ยินดีต้อนรับครับ

ขอแนะนำให้ทุกท่าน สมัครสมาชิก เพื่อป้องกันการแอบอ้างชื่อครับ

Mark Mafia

ห้องตะลุมบอล สำหรับคนเก็บกด
  • และระหว่างวันที่ 10-12 พฤศจิกายน 2546 ผู้ถูกกล่าวหาอนุมัติให้ผู้คัดค้านที่ 2 ร่วมเดินทางเป็นคณะเดินทางในการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ระหว่างกัมพูชา-ลาว-พม่า และไทย ที่กรุงย่างกุ้งและเมืองพุกาม โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทไทยคม 8 คน และบริษัท เอไอเอส 2 คน เข้าสาธิตระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่จีเอสเอ็ม ผ่านดาวเทียม ก่อนการประชุมด้วย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหภาพพม่าต้องการให้มีความช่วยเหลือด้านโทรคมนาคมกับประเทศไทย แต่นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่เห็นด้วย เนื่องจากนายกรัฐมนตรีของไทยมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นเจ้าของกิจการโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในปฏิญญาพุกามจึงไม่มีความร่วมมือด้านโทรคมนาคม

    ระหว่างนั้น นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ได้หารือกับผู้ถูกกล่าวหาแล้ว นายสุรเกียรติแจ้งรัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพพม่า ว่าไม่ขัดข้องที่จะให้สหภาพพม่ากู้เงิน 3,000 ล้านบาท

    หลังจากประชุมผู้นำที่กรุงย่างกุ้ง และเมืองพุกาม สหภาพพม่ามีหนังสือลงวันที่ 8 มกราคม 2547 ถึงสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำสหภาพพม่า เสนอโครงการพัฒนาระบบโทรคมนาคมในเขตชนบทและพื้นที่ห่างไกล ของกระทรวงการสื่อสารพม่า และขอรับความช่วยเหลือจากไทยมูลค่า 24,050,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดยแจ้งว่าผู้ถูกกล่าวหาพร้อมให้การสนับสนุน ซึ่งคณะเจ้าหน้าที่ของบริษัทไทยคมได้เข้าพบเอกอัครราชทูตไทย และผู้อำนวยการกองเอเชียตะวันออก 2 กรมเอเชียตะวันออก กระทรวงการต่างประเทศ แจ้งดำเนินการธุรกิจตามโครงการดังกล่าวของสหภาพพม่าด้วย

    ต่อมาฝ่ายพม่ามีหนังสือลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2547 ขอเพิ่มวงเงินกู้สินเชื่อจาก 3,000 ล้านบาท เป็น 5,000 ล้านบาท และมีหนังสือลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2547 ติดตามผล รวมทั้งขอลดดอกเบี้ย

    ผู้ถูกกล่าวหาสั่งการต่อนายสุรเกียรติ์ว่า ให้เพิ่มวงเงินกู้เป็น 4,000 ล้านบาท ซึ่งนายสุรเกียรติ์ได้มีหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศสหภาพพม่า แจ้งให้ทราบว่าประเทศไทยพร้อมจะเพิ่มวงเงินกู้จาก 3,000 ล้านบาท เป็น 4,000 ล้านบาท โดยจะให้การอุดหนุนในส่วนอัตราดอกเบี้ยด้วย และกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือถึงกรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย แจ้งเรื่องที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ขัดข้องที่จะให้เงินกู้สกุลบาทแก่สหภาพพม่า ในลักษณะเครดิตไลน์ ตามที่สหภาพพม่าขอ ในวงเงินกู้เพิ่มเป็น 4,000 ล้านบาท โดยลดอัตราดอกเบี้ยจากร้อยละ 5.75 เป็นร้อยละ 3 ต่อปี ตลอดการชำระหนี้การจ่ายเงินต้น 2 ปี คณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย อนุมัติวงเงิน 4,000 ล้านบาท แก่สหภาพพม่าตามเงื่อนไขดังกล่าว เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2547

