสทีพีแชมเปี้ยนโตโล่ และเบอร์ตันแกรนด์แชมเปี้ยนแฮงค์ เพราะทั้งสามตัวนี้เป็นพิทบูลนักสู้ที่ถือว่ามีผลงานที่จัดว่าโดดเด่นมากที่สุด และหลายคนใช้พวกมันเป็นพ่อพันธุ์เพื่อสร้างสายเลือดใหม่จากพวกมันแต่ละตัว ทั้งสามยังมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานพอๆกัน คือประมาณ10ปี มีอยู่สองตัวที่ตายไปเกือบพร้อมๆกัน นั่นก็คือแชมเปี้ยนโตโล่ และแกรนด์แชมเปี้ยนแฮงค์ และในบรรดาทั้งสามตัวนี้ แฮงค์ได้สร้างประวัติที่เหนือกว่าตัวอื่นๆในเรื่องของการผสมพันธุ์ แต่ก็ยังไม่เท่ากับแชมเปี้ยนจี๊ฟ ส่วนอันดับสองคือ เอสทีพีแกรนด์แชมเปี้ยนบัค ชนะ8แมทซ์ รอม เป็นหมาสีแดงจมูกแดง สำหรับเอสทีพีแชมเปี้ยนโตโล่ได้ผสมกับแม่พันธุ์ทั้งสิ้น23ตัว ความจริงก็คือเมื่อรวบรวมแชมเปี้ยนที่เกิดจากสุดยอดพ่อพันธุ์ทั้งสามตัวนี้ ยังน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนที่เกิดจากแชมเปี้ยนจี๊ฟ สำหรับในอดีตพิทบูลดังๆอย่าง แชมเปี้ยนโฮเมอร์ แกรนด์แชมเปี้ยนอาท และทูมสโตน เป็นพวกที่มีการผสมพันธุ์อยู่ไม่กี่ครั้ง แต่สายเลือดของพวกมันยังคงสืบสายเลือดกันต่อมาอย่างมีคุณภาพ ส่วนหมาที่มีชื่ออยู่ในรายชื่อรอม ถ้าจะพิจารณาถึงจำนวนครั้งที่พวกมันได้ไปผสมพันธุ์ด้วยก็จะมีอย่างเช่นจี๊ฟ บัค เยลโล่ ฟริสโคและเมเดย์

    การผสมข้ามสายพันธุ์ที่ถือว่าดีที่สุดที่ได้จาก แชมเปี้ยนจี๊ฟเห็นจะเป็น จี๊ฟ/เรดบอย และสายเลือดที่เกิดจาก จี๊ฟ/ราสคาล


  • ตอนที่ 2

    แชมเปี้ยนจี๊ฟเกิดในเดือนสิงหาคมปี1976หรือเมื่อ29ปีมาแล้วในคอกของเจมส์ เครนชอซึ่งเป็นคอกที่ดังเพราะพ่อพันธุ์คือ ฟินลี่แชมเปี้ยนโบรอมและแม่พันธุ์คือเครนชอแชมเปี้ยนฮันนี่บั๊นรอม ซึ่งในคอกนี้เป็นแชมป์ถึง4ตัว และตัวที่ถือว่าโด่งดังมากที่สุดก็คือแชมเปี้ยนจี๊ฟรอม แต่ก็มีคนพูดถึงเครนชอ(ซุปเปอร์จีแนท) แชมเปี้ยนชาลีว่าเป็นหมานักสู้ที่ดีกว่าแชมเปี้ยนจี๊ฟเสียอีก ส่วนแชมเปี้ยนมิสซี่ ที่สามารถพบเห็นได้ในเพ็ดดีกรีในปัจจุบันนี้ และสเวทแมนแชมเปี้ยนฮอลี่ ที่บางคนบอกว่ามันกัดได้แย่ก็จริง แต่ก็มีความสามารถรอบตัว และนี่ถือว่าเป็นคอกที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ถึงแม้ผมจะไม่รู้สาเหตุว่าทำไมถึงได้เป็นเช่นนั้นก็ตาม

    แชมเปี้ยนจี๊ฟเองก็มีหลายคนที่เชื่อว่ามันเป็นหมานักสู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดด้วยเวลาของมัน โดยที่ครั้งแรกสามารถเอาชนะ พิวแรนท์แชมเปี้ยนคาโต้ที่พิกัด43ปอนด์ด้วยเวลาเพียง28นาที ครั้งที่สองต้องต่อสู้กับ คูเปอร์วินนี่ที่43ปอนด์ด้วยเวลา58นาที ครั้งที่สามกับ สตินสันแอนสเตปแบลคด๊อก ที่เป็นผู้ที่ชนะมาแล้วถึง3ครั้งที่42ปอนด์ด้วยเวลา2ชั่วโมงกับอีก5นาที และครั้งที่4ที่เป็นแมทซ์สุดท้ายคือที่ต่อสู้กับ ออสซี่สตีเวนแชมเปี้ยนโฮเมอร์ ที่43ปอนด์ที่แชมเปี้ยนจี๊ฟเอาชนะมาได้ด้วยเวลา3ชั่วโมงกับอีก45นาที และครั้งนี้เป็นแมทซ์ที่สุดแสนจะคลาสสิก และประวัติศาสตร์ต้องจารึกเอาไว้ เมื่อหมาทั้งสองตัวมาพบกัน แต่จะมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะได้รับชัยชนะ และนั่นก็คือแชมเปี้ยนจี๊ฟ โดยที่ตัวหนึ่งเป็นผู้ที่สร้างตำนานเพื่อเอาไว้เล่าขานนั่นก็คือออสซี่สตีเวนแชมเปี้ยนโฮเมอร์ และอีกตัวเป็นผู้ที่สร้างตำนานสายเลือดที่เป็นที่โด่งดังที่สุดนั่นก็คือ แกลลิทแชมเปี้ยน จี๊ฟ (ชนะ4แมทซ์)รอม

  • หมาตัวนี้อยู่ในไทยครับ GC (6win+)
    ปัจจุบันอายุ 12 ปี ยังอยู่กับเจ้าของ
    หมานอกอธิบายได้ หมาไทย เดี๋ยววงแตกๆๆ ขอคร่าวๆแค่นี้นะครับ

    ประวัติ (สงวนชื่อหน่อย)**ในบ้านเราเห็นรูปก็พอรุ้กัน
    ตัวนี้ถูกนำเข้ามาตอนเด็กที่คอกหนึ่ง พอเริ่มโตเริ่มฟิตเข้าคอร์สเพื่อสู่สังเวียน
    ปรากฏว่ากัดคนเลี้ยง เลยถูกขังเดี่ยว ใว้ห่างๆจากตัวอื่นๆ
    พี่ผมไปซื้อหมา เห็นแล้วถูกชะตา เลยไปอุ้มมาโดยไม่รู้ว่ามันกัดเจ้าของ
    เอามาฟิตแล้ว ส่งลงสังเวียนในบ้านเรา อีสาน เหนือ ตะวันออก ฟาดเรียบในยุคนั้น
    ลูกของมันปัจจุบัน หุหุ ...หาเอาเองแถวบ้านเรานี่แหละดังด้วย

    **เดี๋ยวจะลงอีกตัว GC เหมือนกันแต่อยู่ที่อีสาน ตัวนี้งืมๆเห็นตัวแล้วน่าจะรู้เพราะดังมาก
    ในบ้านเราฟาดเรียบทุกสังเวียนที่ลง


    image
    image
    ไฟล์แนบ
    DSCF2046_resize.JPG 112K
    DSCF2044_resize.jpg 110K
  • อดัมส์ แกรนด์แชมป์เปี้ยน ซีโบ (7 ไฟท์แห่งความทรงจำ)