    แต่ต่อมาฝ่ายรัฐบาลสหภาพพม่าได้ขอปลอดการชำระหนี้การจ่ายเงินต้นเป็น 5 ปี ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาก็เห็นชอบ คณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย จึงมีมติเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2547 เปลี่ยนแปลงรายละเอียดเป็นระยะเวลากู้ 12 ปี โดย 5 ปีแรกชำระเฉพาะดอกเบี้ย สำหรับ 7 ปีที่เหลือ ชำระต้นเงินและดอกเบี้ย โดยการอนุมัติวงเงินกู้สินเชื่อมูลค่า 4,000 ล้านบาท ตามเงื่อนไขดังกล่าว เป็นการดำเนินการตามการบริหารสั่งการของผู้ถูกกล่าวหา เป็นการให้เงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าต้นทุน ไม่ใช่วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งธนาคาร ตาม พ.ร.บ.ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย พ.ศ.2536 ธนาคารฯ จึงขอคุ้มครองความเสียหาย ตามมาตรา 23 แห่ง พ.ร.บ.ดังกล่าว ซึ่งคณะรัฐมนตรีที่มีผู้ถูกกล่าวหาเข้าร่วมประชุมด้วย มีมติเห็นชอบให้กระทรวงการคลังจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีชดเชยแก่ธนาคาร ตามจำนวนที่เสียหาย และให้ชดเชยส่วนต่างดอกเบี้ยตามที่ได้รับจากรัฐบาลสหภาพพม่า ร้อยละ 3 ต่อปี กับต้นทุนดอกเบี้ยของธนาคาร แต่ไม่รวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ
  • หลังจากนั้น ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ได้ลงนามสัญญากู้เพื่อการส่งออกกับธนาคารการค้าต่างประเทศแห่งสหภาพพม่า (ผู้กู้) เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2547 ซึ่งประมาณความเสียหายจากดอกเบี้ยส่วนต่างที่จะต้องขอชดเชยจากงบประมาณรายจ่ายตั้งแต่ปีงบประมาณ 2548 ถึงปี 2549 เป็นเวลา 12 ปี เป็นเงิน 670,436,201 บาทเศษ และงบประมาณชดเชยความเสียหายในปีงบประมาณ 2549 และปี 2550 จำนวน 140,349,600 บาท หลังจากมีการลงนามในสัญญากู้การให้สินเชื่อเพื่อการส่งออกดังกล่าวแล้ว ธนาคารการค้าต่างประเทศแห่งสหภาพพม่า ได้ยื่นคำขอให้อนุมัติสัญญาจัดซื้อจัดจ้างระหว่างบริษัทไทยคม กับกระทรวงสื่อสารสหภาพพม่า เพื่อส่งมอบอุปกรณ์ไอพีสตาร์ และอุปกรณ์ต่อพ่วงที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริการโทรศัพท์ทางไกลชนบท จำนวน 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ได้เห็นชอบตามสัญญาดังกล่าว และได้จ่ายเงินกู้โดยตรงให้แก่บริษัทไทยคม กับบริษัท ฮาตาริ ที่ได้รับโอนสิทธิบางส่วน รวมเป็นเงิน 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยจ่ายเป็นเงินบาทจำนวนทั้งสิ้น 593,492,815 บาทเศษ ครบถ้วนแล้ว เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2549 ในระหว่างนั้น บริษัทไทยคม มีบริษัทชินคอร์ป เป็นผู้ถือหุ้นจำนวน 222,435,467 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 51.48 ของหุ้นทั้งหมด

    ผู้ถูกกล่าวหาในขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา และเป็นเจ้าพนักงานซึ่งมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ได้กระทำการในการบริหารราชการแผ่นดิน ดำเนินนโยบายต่างประเทศเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทไทยคม ที่ผู้ถูกกล่าวหาและครอบครัวชินวัตร กับพวก มีผลประโยชน์ ให้ได้รับงานจ้างในการพัฒนาระบบโทรคมนาคม จากรัฐบาลสหภาพพม่า โดยใช้เงินกู้สินเชื่อดังกล่าว เป็นเหตุให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลัง ได้รับความเสียหาย