    ตอนที่1 ผมจะเริ่มเล่าเรื่องที่เป็นความจริงทุกอย่างที่เกี่ยวกับพิทบูลด๊อกที่มีชื่อว่า “ซีโบ (Zebo)”

    โดยที่ผมจะมุ่งประเด็นไปที่การต่อสู้ครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของมันเลยทีเดียว ซึ่งการต่อสู้ในครั้งนั้นคู่ต่อสู้ที่สำคัญที่สุดของมันเป็นพิทบูลด๊อกของ ยูแบงค์ที่มีชื่อว่า “แชมป์เปี้ยน กรีสเซอร์” (การที่จะได้ตำแหน่งแชมป์เปี้ยน ได้นั้นจะต้องได้รับชัยชนะถึงสามครั้งติดต่อกัน) ซึ่งนอกจาก กรีสเซอร์ จะมีตำแหน่งเป็นถึงแชมป์เปี้ยนที่เป็นเครื่องหมาย การ รับประกันคุณภาพแล้ว กรีสเซอร์ ยังได้รับการขนานนามว่าเป็นพิทบูลด๊อกที่สุดยอดไร้เทียมทานที่ดีที่สุด ซึ่งอยู่ในพิกัดที่44 ปอนด์ แต่ซีโบก็ยังสามารถเอาชนะแชมป์เปี้ยนตัวนี้มาได้ด้วยเวลา 1 ชั่วโมง 47 นาที ถึงแม้ว่าตัวของมันเองจะต้องแบกน้ำหนักที่มากกว่าอยู่ถึง 4 ปอนด์ก็ตาม

    “ไอ้เฮี้ยดำตัวนั้นแม่งมันบ้าหรือเปล่าว๊ะ” (หมายถึงซีโบ) มีเสียงตะโกนดังมาจากอัฒจันทร์ด้านบนสุดในระหว่างที่กำลังรอการแข่งขัน ทำให้เสียงอื้ออึงในโรงนาแห่งนั้นถึงกับเงียบสนิทลงทันที จนถึงกับน่ากลัว ความเงียบนั้นทำให้ได้ยินแต่เพียงเสียงเท้าของสุนัขที่กำลังตะกรุยกระหืดกระหอบกับพื้นของสังเวียนเท่านั้น ทุกคนที่อยู่ในโรงนาแห่งนั้นเงยหน้ามองที่มาของเสียงนั้นจนเป็นสายตาเดียวกัน ต้นเสียงที่พูดได้พูดแสดงให้เห็นถึงการดูถูกพิทบูลด๊อกตัวหนึ่งที่ในชีวิตของมัน ไม่เคยเลยซักครั้งเดียวที่จะมีใครกล้ามาพูดกับมันแบบนี้ ผมรู้สึกได้ถึงปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า คำพูดที่สบประมาทเหยียดหยามแบบนี้ไม่มีใครหน้าไหนที่จะยอมนิ่งเฉยอยู่ได้ เจ้าของสุนัขสีดำเงยหน้าขึ้นมามองแล้วพูดขึ้นว่า “ผมไม่พอใจที่คุณมาเรียกหมาของผมอย่างนั้น” ถึงแม้ว่าจะเป็นการพูดที่เบาและสุภาพ แต่น้ำเสียงที่พูดก็บ่งบอกได้ถึงอารมณ์ที่เอาจริงเอาจัง ส่วนภรรยาของเขาก็โมโหมากเช่นเดียวกันถึงกับพูดสวนขึ้นมาอีกว่า “ถ้าจบจากการแข่งขันนี้แล้ว นายปีนลงมาที่สังเวียนนี่เลย ลงมาพิสูจน์ให้รู้กันไปเลย ดูซิว่าระหว่างนาย กับสามีฉัน ใครกันแน่ที่แม่ง…บ้า” เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นซึ่งก็ถือว่าเป็นหนึ่งในเกมส์การแข่งขัน(แมทช์)ที่ถือว่าดีที่สุดและ สร้างความเสียใจเป็นอย่างมากให้กับผมแมทช์หนึ่งทีเดียว ซึ่งนับตั้งแต่ที่ผมได้เริ่มเข้ามาในวงการนี้ ต่างฝ่ายต่างก็คิดว่าพวกเค้าได้วางกับดักให้กับอีกฝ่ายหนึ่ง โดยที่คิดว่าสุนัขตัวเก่งของตัวเองคือไพ่ที่เหนือกว่า ที่ได้ลงไปต่อสู้กับพิทบูลธรรมดา ๆ ที่ไร้พิษสงของฝ่ายตรงข้าม ซึ่งทั้งคู่ต่างก็คิดผิดถนัด แชมป์เปี้ยนซีโบ นั้นก็คือ “พิทบูลสีดำ” ส่วนแชมเปี้ยนกรีสเซอร์นั้นก็คือพิทบูลลายเสือสีน้ำตาล



  • ตอนที่ 2

    ทำไมพิทบูลทั้งสองตัวนี้ถึงได้มาพบกันในค่ำคืนที่เยือกเย็นในโรงนาที่รัฐโอไฮโอแห่งนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะซับซ้อนแต่ก็น่าสนใจไม่น้อย แชมเปี้ยนกรีสเซอร ์ เริ่มความเป็นแชมป์เปี้ยนของมันที่พิกัด 44 ปอนด์ในรัฐโอคลาโฮมา ส่วนแชมเปี้ยนซีโบ ต่อสู้อยู่แถวๆนอทคาร์โรไลนาที่พิกัด 40 ปอนด์ กรีสเซอร์ถือได้ว่าเป็นพิทบูล ด๊อก ที่มีความฉลาดมากที่สุดตัวหนึ่ง ที่มีชั้นเชิงสไตล์การตั้งรับและบุกทำลายได้ดีเมื่อมีโอกาส ซึ่ง ก็ จัด ได้ ว่า เป็นพิทบูล ด๊อก ที่น่ากลัวที่สุดตัวหนึ่ง ชื่อเสียงและผลงานของมันก็ได้รับการพิสูจน์ให้เห็นมาแล้วถึง 4 ครั้งด้วยกัน โดยที่คู่ต่อสู้ของกรีสเซอร์แต่ละตัวนั้นก็ถือได้ว่าเป็นพิทบูลด๊อกที่เต็มไปด้วยความสามารถ ที่ซึ่งไม่มีพิทบูลด๊อกตัวไหนสามารถล้มพวกมันได้ง่ายๆ แต่ก็เสร็จกรีสเซอร์มาแล้วทั้งสิ้น มาดูทางด้านซีโบกันบ้าง ความแตกต่างของการเป็นซีโบนั้นก็ คือการต่อสู้ที่ผ่านมาของมันถึง4ครั้ง นั้น ซึ่งใช้เวลาในการพิชิตคู่ต่อสู้ที่น้อยมาก โดยที่ครั้งแรกปราบคู่ต่อสู้ลงได้ด้วยเวลาเพียงแค่22นาที ครั้งที่สองพิชิตคู่ต่อสู้ลงได้ด้วยเวลาเพียง26นาที ครั้งที่สามพิชิตคู่ต่อสู้ด้วยเวลาเพียงแค่17นาที ครั้งที่สี่พิชิตคู่ต่อสู้ด้วยเวลา33นาที โดยที่คู่ต่อสู้ของมันไม่เคยมีตัวไหนที่สามารถจะหลุดรอดไปได้เลยซักตัวเดียว หลังจากการเก็บชัยชนะมาได้ในครั้งที่ 4 ซีโบก็ถูกขายต่อไปให้กับชายที่มีชื่อว่า เดวิส อดัมส์ และเขาได้พามันขึ้นเหนือไปที่รัฐโอไฮโอ อดัมส์มีเพื่อนที่ชื่อว่าฮัทสัน

    ฮัทสันเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงอีกคนหนึ่งในวงการนี้ ซึ่งในตอนนั้นฮัทสันเองก็ได้ทำสัญญาที่จะแมทช์กับ หมาของ ทีมสองพ่อลูกที่มาจากเซนต์หลุยส์ในพิกัดที่44ปอนด์ พิทบูลของฮัทสันมีชื่อว่า “ ฮัทสัน เทก” ซึ่ง ตัว เทก เองนั้นสืบสายเลือดมาจากบูลลีซันของมอริสคาร์เวอร์ กับเจ้ามิสซี่ซึ่งเป็นสายเลือดของอาร์ท เทกนั้นพิชิตคู่ต่อสู้มาแล้วถึงสองครั้งด้วยกันในพิกัดที่44 ปอนด์ ถ้าจะพูดถึงฮัทสันแล้วนั้น ฮัทสันเป็นคนที่น่ารัก แต่จะทำให้คุณประสาทเสียได้ด้วยความขี้โม้ของเขานั่นเอง ฮัทสันจะพูดถึงแต่เจ้าเทกอยู่ตลอดเวลาว่า ไอ้ เทกดีอย่างงั้น ไอ้ เทกเก่งอย่างงี้ นานเท่าที่คุณคุยอยู่กับเขาเลยทีเดียว ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมากที่สุด ผมเดาเอาว่าทีมสองพ่อลูกที่มาจากเซนต์หลุยส์ ก็คงจะเบื่อหน่ายน่าดู ส่งผลทำให้ทีมสองพ่อลูกที่มาจากเซนต์หลุยส์คิดที่จะกำจัด ไอ้ เ ทกออกไปจากวงการนี้ ซึ่งจะได้ทำให้ฮัทสันหุบปากซะที และเป็นที่รู้กันดีว่าเวลาที่คุณจะแมทช์กับทีมสองพ่อลูกที่มาจากเซนต์หลุยส์ สิ่งที่คุณจะต้องทำก็มีอยู่เพียงแค่ 3 อย่างด้วยกัน นั่นก็คือ คุณจะต้องมีพิทบูลที่ดีที่สุด เลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี และคุณจะต้องฟิตซ้อมพิทบูลของคุณให้ดีที่สุด และที่สำคัญที่สุดที่ลืมไม่ได้เป็นอันขาดนั่นก็คือคุณจะต้องสวดมนต์ในบทที่คุณโปรดปราณมากที่สุดไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโชคชะตา หรืออะไรก็ตามที่คุณอยากที่จะสวดมนต์โดยขอให้สิ่งศักสิทธิ์ช่วยคุณ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับพลิกล๊อก เพราะว่า ไอ้ เทก ได้รับบาดเจ็บจากการฟิตซ้อม(chain fight) ทำให้ฮัทสันไม่สามารถ
  • ที่จะแมทช์ได้ตามสัญญาที่ตกลงกันเอาไว้ก่อนหน้านี้(ในการจัดการแข่งขันกันนั้น เจ้าของพิทบูลด๊อกจะต้องมีการทำสัญญากันก่อนล่วงหน้าหลายเดือน โดยที่จะต้องมีการวางเงินมัดจำ และจะต้องกำหนดวันเดือนปีในการแข่งขันกันให้ชัดเจน เมื่อถึงเวลาที่จะทำการแข่งขัน ถ้าหากว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเกิดทำการแข่งขันไม่ได้ ฝ่ายตรงข้ามก็จะริบเงินมัดจำนั้นไปฟรีๆ และเงินมัดจำนั้นก็ขึ้นอยู่กับทั้งสองฝ่ายที่จะตกลงกันเอง) และฮัทสันเองก็ไม่ยอมที่จะเสียเงินจำนวนนี้ไปโดยเปล่าประโยชน์ เขาจึงโทรไปหาอดัมส์และยื่นข้อเสนอกับอดัมสข้อหนึ่ง นั่นก็คือว่า ถ้าอดัมส์รับปากว่าจะให้ซีโบลงต่อสู้แทน แล้วเกิดการชนะขึ้นมา ฮัทสันจะแบ่งเงินรางวัลให้อดัมส์ครึ่งหนึ่ง แต่ถ้าซีโบแพ้ ฮัทสันจะเป็นคนจ่ายเงินเดิมพันทั้งหมดเอง อดัมส์ที่ซึ่งกำลังทำการฟิตซ้อมซีโบอยู่นั้น และเตรียมทำน้ำหนักให้อยู่ในพิกัดที่ซีโบเคยชนะมาแล้วนั่นก็คือที่พิกัด 40ปอนด์ ซึ่งในช่วงเวลานั้นก็กำลังที่จะมีการจัดงานคอนเวนชั่นที่เม็กซิโก (เป็นสถานที่สำหรับจัดการแข่งขันซึ่งแต่ละครั้งที่จัดงานก็จะมีพิทบูลด๊อกหลายคู่ที่เข้ามาทำการแข่งขันหรือการนำพิทบูลมากัดกัน และจะต้องเป็นสถานที่ที่ไม่มีใครรู้ จะรู้ได้ก็เฉพาะคนในวงการนี้เท่านั้น) ซึ่งอดัมส์ก็จะส่งซีโบลงทำการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย งานนี้น่าจะเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ และถือว่าเป็นงานที่สุดยอดที่สุดเท่าที่เคยมีการจัดการแข่งขันกันขึ้นมา แต่มีเหตุขัดข้องเกิดขึ้นเพราะว่ากฎหมายออกมาให้ระงับและงานคอนเวนชั่นก็ไม่เคยได้เกิดขึ้นอีกเลย แต่อดัมส์ก็ไม่เคยทราบถึงการล้มเลิกงานที่จะจัดขึ้นที่คอนเวนชั่น และเค้าก็คิดอยู่เสมอว่ากว่าจะถึงงานคอนเวนชั่นก็อีกตั้ง 3 เดือนในขณะที่แมทช์ที่จะต่อสู้กับ กรีสเซอร์ก็เหลือเวลาอีกเพียงแค่ 3 สัปดาห์เท่านั้น ซึ่งเค้าสามารถที่จะเอาซีโบลงแมทช์แทน ไอ้ เทก และจะเอาชนะได้โดยไม่ต้องเจ็บตัวมากเกินไป และยังคงมีสภาพดีอยู่สำหรับที่จะเข้าร่วมการแข่งขันที่งานคอนเวนชั่นในเม็กซิโก เมื่อเขาคิดได้ดังนั้นเขาก็ตอบตกลงรับข้อเสนอนั้นทันที ซึ่งเขาก็ได้บอกกับฮัทสันว่าเขาจะขออุ้มซีโบออกจากการแข่งขันนั้นทันที หลังจาก 30 นาทีผ่านไปแล้วซีโบยังดูท่าทีไม่มีความคืบหน้า หรือไม่
  • สามารถพิชิตคู่ต่อสู้ลงได้ เพราะว่าเขาต้องการที่จะรักษามันเอาไว้สำหรับงานคอนเวนชั่นที่ยิ่งใหญ่งานนั้น ฮัทสันจึงตอบตกลง เพราะจากสถิติการสังหารของซีโบนั้น เขาคิดว่าเป็นการน่าลงเงินเดิมพันและยอมที่จะเสียเงินไม่กี่ปอนด์เพื่อที่จะให้ซีโบเป็น แกรนด์แชมป์เปี้ยน(ตำแหน่งแกรนด์แชมป์เปี้ยนนี้จะต้องเอาชนะคู่ต่อสู้ให้ได้ทั้งหมดห้าตัวติดต่อกัน แพ้ในครั้งใดครั้งหนึ่งก็จะหมดสิทธิ์ไปเลย) ดีกว่าที่จะยอมสละสิทธิ์ให้ทีมสองพ่อลูกริบเงินมัดจำไปฟรีๆ ในขณะเดียวกันที่เซนต์หลุยส์ ทีมสองพ่อลูกก็ได้นำพิทบูลด๊อกที่ซึ่งก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นสุนัขในพิกัดที่ 44 ปอนด์ที่จัดว่ายอดเยี่ยมที่สุดในเวลานั้นนั่นก็คือเจ้ากรีสเซอร์ กรีสเซอร์ตัวนี้เริ่มมีคนเรียกชื่อมันว่า ยูแบงค์ กรีสเซอร์ ถ้าข้อมูลที่ผมได้มาถูกต้อง ยูแบงค์ ก็คือคนที่ให้การสนับสนุน กรีสเซอร์ และให้การสนับสนุนมาทั้งหมด 4 แมทช์ การชนะคู่ต่อสู้ที่มากไปด้วยความสามารถ อย่างเจ้า โมโลนี่ แอลลิเกเตอร์ และเมฟิลด์ โก เดฟวิล ส่งผลทำให้พวกเขามีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นไปอีก ทีมสองพ่อลูกจึงได้ทำการซื้อเจ้ากรีสเซอร์มาเพื่อที่จะทำการแมทช์กับเจ้าเทกโดยเฉพาะ ทีมสองพ่อลูกรู้ว่าจะต้องหาหมาที่สุดยอดเหนือชั้นกว่าหมาธรรมดาทั่วไปเพื่อที่จะได้มั่นใจว่าจะจัดการกับเจ้าเทกได้อย่างแน่นอน(ทีมสองพ่อลูกได้กรีสเซอร์ มายังไงและเพราะอะไรในส่วนของผมทุกอย่างเหมือนกับเป็นข่าวลือ แต่จุดหลักเท่าที่ผมรู้ก็คือ กรีสเซอร์เป็นพิทบูลด๊อกในพิกัดที่ 44 ปอนด์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด ที่ยังมีชีวิตอยู่ในตอนนั้น และมันเป็นหมาที่คู่ควรกับการต่อกรกับเจ้าเทกมากที่สุด) ด้วยเหตุนี้เองสังเวียนเลือดแห่งการต่อสู้จึงถูกจัดขึ้นมา พวกโอไฮโอมีเจ้าซีโบ ส่วนทีมสองพ่อลูกไม่รู้อะไรที่เกี่ยวกับซีโบเลย และพวกโอไฮโอก็ไม่รู้ว่าทีมสองพ่อลูกมีเจ้ากรีสเซอร์ ก่อนที่เราจะเล่าถึงเรื่องราวของการต่อสู้ของสองแชมป์เปี้ยน ผมขอกลับไปค้นหาซิว่าเจ้า ซีโบ มาที่นี่ได้อย่างไร