    การที่ผู้ถูกกล่าวหาและคู่สมรสยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงในหุ้นบริษัทชินคอร์ป จำนวน 1,419,490,150 หุ้น คิดเป็นจำนวนกว่าร้อยละ 48 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่จำหน่ายได้ ในระหว่างที่ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตลอดมา โดยใช้ชื่อผู้คัดค้านที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 และบริษัทแอมเพิลริช เป็นผู้ถือหุ้นแทน และได้ปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่สั่งการ มอบนโยบายร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ และหน่วยงานของรัฐ ภายใต้การบังคับบัญชา หรือกำกับดูแล ของผู้ถูกกล่าวหา กระทำการอันเป็นการเอื้อประโยชน์แก่บริษัทชินคอร์ป และบริษัทในเครือทั้ง 5 กรณีดังกล่าว และตาม พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 มาตรา 8 วรรค 3(1) ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมต้องไม่ใช่คนต่างด้าว และต้องมีสัดส่วนการถือหุ้นของบุคคลผู้มีสัญชาติไทย ไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของทุนทั้งหมดในนิติบุคคลนั้น รวมทั้งต้องมีกรรมการไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนกรรมการทั้งหมด และผู้มีอำนาจกระทำการผูกพันนิติบุคคลนั้น ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย

    ผู้ถือหุ้นในนิติบุคคลดังกล่าวจะเป็นบุคคลต่างด้าวได้ไม่เกินร้อยละ 25 แต่ผู้ถูกกล่าวหาในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้เสนอแก้ไข พ.ร.บ.ดังกล่าว จนผ่านการเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา และออกเป็น พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม ฉบับที่ 2 พ.ศ.2549 แก้ไขมาตรา 8 วรรค 3(1) แห่ง พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 เป็นผลให้บริษัทชินคอร์ปซึ่งประกอบธุรกิจโทรคมนาคม สามารถมีผู้ถือหุ้นที่เป็นบุคคลต่างด้าวได้ถึงไม่เกินร้อยละ 50 โดย พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม ฉบับที่ 2 พ.ศ.2549 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2549 มีผลใช้บังคับในวันเสาร์ที่ 21 มกราคม 2549 ปรากฏว่า ในวันที่ 23 มกราคม 2549 ได้มีการขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ป จำนวน 1,419,490,150 หุ้น คิดเป็นจำนวนกว่าร้อยละ 48 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่จำหน่ายได้ ที่ผู้ถูกกล่าวหาและคู่สมรสยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง โดยใช้ชื่อผู้คัดค้านที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และ ที่ 5 เป็นผู้ถือหุ้นแทนให้กับกลุ่มเทมาเส็ก ของประเทศสิงคโปร์ โดยมีบริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้ง จำกัด และบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งเป็นนิติบุคคลต่างด้าว เป็นผู้ซื้อ เป็นจำนวนเงินสุทธิหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วรวม 6,9722 ล้านบาทเศษ และในระหว่างปี 2546 - 2548 บริษัท ชินคอร์ป ได้จ่ายเงินปันผลตามหุ้นจำนวนดังกล่าว รวมแล้วเป็นเงินทั้งหมด 6,898 ล้านบาทเศษ รวมเป็นเงินที่ได้รับเนื่องจากหุ้นดังกล่าว ทั้งหมด 76,621 ล้านบาทเศษ
  • ?คำต่อคำ? พิพากษายึดทรัพย์เงินปล้นชาติ 46,373 ล้าน! (ตอน 2)

    ?คำต่อคำ? พิพากษายึดทรัพย์เงินปล้นชาติ 46,373 ล้าน! (ตอน 3)

    ?คำต่อคำ? พิพากษายึดทรัพย์เงินปล้นชาติ 46,373 ล้าน! (ตอน 4)

    ?คำต่อคำ? พิพากษายึดทรัพย์เงินปล้นชาติ 46,373 ล้าน! (ตอน 5)

    ?คำต่อคำ? พิพากษายึดทรัพย์เงินปล้นชาติ 46,373 ล้าน! (ตอน 6-จบ)
  • สำหรับผู้พิสมัยการกินเนื้อ ลองนึกภาพของ"เนื้อวัว" สีแดงกำลังถูกย่างอยู่บนเตาถ่านร้อนๆ พร้อมกับส่งกลิ่นเนื้ออันหอมฉุยโชยเข้าจมูก โอ้ย!! มันช่างเป็นภาพที่นึกแล้วชวนให้น้ำลายสอปากยิ่งนัก