  • ตอนที่3

    “ซีโบ(Zebo)” เริ่มต้นชีวิตของมันที่สนามหญ้าในบริเวณบ้านของชายหนุ่ม ซึ่งเป็นผู้ที่มีความชื่นชอบเกมส์กีฬาไฟต์ติ้งด๊อกนี้ เขาผู้นี้มีชื่อว่าลอนโซ (Lonzo) เขาเล่าเรื่องที่เกี่ยวกับซีโบให้ฟังว่าซีโบเก็บชัยชนะมาหลายครั้งในขณะที่อยู่กับเขาและก็เป็นชัยชนะในแบบที่เรียกว่า “ อ๊อฟ เดอะ เชน” ( off the chain หมายถึงสุนัขที่เราเลี้ยงกันอยู่ในแบบธรรมดาๆที่ผูกอยู่กับโซ่ ไม่ได้มีการฟิตซ้อมมาก่อนหน้านี้เลย เมื่อถึงเวลาหรือมีใครอยากที่จะขอลองทดสอบการกัด(เทส)ดูก็เอาไปเทสกันเลย ไม่ได้คำนึงถึงน้ำหนัก ไม่มีการเดิมพัน ของใครดูท่าทางจะสู้ไม่ได้ก็เป็นฝ่ายขอยอมแพ้ไป) แต่เนื่องจากในขณะนั้นลอนโซมีสุนัขอยู่ในความครอบครองหลายตัว เขาจึงต้องขาย ซีโบให้กับชายที่มีชื่อว่าฮิวจส์ ลอนโซเล่าให้ผมฟังว่าในคอกเดียวกันนี้มีตัวผู้อยู่ถึง 4 ตัว และทั้ง4ตัวนี้ก็เคยผ่านการแมทช์มาแล้วทั้งสิ้น แต่มีอยู่เพียงแค่สองตัวเท่านั้นที่เก่ง นั่นก็คือ ซีโบ และ วินดิเคเตอร์ซึ่งเป็นพี่ชายของมัน โดยส่วนตัวของลอนโซแล้ว เขาชื่นชอบ วินดิเคเตอร์ และโรซี่ ซึ่งเป็นพี่สาวของซีโบมากกว่า เพราะพวกนั้นเกิดมาเป็นเรดโนส เขาจึงเก็บเอาไว้เพราะพวกมันดูดีกว่าตัวอื่น ๆ ซึ่งเป็นสีดำ ก่อนหน้านี้ซีโบเคยถูกเรียกว่า “ซีโร่” มาก่อน จนกระทั่งฮิวจส์ซื้อมันมา เมื่อข่าวหนังสือพิมพ์ ยู . เค . ซี . ออกมาให้ผู้คนได้อ่าน เขาเขียนมันว่า “ฮิวจส์ ซีโบ” ผมเดาเอาเองว่าเทพเจ้าแห่งสงครามคงแวะมาและให้ชื่อนี้กับมัน เพราะหลังจากที่มันเริ่มถูกเรียกว่า ซีโบ ชื่อเสียงของมันก็เริ่มดังขึ้นมา ตามที่เคยเล่ามาก่อนหน้านี้แล้วว่า ฮิวจส์ใช้ซีโบสังหารพิทบูลด้วยกันมาแล้วถึง 4 ตัว และยังได้รับรางวัล “เบส อิน โชว์”มาแล้วถึง 2 ครั้ง (Best in Show คือถ้วยรางวัลที่มีไว้ให้ตัวที่กัดได้ดีที่สุด และประทับใจคนดูมากที่สุด) และครั้งสุดท้ายในงานคอนเวนชั่นที่อลาบามา ตั้งแต่ฮิวจส์ซื้อซีโบมาฮิวจส์ให้ซีโบ ต่อสู้กับพิทบูลที่มีน้ำหนักตัวที่มากกว่ามาโดยตลอด ( catchweight ก็คือการแบกน้ำหนักให้คู่ต่อสู้นั่นเอง) จนกระทั่งกล้ามเนี้อที่หัวไหล่ข้างซ้ายของมันถูกทำลายมาครั้งหนึ่ง เคเบิลที่ซึ่งเป็นเพื่อนเก่าของฮิวจส์ได้พาซีโบไปหาสัตวแพทย์ของเขาและได้ให้สัตวแพทย์ สร้างกล้ามเนื้อที่หัวไหล่ขึ้นมาใหม่ให้กับมัน และซีโบก็ได้ เอาแผลเป็นอันนั้นลงหลุมฝังศพของมันไปด้วย แต่คุณจะเห็นแผลได้อย่าง
  • ชัดเจนก็เฉพาะตอนที่มันผลัดขนในฤดูหนาวเท่านั้น คุณอาจจะเคยเห็นซีโบในเวลาอื่นบ้าง แต่คุณคงเดาไม่ออกหรอกว่า มันจะเจ็บปวดและทรมานขนาดไหนตอน
  • มีอยู่ครั้งหนึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากนั่นก็คือ ซีโบเคยเกือบได้ต่อสู้กับสุดยอดพิทบูลที่มีตำแหน่งเป็นถึงแกรนด์แชมป์เปี้ยนที่มีชื่อว่า “เดวิส แกรนด์ แชมป์เปี้ยน บูมเมอแรง” ซึ่งเป็นพิทบูลของเดวิส แต่การต่อสู้ในครั้งนั้นไม่ได้เกิดขึ้นก็เพราะว่า เดวิสเลือกคู่ต่อสู้ที่เอาชนะได้ง่ายกว่า ซีโบ ฮิวจส์ได้ให้ข้อเท็จจริงว่า “ผมพยายามอย่างเต็มที่แล้วที่จะตกลงกันถึงเรื่องของการต่อสู้ระหว่างซีโบ กับ บูมเมอแรง อย่างเป็นจริงเป็นจัง เมื่อผมรู้ว่าเป็นบูมเมอแรง ผมก็ยังคิดที่จะต่อสู้ด้วย ผมรู้ว่าซีโบ จะต้องเจอศึกหนักแน่ในครั้งนั้น และผมก็รู้ว่าเดวิสก็รู้สึกอย่างนั้นเช่นเดียวกัน ตอนหลังผมมารู้ว่าเดวิสไปเซ็นต์สัญญาเพื่อที่จะแมทช์กับหมาตัวอื่น ผมแน่ใจว่าไม่ได้โทรไปต่อว่าหรือบ่นกับเขา เพราะผมเองก็รู้สึกว่าไม่เขาก็ผมคงจะต้องเสียหมาดี ๆ ของตัวเองไปอย่างแน่นอน ซึ่งก็เชื่อได้ว่าน่าจะเป็นของเดวิสซะมากกว่า” ฮิวจส์ให้ซีโบลงแมทช์เป็นครั้งที่ 4 ที่อลาบามา และเป็นครั้งแรกที่อดัมส์ได้ไปเห็นมัน ในระหว่างเกมส์การต่อสู้ในครั้งนั้น ซีโบ กำลังจะล้มคู่ต่อสู้ของมันด้วยสไตล์ที่มันชื่นชอบนั่นก็คือการกัดที่อกของคู่ต่อสู้ (the brisket) เจ้าของสุนัขที่กำลังเสียเปรียบถามฮิวจส์ว่า เป็นความจริงหรือเปล่าที่ซีโบ ฆ่าคู่ต่อสู้ทั้งสามแมทช์ ฮิวจส์ตอบว่า “ใช่ มันฆ่ามาหมดทั้ง 3 ตัวเลย ไอ้หนูน้อย ถ้านายไม่อุ้มหมานายออกจากสังเวียน มันก็จะฆ่าหมานายด้วยเหมือนกัน” ราวกับฮิวจส์เป็นคนล่วงรู้อนาคต คืนนั้นนาทีที่ 23 คำทำนายของเขาก็เป็นจริง แมทซ์นี้สร้างความประทับใจให้กับอดัมส์เป็นอย่างมาก อดัมส์เข้าไปพูดคุยและถามฮิวจส์ว่าเขาจะต้องเอาอะไรมาแลกเพื่อที่จะให้ได้ ซีโบมาเป็นของเขา และคำตอบที่ได้ก็คือว่า “ถ้าผมจะขายหมาตัวนี้ ผมจะต้องได้...” และฮิวจส์ก็บอกในราคาที่สูงลิบลิ่วเลย เพราะว่ามันเป็นหมาบูลด๊อกที่ดีและมีประสิทธิภาพมาก(ซึ่งก็คือพิทบูลด๊อกนั่นเอง สมัยก่อนพิทบูลมีหลายชื่อด้วยกัน หนึ่งในนั้นก็คือบูลด๊อก)