    เอาล่ะอย่ามามัวแต่นึกมโนภาพให้น้ำลายไหลยืดกันมากไปกว่านี้เลย เอาเป็นว่าในมื้อนี้ "ตระเวนกิน" ขอเอาใจคอคนรักเนื้อทั้งหลายเป็นพิเศษ ด้วยการพาไปกินเนื้อปิ้งๆ ย่างๆ กันที่ร้าน "เตาถ่าน Yakiniku Paradise" ซึ่งเป็นร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นผสมกับเกาหลีที่เน้นเนื้อย่างเป็นพิเศษ มีคอนเซ็ปของร้านว่า"สวรรค์ของคนรักเนื้อย่าง" ซึ่งทางร้านได้คัดสรรเนื้อวัวของไทยเกรดระดับพรีเมี่ยม และใส่ใจเรื่องความสดเป็นอย่างมาก เพื่อให้คนรักเนื้อได้ลิ้มรสชาติเนื้อวัวที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพที่ดี



    เต็มอิ่มกับชุดบุฟเฟต์


    และนอกจากเนื้อวัวที่ต้องเลือกเฟ้นมาเป็นอย่างดีแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ทางร้านใส่ใจไม่แพ้กันก็คือ เรื่องของเตาที่ทางร้านสั่งทำเตามาเป็นพิเศษ ใช้ถ่านที่จากกะลาอัดแท่งเป็นเชื้อเพลิง ให้ความร้อนนานสม่ำเสมอ มีควันน้อยและตัวเตามีระบบดูดควันอยู่ในตัว อีกทั้งยังใช้กระทะTeflon ในการปิ้งย่างทำให้เนื้อไม่ติดเหมือนกับการย่างบนตะแกรง และเนื้อสุกไวกว่า อีกทั้งไม่ต้องคอยเปลี่ยนตะแกรงบ่อยๆ

    หากมากินเนื้อย่างที่ร้านเตาถ่านนี้แล้วอยากจะกินแบบอิ่มจุใจ ขอแนะนำว่าให้เลือกกินเป็นแบบบุฟเฟต์ ราคาเพียง 389 บาทต่อคน (ไม่รวมเครื่องดื่ม) และสามารถกินได้นานถึง 2 ชม.

    สำหรับในรายการบุฟเฟต์ของที่นี่จะมีเนื้อวัวถึง 4 แบบให้ได้เลือกลิ้มรสกัน มีเนื้อลาย เป็นเนื้อส่วนน่องสไลด์เป็นชิ้นบางๆ ราดด้วยน้ำซอสสำหรับราดเนื้อเป็นพิเศษ เนื้อลายนี้เคี้ยวนุ่มหนึบหนับปาก

    เนื้อตัวที่สองคือ เนื้อสัน เป็นส่วนของเนื้อวัวล้วนๆ ที่เรียกว่าเนื้อลูกมะพร้าว ซึ่งมีความนุ่มมากๆ ทางร้านสไลด์มาเป็นชิ้นบางๆ เช่นกัน และราดด้วยน้ำซอสราดเนื้อสูตรพิเศษ ลิ้มรสสัมผัสได้ถึงความนุ่มของเนื้อที่เคี้ยวนิ่มและหวานรสเนื้อได้ใจ



    สารพัดเนื้อคุณภาพ


    ถัดมาเป็นเนื้อติดมัน ซึ่งทางร้านเลือกเนื้อเสือร้องไห้ ก็คือบริเวณส่วนอกที่อ่อนนุ่มมีมันปนเล็กน้อย สไลด์มาเป็นชิ้นบางๆ เหมือนกันและราดด้วยซอสสูตรเด็ด กินล้วนโดนใจปากตรงที่เนื้อหวานเคี้ยวนุ่มหนึบปากติดมันนิดๆ

    เนื้อตัวสุดท้ายคือ เนื้อหนอก ลักษณะของเนื้อเหมือนเนื้อติดมันบวกกับเนื้อลาย สไลด์มาเป็นชิ้นบางๆ ราดด้วยซอสสำหรับเนื้อโดยเฉพาะ กินแล้วสัมผัสได้ถึงความนุ่มของเนื้อ เคี้ยวแล้วมีความกรุบนิดๆ ของเนื้อที่ดี

    นั่นคือเนื้อทั้ง 4 ตัวที่มีอยู่ในรายการบุฟเฟต์ และใช่ว่าจะมีแต่เนื้อวัวเท่านั้น ยังมีหมูสันคอและหมูติดมัน แล่มาเป็นชิ้นพอดีคำราดด้วยน้ำซอสสูตรเด็ดของทางร้าน ย่างเนื้อหมูบนเตาร้อนๆ กินแล้วหมูเคี้ยวนุ่มหวานปาก



    ปิ้งๆ ย่างๆ บนเตาถ่านร้อนๆ


    เนื้อไก่นุ่มๆ ก็มีซึ่งทางร้านเลือกเนื้อไก่ส่วนสะโพก แล้วยังมีปลาโดริ เป็นปลาน้ำจืดจากเวียดนามมาให้ย่างกินแบบเนื้อนุ่มหวาน หมึกก็มีเช่นกัน เป็นหมึกกล้วยเนื้อขาวย่างแล้วน่ากิน และก็ยังมีเห็ดออรินจิ มีชุดผักสำหรับย่าง และมีชุดผักสดที่มีผักกาดหอม ผักกาดขาว แตงกวา มาพร้อมกับน้ำจิ้มซันซูมิโซะให้ห่อกินกับเนื้อย่างสไตล์แบบเกาหลี

    ยังไม่หมดในรายการบุฟเฟต์ยังมี กิมจิ ซุปสาหร่าย ผักยำน้ำมันงา ไข่ตุ๋น ข้าวญี่ปุ่น ข้าวกระเทียม มาให้กินแบบอิ่มสุดๆ กันไปเลย ซึ่งในรายการบุฟเฟต์ทั้งหมดนี้สามารถเลือกสั่งมากินได้แบบตามใจชอบ แหม!!เกือบลืมบอกไปว่าที่นี่น้ำจิ้มรสเด็ดถึง 3 แบบด้วยกันที่จะจิ้มกินกับเนื้อ คือ น้ำจิ้มตัวแรก เป็นน้ำจิ้มตัวเด่นสูตรเด็ดโดยเฉพาะที่ทางร้านทำเอง จิ้มกินกับเนื้อได้รสชาติหวานๆ เค็มๆ แถมมีกลิ่นหอมของผลไม้ และน้ำจิ้มอีก 2 ตัวคือ น้ำจิ้มซันชูมิโซะและพริกเกาหลี



    เนื้อใบบัว


    และนั่นก็คือรายการบุฟเฟต์ที่มีให้กินแบบอิ่มสาสมใจปาก แต่ว่าก็ขอบอกว่ายังมีเมนูเนื้อเด่นๆ อย่างอื่นที่มีให้เลือกสั่งมาเป็นจานๆ ที่ชวนกินอีก ไม่ว่าจะเป็น เนื้อใบบัว (200 บาท) เป็นเนื้อมีมันแทรกและมีลายสวย ย่างกินแล้วถูกปากมากเพราะเนื้อสดเคี้ยวนุ่มหวานปาก



    เนื้อลูกเต๋า


    เนื้อลูกเต๋า (240 บาท) เป็นเนื้อนุ่มชิ้นหนาหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋า คลุกเคล้าด้วยเครื่องปรุง เสิร์ฟพร้อมน้ำมะนาวสด ย่างเนื้อลูกเต๋าให้แค่พอสุก จิ้มกับน้ำมะนาวแล้วส่งเข้าปากเคี้ยวแล้วสัมผัสได้ถึงความนุ่มหนึบของเนื้อรสดี