  • ตอนที่4

    อดัมส์กลับไปยังโอไฮโอ แต่ความคิดที่จะได้เป็นเจ้าของพิทบูลด๊อกอย่างเจ้า ซีโบก็มีความหมายกับเขาเป็นอย่างมาก เขาโทรไปหาฮิวจส์ และบอกว่าเขาได้ตัดสินใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และการได้เป็นเจ้าของซีโบนั้นมัน มีคุณค่ามากพอกับราคาที่ฮิวจส์เสนอมา อดัมส์มาบอกตอนหลังว่ามันเหมือนกับเป็นการพรากลูกพรากพ่อกันเลย (การเอา ซีโบไปจากฮิวจส์นั่นเอง) ฮิวจส์เองก็ไม่ได้อยากที่จะขายซีโบเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่ค่อนข้างออกจะแข็งๆ ไปหน่อย แต่คืนที่ซีโบจากเขาไป ผมจินตนาการได้เลยว่าภูเขาในแถบคาร์โรไลนา นั้นช่างว่างเปล่าว้าเหว่เพียงใด สิ่งนั้นผมเชื่อว่าเกิดขึ้นกับฮิวจส์ อย่าง แน่นอน หมาแก่ตัวนี้ได้กลายมาเป็นสมาชิกตัวหนึ่งในครอบครัวของอดัมส์ และมันจะปกป้องเจ้านายของมันด้วยชีวิตของมันเลยทีเดียว ฮิวจส์เคยพูดเอาไว้ว่าซีโบ จะไม่ทำร้ายใครทั้งนั้น ซึ่งถ้าคนพวกนั้นไม่เข้ามาจับมือหรือตบที่หัวไหล่ของเขาหรือทำอะไรที่ซีโบไม่ไว้วางใจ แล้วละก้อ ฮิวจส์บอกว่าถ้าเขาไม่รีบจับมันเอาไว้คนที่มาทำกับเขาแบบนั้นก็จะโดนกัดได้อย่างแน่นอน

    มีคนเคยเล่าเรื่องที่ฮิวจส์ขับรถกลับมาจากการเดินทางด้วยความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าและง่วงนอนมาก เขาจอดรถเอาไว้ข้างทางแล้วก็นอนลงบนเบาะรถเพื่อพักผ่อน เขารู้ดีว่า ซีโบจะดูแลและปกป้องเขาในขณะที่เขาหลับ แต่เขากลับลืมไปว่ายังไม่ได้ให้อาหารซีโบ เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็พบว่าเข็มขัดหนังของเขาได้หายไปแล้ว ซีโบได้กินเข็มขัดของเขาเข้าไปในขณะที่เขาหลับไม่รู้เรื่อง เข็มขัดเส้นใหม่ก็ไม่ได้มีราคาแพงกว่าแต่อย่างใด แต่สิ่งที่ได้ยกตัวอย่างมานี้กำลังพยายามที่จะอธิบายว่าถ้าเข็มขัดเส้นเก่าไม่อยู่ คนแถวนั้นอาจจะได้รับอันตรายก็ได้ มีผู้คนบ่นเรื่องนี้เหมือนกันรวมถึงภรรยาของเขาด้วย