    ยำเนื้อญี่ปุ่น


    ลิ้นวัว (240 บาท) เป็นลิ้นวัวสไลด์บางๆ เสิร์ฟมากับน้ำมะนาสด เวลากินย่างลิ้นวัวแค่พอสุก แล้วจิ้มน้ำมะนาว เอาเข้าปากเคี้ยวลิ้นวัวได้ความรู้สึกเด้งๆ กรึบๆ และยังมี ยำเนื้อญี่ปุ่น (120 บาท) เป็นเนื้อส่วนที่นุ่มเป็นพิเศษ นำมาหมักด้วยเครื่องเทศต่างๆ นำไปกริลล์บนกระทะให้พอสุกแค่ส่วนผิว สไลด์เป็นชิ้นพอคำ มีกระเทียมใส่มาด้านบน ส่วนด้านล่างเป็นหอมใหญ่ซอย แล้วราดด้วยน้ำยำสูตรพิเศษ เวลากินให้บีบมะนาวสดลงไปบนเนื้ออีกที แล้วคีบชิ้นเนื้อพร้อมกับกระเทียมและหอมใหญ่ ส่งเข้าปากเคี้ยวคำโตได้รสชาติเนื้อนุ่มๆ หวานฉ่ำปาก และได้รสเปรี้ยวของมะนาวที่เข้ากันดี



    เนื้อใบบัว


    นอกจากนี้หากใครอยากจะอิ่มอร่อยกับอาหารสไตล์ญี่ปุ่นและเกาหลี ก็มีเมนูเด็ดที่ชวนกิน อาทิ ข้าวหน้าซี่โครงตุ๋นเกาหลี (85 บาท) ข้าวหน้าเนื้อตุ๋น (95 บาท) ทงคัตซึ (100 บาท) ไก่คาราเหงะ (95 บาท) ข้าวหน้าปลาไหล (160 บาท) และอีกหลากหลายเมนูเด็ด ที่เอาเป็นว่าสาธยายก็คงไม่หมด ต้องชวนกันมาลองลิ้มกันด้วยตัวเองแล้วล่ะ ที่ร้าน"เตาถ่าน yakiniku paradise" แห่งนี้ ซึ่งทางร้านยินดีต้อนรับทุกคนเสมอ

    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    "เตาถ่าน yakiniku paradise" ตั้งอยู่ที่ 126/42 ถ.เอกมัย แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.การเดินทางนั่งรถไฟฟ้าลงที่สถานีเอกมัย แล้วเข้ามาในซ.เอกมัยระหว่างซ.เอกมัย12 และ 14 ร้านเตาถ่าตั้งอยู่ในโครงการปาร์คอเวนิวโฮมออฟฟิต มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน จุดสังเกตุอยู่ตรงข้ามกับร้านนั่งเล่น เปิดทุกวัน16.00-24.00 น. ถ้ามากินแนะนำว่าควรโทร.มาจองโต๊ะก่อนที่เบอร์ 0-2714-4534, 08-6616-6195 ทางร้านมีโปรโมชั่นวันจันทร์-ศุกร์ มาก่อน 17.00 น. สำหรับบุฟเฟต์ มา 4 จ่าย 3
  • เทรนด์ของตลาดน้ำยังคงแรงดีไม่มีตก ตลาดน้ำหลายๆ แห่งในเมืองไทยยังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ทั้งตลาดน้ำอัมพวา ตลาดน้ำดำเนินสะดวก หรือตลาดริมน้ำสามชุก เป็นต้น

    ส่วนในกรุงเทพฯเองก็มีตลาดน้ำหลายแห่งเช่นเดียวกัน ทั้งตลาดน้ำตลิ่งชันที่ฮอตฮิตติดลมบน ตลาดน้ำคลองลัดมะยมที่เป็นตลาดน้ำเล็กๆ แต่น่ารักเป็นกันเอง และในตอนนี้ในแถบย่านบางแคก็มีตลาดน้ำแห่งใหม่เกิดขึ้นแล้วด้วยเช่นกัน นั่นก็คือ "ตลาดน้ำวัดนิมมานรดี"



    หลวงพ่อเกศจำปาศรี


    ตลาดน้ำวัดนิมมานรดีนี้ถือว่าเป็นตลาด 5 แผ่นดิน เพราะมีอายุมาตั้งแต่สมัย รศ.102 เป็นตลาดโบราณมีการค้าขายทางน้ำริมคลองภาษีเจริญมากว่า 110 ปี ในตอนนี้ ชาวชุมชนริมน้ำก็ได้ร่วมกันจัดตั้งประชาคมตลาดน้ำวัดนิมมานรดี เพื่อฟื้นฟูบรรยากาศของตลาดน้ำขึ้นมาใหม่ โดยทางตลาดได้ดำเนินกิจกรรมการค้าให้เป็นไปตามสภาพวิถีถิ่นดั้งเดิม โดยมีทั้งการค้าขายอาหารการกิน การทำบุญไหว้พระ การพายเรือล่องคลอง

    วันนี้ที่ฉันได้มาเที่ยวตลาดน้ำวัดนิมมานฯ ฉันเริ่มต้นเส้นทางจาก "ตลาดบางแค" ริมถนนเพชรเกษมซึ่งอยู่ติดกับจากศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค หรือที่หลายคนเรียกสั้นๆว่า "บ้านบางแค" นั่นเอง จากตลาดบางแค เราเดินเลียบไปตามริมคลองราชมนตรี คลองเล็กๆ ที่ยังมีกลิ่นอายของตลาดการค้าในยุคอดีต สองฟากฝั่งของคลองราชมนตรีเป็นห้องแถวไม้ริมน้ำ มีเรือพายขายของและเรือพาหนะสัญจรไปมา และในห้องแถวนี้หลายๆร้านก็เปิดเป็นร้านอาหาร ร้านขายของเล่น ร้านขายยา ร้านตัดผมและร้านตัดเสื้อ เดินชมกันได้เพลินๆ



    เจ้าแม่กวนอิมและพระสังกัจจายน์ที่วัดนิมมานฯ


    ยังไม่ทันจะเหนื่อย เราก็เดินเลียบคลองมาถึง "วัดนิมมานรดี" กันจนได้ มารู้จักกับวัดนิมมานรดีกันก่อนดีกว่า วัดแห่งนี้เดิมชื่อว่า "วัดบางแค" สันนิษฐานว่าสร้างมาแต่ครั้งต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ช่วงสมัยรัชกาลที่ 2 และต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ก็ได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดครั้งใหญ่ โดยผู้ที่เป็นกำลังสำคัญสนับสนุนทุนทรัพย์ในการบูรณะก็คือ ขุนตาลวโนชากร (นิ่ม) และภรรยาชื่อดี ดังนั้นเมื่อบูรณะวัดเสร็จแล้วทางวัดจึงได้เปลี่ยนชื่อวัดเสียใหม่เพื่อเป็นอนุสรณ์สืบไป และได้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดนิมมานรดี" อันหมายถึงสวรรค์ชั้นที่ 5 และยังมีชื่อของผู้สร้างวัดอยู่ในนั้นด้วย



    เรือพายขายขนมถังแตกในคลองภาษีเจริญ


    ฉันเข้าไปกราบพระภายในพระอุโบสถ ที่ภายในประดิษฐาน "หลวงพ่อเกศจำปาศรี"พระพุทธรูปปางมารวิชัย สร้างด้วยโลหะทองเหลืองผสมลงรักปิดทอง พระพุทธรูปองค์นี้มีชื่อเลื่องลือในเรื่องของความศักดิ์สิทธิ์ โดยเมื่อปี 2508 ได้เกิดเหตุการณ์โบสถ์พังทลายลงมา แต่ปรากฏว่าองค์หลวงพ่อไม่ได้รับความเสียหายใดๆ อีกทั้งผู้คนยังนิยมมาบนบานศาลกล่าวต่อท่านให้ได้สิ่งที่หวัง และนิยมนำประทัดมาจุดถวายแก้บนด้วย นอกจากนั้นภายในวัดยังมีองค์เจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ และพระสังกัจจายน์ อยู่บริเวณด้านตรงข้ามกับอุโบสถ มีผู้คนนิยมมากราบไหว้ขอพรท่านเช่นกัน