  • เมื่อซีโบไปถึงโอไฮโอมันได้สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้คนในแถบนั้น ที่เคยได้ยินผลงานของมัน แต่การที่มันเคยพิชิตคู่ต่อสู้มาด้วยเวลาที่รวดเร็วนั้นก็ทำให้ผู้คนเกิดความสงสัยเกี่ยวกับจิตใจหรือความเกมส์เนสของมันด้วยเช่นเดียวกัน ไม่มีใครเลยซักคนที่รู้เรื่องของการแบกน้ำหนักที่มากเกินไปถึง4ปอนด์(ซึ่งปกติซีโบ กัดได้ดีที่พิกัด40ปอนด์ แต่ครั้งนี้มันจะต้องเจอกับคู่ต่อสู้ที่อยู่ในพิกัดที่44ปอนด์) แม้แต่คนดังอย่างแฮรี่ คลาร์ก ผู้ซึ่งยังมีชีวิตอยู่ในตอนนั้น และเป็นคนที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการนี้ด้วย เขาเริ่มเล่าเรื่องของสุนัขตัวหนึ่งที่เขา เคยเห็นและ รู้จัก มันก็เหมือนกับ กรณีของ ซีโบที่ได้ก้าวขึ้นไปกัดที่ไม่ใช่พิกัดที่มันเคยกัด แต่สุนัขตัวที่แฮรี่ คลาร์ก พูดถึงมันอยู่นั้น มันสามารถกัดได้ดีแต่มันก็ได้ตายไปหลังจากนั้นเพราะว่าเจอเข้ากับนักฆ่าที่อำมหิตและใหญ่กว่ามัน ดังนั้นเมฆหมอกแห่งความสงสัยที่เกี่ยวกับจิตใจ หรือความเกมส์เนส รวมทั้ง ธาตุทรหดอดทนก็เริ่มเข้ามาบดบังพระอาทิตย์บนชื่อเสียงของ ซีโบ ทุกคนรู้และยำเกรงสถิติของมัน แต่ก็มีหลายคนที่มีความสงสัยอยู่ลึก ๆ ที่ เกี่ยวกับความกล้าหาญหรือความเกมส์เนสของมัน เพราะในอดีตพวกเขาเคยเจอเรื่องแบบนี้มาแล้ว หมาที่เคยได้ชื่อว่า “ปากหนักที่สุด แต่อาจจะถอดใจได้ง่ายเหมือนกัน”

  • ตอนที่5

    ที่บ้านของอดัมส์เองก็มีแขกมากมายที่อยากจะได้มาเห็น ซีโบ ถึงแม้ว่า พวกเขา จะต้องจ่ายเงินถึง 10 เหรียญก็ตาม ซึ่งถ้าคุณอยู่ในแถบนั้นคุณ ก็ จะไม่ได้ยินชื่ออื่นอีกเลยนอกจากซีโบเพียงตัวเดียว

    ทีนี้ก็ถึงเวลาที่จะหยุดเรื่องเก่าๆ ของซีโบเสียที อดัมส์ประกาศที่จะลงทำการแข่งขันแทนในแมทซ์ของฮัทสัน และแล้วคืนวันของการต่อสู้ของทั้งสองแชมป์เปี้ยนก็ มาถึง โดยที่พรรคพวกของทีมสองพ่อลูกเท่านั้นที่รู้ว่าจะต้องต่อสู้กับ ซีโบ และพวกเขาก็ต้องการที่จะเห็นหมาที่ได้ชื่อว่าเป็นนักฆ่าตัวนี้ทันทีที่มา ถึง แต่พอ พวกเขา ได้เห็น ทุกคน กลับพูดไปขำไปว่า “ เฮ้ยพวกเราดูมันสิ ไม่เห็นจะเหมือนนักฆ่าซักนิด เลยโว้ย ” อดัมส์ กับพรรคพวกที่เป็นเจ้าของเงินเดิมพันก็ไม่รู้เลยอีกเหมือนกั นว่า ซีโบ กำลังที่จะต้องต่อสู้กับ หมาที่ชนะมาแล้วถึง 4 ครั้ง พวกเขาน่าที่จะสงสัยว่าทำไมผู้ชมจากฝั่งตะวันตกถึงกับอุตส่าห์ลงทุนขับรถมาถึงโอไฮโอเพื่อที่จะมาดู กรีสเซอร์ ล้มหมานักฆ่าตัวนี้ จิมมี่ โจป เจ้าของ บรรณาธิการหนังสือ พิท ด๊อก รีพอท และ นิตยสาร บูลด๊อก ของเมือง เมฟิลด์ ก็เป็นอีกคนที่ขับรถมาด้วยเช่นกัน แต่เขาไม่ได้ลงเรื่องของการต่อสู้ครั้งนี้ในนิตยสารของเขาเลย เพราะเป็นที่รู้กัน ดี ว่าแมทซ์นี้เป็นอีกแมทซ์หนึ่งที่ควรเหยียบเอาไว้เป็นความลับในโลกของหมาพิทบูลด๊อก และเรื่องนี้จะได้รับการเผยแพร่ออกไป ก็ต่อเมื่อการต่อสู้ได้จบลงไปแล้ว แต่รายละเอียดการแมทซ์กันของคู่นี้ เท่าที่ผมรู้ จะอยู่ ในหนังสือของริดชาร์ด สแตรทตัน เมื่อคุณอ่านมันจะทำให้คุณเชื่อว่า ซีโบก็เพียง แค่โ ชคดีและฟลุ๊กเท่านั้น เองที่ ทำให้ กรีสเซอร์ บาดเจ็บ อย่างหนักตั้งแต่การต่อสู้ได้เริ่มขึ้น แต่ ในค วามจริงไม่ได้เป็น ไป อย่างนั้น กรีสเซอร์ ตอบโต้ตลอดเวลาและ ยืนครบสี่ขาจนถึงปลายการแข่งขัน ตอนที่ชั่งน้ำหนัก ซีโบหนักเกิน 40 ปอนด์เพียงเล็กน้อย ส่วน กรีสเซอร์ หนัก 44 ปอนด์พอดิบพอดี

  • ก่อน ที่จะเริ่ม ทำการแข่งขันอดัมส์เดินวนเวียนอยู่ ใกล้ กับคนที่ให้การสนันสนุนเขา เขา พูดบอกกับ ทุก ๆ คนว่าเขายอมแพ้เรื่องน้ำหนัก ที่น้อยกว่า 4 ปอนด์ และจะขอ อุ้มหมาของตัวเองออก จากการแข่งขันทันที เมื่อ ครบ 30 นาที เพราะเขา จะ มีเวลาเตรียมตัว เหลือ เพียง แค่ สามอาทิตย์ และ 4 ปอนด์ ก็ ถือว่าเป็นเรื่อง ที่ค่อนข้างจะหนักหนาสาหัส อยู่ทีเดียว เมื่อพวกเขาปล่อยแชมป์ เปี้ยนด์ ทั้ง คู่ เ ข้าต่อสู้กัน คุณจะได้เงินมากเท่าที่คุณอยากจะได้ทั้งหมด ถ้าคุณ พนันทางฝั่งของ ซีโบ โดยที่มีคนให้กรีสเซอร์เป็นต่อถึง 3 ต่อ 1 หรือสามร้อยต่อเงินของคุณหนึ่งร้อย เมื่อมีการวางเงินเดิมพันกันแล้ว มีคนเล่นต่อรองราคานี้กันเป็นจำนวนมาก และแล้วชื่อของ กรีสเซอร์ ก็ถูกประกาศออกมา และดังไปทั่วทั้งสนามเพราะคนจำนวนมากส่งเสียงเชียร์กัน ทางฝ่าย ที่ให้การสนับสนุนซีโบ ก็ เริ่มรู้ตัวดีว่านี่จะไม่ใช่การชนะโดยที่จะไม่มีการเสียเหงื่อซะแล้ว หลาย คนเริ่มเป็นกังวล เกี่ยว กับเงินเดิมพันของพวกเขา เพราะอดัมส์ได้ ประกาศ เตือนเอาไว้แล้วว่า เขาจะ อุ้มหมาออกจากสังเวียนหลังจาก 30 นาทีถ้าไม่มีความคืบหน้า หรือพิชิตคู่ต่อสู้ลงได้ อดัมส์มาเล่าให้ฟังทีหลังว่า “ พรรคพวกที่คร่ำหวอดในวงการกัดหมาหรือพวก เซียนกัด หมา (Dog man)และจอห์นสัน เรียกผมไปที่ข้าง สังเวียน ก่อนเวลา ที่จะ ทำการแข่งขัน สัก 5 นาที และบอกผมว่าพวกเขาจำไอ้หมาลายเสือตัวนั้นได้ว่ามันคือ แชมป์เปี้ยน กรีสเซอร์ ความคิดที่ ผม จะเอา ซีโบ ออกจากการแข่งขัน หลังจาก 30 นาทีก็หมดลงไปทันที ผมรู้แต่ เพียง ว่าจะให้มันสู้กันนานที่สุดเท่าที่มันจะมีโอกาสชนะได้ ผมเชื่อว่าผมไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไป เ ม็กซิโกเพื่อพิสูจน์ว่า ซีโบเป็นหมาที่ยอด เยี่ยม ที่สุด อีกต่อไปแล้ว โอกาสเดินมาหาผม แล้ว ”

  • ตอนที่6

    เมื่อเวลาจากการแข่งขันดำเนินผ่านไปมีอยู่แค่สองประโยคเท่านั้นที่รายงานออกมา นั่นก็คือ “กรีสเซอร์ ฉลาดมาก ๆ ด้วยชั้นเชิงของการตั้งรับ และเล่นงานซีโบอย่างหนักที่บริเวณหัว ส่วนซีโบก็ทำได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยสไตล์ของการเข้าทำโดยการกัดเข้าไปที่อกของคู่ต่อสู้ จนจบ” และนั่นก็คือตอนจบของการแข่งขัน คุณอาจจะคิดว่า 4 ปอนด์ที่ขาดไปนั้นจะทำให้ กรีสเซอร์ ได้เปรียบ แต่ซีโบก็ยังกัดได้ลึกลงไปที่อกของกรีสเซอร์ ถึงกระนั้นกรีสเซอร์ ที่ฉลาดในการตั้งรับ และมัน เอง ก็ถูกทำให้ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปในที่สุดด้วยเขี้ยวของ ซีโบถึงแม้ว่าจะต้องใช้เวลาในการแข่งขันที่ยาวนาน โดยเวลาทั้งหมด 1 ชั่วโมง 47 นาที นั่นคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น ซีโบ ยัง ได้พิสูจน์ให้ หลาย คนที่เป็นกังวลในเรื่องของ ความเกมส์เนสกับเกมส์การต่อสู้ที่ยาวนานได้หาย ไป แต่จำเอาไว้เลยว่าเมื่อคุณได้อ่านบางส่วนจากหนังสือของริดชาร์ด สแตรทตัน นั่นก็เป็นเพียง แค่ความคิดเห็นของคนเขียนเท่านั้น ( ตัวผมอยู่ที่นั่น ) ซีโบเอาชนะกรีสเซอร์ ไปด้วยความยากลำบากโดยใช้เวลานานมากในการพิชิตคู่ต่อสู้ ซึ่งใน หนังสือ นั้นคนเขียนตั้งใจจะทำให้คุณคิดว่ากรีสเซอร์ เพียงแค่พลาดท่าเสียจังหวะโดยการ ถูกทำร้ายก่อน ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วซีโบก็อาจจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ได้ ซึ่งถ้าจะมาวิเคราะห์ถึง เกมส์การต่อสู้กันแล้ว พิทบูลด๊อกที่มีสไตล์ของการเข้าทำคู่ต่อสู้โดยการกัดเข้าไปที่อกของคู่ต่อสู้นั้น ในความคิดเห็นของนักเลงพิทบูลด๊อก ( ด๊อกแมน ) ทุกคนต่างเกรงกลัวพิทบูลด๊อกที่มีสไตล์ของการต่อสู้สไตล์นี้กันเป็นส่วนใหญ่ เพราะว่าเวลาที่มันกัดติดอยู่ที่อกของคู่ต่อสู้นั้น คู่ต่อสู้แทบจะทำอะไรไม่ได้เลย และ โดย ส่วนมากพิทบูลที่มีสไตล์การเข้าทำแบบนี้จะต้องมีความแข็งแรงเป็นอย่างมาก จะต้องมีความ เกมส์เนสหรือมี จิตใจที่กล้าหาญ เรียกได้ว่ามีความบ้าดีเดือดมากๆซะด้วย พวกมันจะต้องไม่สนใจว่าคู่ต่อสู้จะตอบโต้กลับมาหนักขนาดไหน พวกมันยังคงมุ่งมั่นที่จะเข้าไปกัดที่อกของคู่ต่อสู้ ตลอดเวลา บางตัวที่ปากหนักมากๆอาจจะกัดจนอกของคู่ต่อสู้ถึงกับฉีกขาดได้ ซึ่งจะทำให้คู่ต่อสู้เสียเลือดมากจนถึงขั้นยอมแพ้ไปในที่สุด

  • ตอนที่7

    สำหรับเรื่องราวอื่น ๆ ที่เขียนเกี่ยวกับ ซีโบ

    ในช่วงต้นปี 70 ในนอทคาร์โรไลนา ลอนโซ แพลทท์(Lonzo Pra tt)ชายหนุ่มคนหนึ่งผู้ซึ่งกำลังเริ่มสนใจในกีฬาการต่อสู้สุนัข โดยที่เขา ได้ พยายามสร้างสายเลือดขึ้นมาใหม่ให้เป็นสายของเขาเอง โดยการซื้อ สุนัข จาก ด๊อกแมนหลาย ๆ คน และมีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาได้ ไป ซื้อตัวเมียรุ่น ๆ ที่มีชื่อว่า เฟย์ ที่สืบสายเลือดมาจาก เจ.โลโปเซย์ (J. Loposay) สาเหตุที่ เฟย์ ถูกขายมาให้ก็เพราะว่ามันเกิดเป็นหวัดและไม่ยอมผสมกับสุนัขของแจ็ค เคลลี่ และในเวลาต่อมา พีท สปารคส์ ก็ได้ นำไปทิ้งไว้ที่สนามบ้านของโลโปเซย์

    หลังจากที่ ลอนโซ่ ได้ พยายาม ทำการเพาะสุนัข มา หลายครอก ลอนโซกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียง โด่งดัง จาก พิทบูลด๊อกของเขา โดยเฉพาะ ตัวผู้สามตัวและตัวเมียสองตัว ตัวเมียสองตัวนี้ก็คือ ลีน่า กับโรซี่ ส่วนตัวผู้คือ ครัช วินดิเคเตอร์ และ ซีโร่ ในบรรดาตัวผู้นั้น วินดิเคเตอร์ และ ซีโร่ เป็นพิทบูลด๊อก ที่มีวิญญาณของความเป็น นักสู้ที่โดดเด่นมาก โดยเฉพาะซีโร่นั้นจะเก่งกว่าวินดิเคเตอร์ ที่เป็น พี่ชายของมันมาก (ชื่อเดิม ของ ซีโบ ) ซีโบ มีชื่อเสียงใน เรื่อง ของความเป็นพิทบูลด๊อกนักสู้ที่เยี่ยมยอดที่สุดและ ยัง เ ป็นพ่อพันธุ์ที่ดีที่สุด พิทบูลด๊อกในพิกัดที่ 40-44 ปอนด์ตัวนี้ชนะมาแล้วทั้งสิ้น 7 ครั้ง ด้วยเหตุนี้มันจึงได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นแกรนด์แชมป์เปี้ยนผู้ยิ่งใหญ่ ( grand champion ) พร้อมทั้งยกย่องให้เป็นพ่อพันธุ์ที่มีคุณค่ามากที่สุดตัวหนึ่ง (register of merit: ROMคำนี้ความหมายก็คือ พ่อพันธุ์ที่ให้ลูกเป็นแชมป์เปี้ยนถึง5ตัว ไม่ว่าจะผสมกับแม่พันธุ์กี่ตัวก็ตาม) และเป็นหนึ่งในสมาชิกอันทรงเกียรติที่ได้ขึ้นในทำเนียบสุนัขบู ลด๊อก ฮอล ออฟ เฟรม (bulldog hall of frame) และ เป็น พิทบูลด๊อก เพียงตัวเดียวที่ได้รับเกียร ติ ยศ อันนี้โดยทั้ง 3 สถาบัน ดังกล่าว

  • ตอนจบ

    ความเป็นนักสู้ของ ซีโร่ เริ่มขึ้นที่สนามหญ้าของเลสเตอร์ ฮิวจส์ “ เดอะ เม้าท์เทน แมน ” เมื่อมันชนะด้วยการสังหารอย่างรวดเร็วถึง4 ครั้งรวด ใน ครั้งสุดท้ายมันถูกส่งไปที่ คอก ของแกรดี คูมมิ่งส์ และเมื่ออยู่ที่นั่น เรด ฟอกซ์ ที่เป็น พิทบูลด๊อก ของคูมมิ่งส์ได้หลุดออกมาจากสายจูงแล้ววิ่งตรงเข้า ใส่ ซีโบ แต่ ก็ถูก ซีโบ ฆ่าตาย แกรดี คูมมิ่งส์ ได้ให้เลสเตอร์เอา ซีโบ ออกไปจากคอกของเขา ซีโบ ถูกขายต่อไปให้กับ เดฟ อดัมส์ชาวโอไฮโอ ซึ่งเป็นเจ้านายที่เข้ากับ ซีโบ ได้ดีที่สุด ตอนแรกฮิวจส์ไม่ได้ตั้งใจที่จะขาย ซีโบ แต่อดัมส์สามารถหาเงินจำนวนมหาศาลมาได้ ทำให้ฮิวจส์เปลี่ยนใจ แต่โชคร้ายที่ ซีโบ พลาดไปทำร้ายลูกชายของอดัมส์จนหูเกือบขาด หลังจากคำขอร้องของภรรยาอดัมส์ ซีโบ จึงถูกขายต่อไปอีกครั้ง ครั้งนี้ขายไปให้กับจอห์สันซึ่งเคยเป็นคู่แข่งกันมาแล้วมากกว่า 2 ครั้ง ครั้งล่าสุดได้ต่อสู้กับลูกชายของ วินดิเคเตอร์ พี่ชายร่วมคอกเดียวกันกับ ซีโบ จอห์นสันหวังว่าจะให้มีการต่อสู้อีกซักครั้ง แต่ไม่มีใครกล้าที่จะรับคำท้านั้นเลย เพราะความจริงที่ว่า ซีโบ อายุมากถึง 7 ปีแล้ว ดังนั้น ซีโบ จึงหยุดการต่อสู้และใช้เป็นพ่อพันธุ์ซึ่ง ซีโบ อยู่ต่อมาอีกจนกระทั่งอายุได้ 13 ปี และให้ลูกคอกสุดท้าย ก่อน ที่มันจะตาย และมัน ยัง ตาบอด ด้วย ซึ่งก็เป็นผลมาจากบาดแผลที่ได้รับมา โดยที่ไม่มี พิทบูลด๊อก ตัวไหน ที่จะเอา ชนะมันได้เลยแม้แต่ ตัวเดียว

    ทายาทที่เกิดจากพ่อพันธุ์ที่มีชื่อว่าซีโบก็คือ สเตรป แชมป์เปี้ยน วิลลี่ และ อดัมส์ แชมป์เปี้ยน เคตี้ ตอนที่มันได้ไปผสมกับ ทอมสิก สไปเดอร์ รอม บางคนกล่าวว่า แชมป์เปี้ยน วิลลี่ ได้วิญญาณความเป็นนักฆ่าหรือเครื่องจักรสังหารมาจากพ่อของมัน โดยสังหารคู่ต่อสู้ ด้วยเวลา 27, 54 และ 29 นาที ส่วนตัวอื่นๆที่เกิดมาจาก ซีโบ ได้แก่ สเตรป แชมป์เปี้ยน รูบี้ แชมป์เปี้ยน แอบิวลิต้า แชมป์เปี้ยน ไดมอน จิม คลิมมอนด์ ซีบอย(ชนะ2ครั้ง) นิกเกอร์ โทบี้ ซุปเปอร์ จีแนท รีดฮอท ( ชนะ7ครั้ง ซึ่งเป็นลูกของ สเตรป แชมป์เปี้ยน รูบี้ ) แบลคกี้ และ ฮิวส์ เกเตอร์ เป็นต้น นี่ก็เป็นเพียงแค่ผลงานบางส่วนที่ลูก ๆ ของ ซีโบได้ ประสบความสำเร็จ

  • ซีโบ เป็นพ่อพันธุ์ที่ดีเยี่ยมพอๆ กับพิทบูลด๊อก พ่อพันธุ์ชั้นดี อย่างเช่น ด๊อก แชมป์เปี้ยน โม ซึ่งเป็น แชมป์เปี้ยน ผู้ยิ่งใหญ่ โดยที่แชมป์เปี้ยนโม สามารถพิชิตแชมป์เปี้ยนฟาร์โก้ และบาสเก็ทซึ่งเป็นน้องชายของมัน จนกระทั่ง โม ไ ปพ่าย แพ้ ให้กับ เรดบี แชมป์เปี้ยนชาร์ลี

    สาเหตุที่โมพ่ายแพ้เป็นเพราะว่าได้ทำการต่อ สู้ มามากเกินที่จะไปเอาชนะหมาหนุ่มอย่าง แชมป์เปี้ยนชาร์ลี ได้

    การผสมพันธุ์จนได้ ซีโบ และพี่น้องของมัน ซึ่งเป็นสิ่งที่โดดเด่นมากที่นาน ๆ จะเกิดขึ้นสักครั้ง มัน เป็นการผสมข้ามสายระหว่าง ดีโบ้ (ชนะมาแล้วถึงสามครั้ง และมันเองก็ยังเป็นROM) ซึ่งเป็น โอล แฟมิลลี่ เรด เรด โนส กับสายของ โคลบี้ ซึ่งอธิบายว่าทำไมพี่น้องในคอกเดียวกันกับ ซีโบ จึงมีสีแดง จมูกแดง (red/red nose) แต่หมาดำตัวนี้เกิดมาได้ยังไง??? ทำให้หลายคนเกิดความสงสัย ว่า ซีโบ ไม่ได้เกิดมา พร้อมกับพิทบูลด๊อกตัวอื่นในคอกนี้อย่าง ที่ปรากฎ อย่างแรกมิสเตอร์ฮิวจส์ซื้อ ซีโบ มาจากลอนโซโดยที่ไม่มีเอกสารใด ๆ บางคนกล่าวว่ามิสเตอร์ฮิวจส์อาจขายหมาอย่าง ซีโบ ไปหลายตัวแล้วก็ได้ หลายคนว่า ซีโบ เป็นพี่น้องกับคู่ของหมาดังอย่างเช่น อีลาย จูเนียส์ และ บูลลีซัน ( ทั้งสองตัวนี้เป็นลูกที่เกิดจาก บูโด อีลาย กับ บูโด สปู๊ก ซึ่งทั้งคู่จะเป็นพิทบูลด๊อกที่มีสีดำ ) อย่างไรก็ ตาม ลอนโซ่ แอนดี้ ซึ่งเป็นพ่อของ ซีโบ ก็เป็นหมาสีดำสนิทเหมือนกัน และ ซีโบ ก็ให้แต่ลูกที่เป็นพิทบูลซึ่งมีสีดำทั้งนั้น ไม่ว่าจะผสมกับตัวเมียหลายตัวที่เป็นสีอื่นที่แตกต่างจากมัน นี่เป็นสิ่งที่ยังคงเป็นคำถามที่ติดค้างในใจของผู้คน อีก มากมาย