    ผู้คนมาเดินเลือกซื้อของกินอร่อยๆ และชมบรรยากาศในตลาดริมน้ำวัดนิมมานฯ


    และบริเวณด้านหลังศาลเจ้าแม่กวนอิมนี่เอง เป็นที่ตั้งของตลาดน้ำวัดนิมมานรดี โดยจะมีคลองภาษีเจริญคั่นกลางระหว่างวัดและตลาด คลองสายนี้ก็เป็นคลองสำคัญคลองหนึ่งที่ขุดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 มีจุดเริ่มต้นที่บริเวณปากคลองบางกอกใหญ่และคลองบางขุนศรีมาบรรจบกัน ไปเชื่อมกับแม่น้ำท่าจีนที่ตำบลดอนไก่ดี จังหวัดสมุทรสาคร มีความยาวถึง 28 กิโลเมตร คลองสายนี้พระภาษีสมบัติบริบูรณ์ (ยิ้ม พิศลยบุตร) เจ้าภาษีฝิ่นเป็นแม่กองขุด และใช้เงินภาษีฝิ่นพระราชทานเป็นเงิน 112,000 บาท เมื่อขุดคลองเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 5 พระองค์จึงทรงพระราชทานนามให้ว่า "คลองภาษีเจริญ"



    เลือกซื้อเลือกชิมได้ตามชอบใจ


    เราต้องเดินข้ามสะพานปูนที่ชื่อสะพานราษฎร์ร่วมมิตรเจริญสุข ข้ามไปเที่ยวยังตลาดน้ำฝั่งตรงข้าม ลักษณะของตลาดน้ำวัดนิมมานรดีนี้ฉันขอเรียกว่าเป็นตลาดริมน้ำจะดีกว่า เพราะมีลักษณะเป็นห้องแถวไม้ริมน้ำ เชื่อมกันด้วยทางเดินหน้าบ้าน ซึ่งทางเดินนี้เองที่จะเต็มไปด้วยอาหารทั้งคาวหวาน ขนมของกินเล่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นขนมเบื้องญวนน่าอร่อย ห่อหมกมะพร้าวอ่อนรสชาติถึงเครื่อง ข้าวหมูแดงเจ้าเก่าแก่ กาแฟโบราณรสเข้ม บัวลอยหวานหอม และอีกสารพัดของกินที่มีให้เลือกสรรมากมายตามความชอบใจ นั่งกินไปชมบรรยากาศริมลำคลองไป เฮ้อ...แสนสบายใจ



    หลากหลายอาหารน่ากินในตลาดริมน้ำ


    เมื่อท้องอิ่มแล้วก็ได้เวลาเดินสำรวจตลาดกันแล้ว แม้จะมีอายุนับร้อยปี แต่ก็ได้รับการปรับปรุงมาโดยตลอดจนเป็นชุมชนที่น่าอยู่ไม่น้อย บ้านเรือนแถบนี้บ้างก็เปิดเป็นร้านตัดผม ร้านขายของชำ หรือร้านขายของเล่น บางหลังก็เป็นบ้านที่อยู่อาศัย และในอนาคตก็จะมีการสร้างพิพิธภัณฑ์เล็กๆ ที่เล่าเรื่องราวของคนในแถบวัดนิมมานรดีคลองภาษีเจริญนี้ด้วย ต้องรอชมกันต่อไป

    ส่วนบรรยากาศในลำคลอง แม้น้ำจะไม่ใสแจ๋วแต่ก็ไม่มีขยะลอยฟ่องให้รำคาญตา และในคลองแถบนี้ยังเป็นที่อยู่อาศัยของปลาสวายตัวใหญ่ๆ นับร้อยตัวที่นักท่องเที่ยวนิยมมาทำทานให้อาหารปลากันด้วย และในคลองแห่งนี้ก็มีชาวบ้านที่รับพายเรือท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวได้นั่งชมทิวทัศน์สองฟากฝั่งคลอง หรือใครจะนั่งไปไกลกว่านั้น เช่นไปไหว้พระที่วัดต่างๆ ในละแวกใกล้เคียงก็สามารถติดต่อกับนายท้ายเรือได้



    มีการจัดแสดงภาพถ่ายเก่าๆของคลองภาษีเจริญให้ชม
  • ตลาดน้ำวัดนิมมานรดีนี้เริ่มเปิดตัวเป็นที่รู้จักกันมาได้สักเดือนหนึ่งแล้ว และเริ่มมีผู้คนรู้จักตลาดน้ำแห่งนี้มากขึ้น โดยในวันเสาร์อาทิตย์ก็จะมีคนมาเที่ยวมาหาของกินอร่อยๆ กันหนาตา ซึ่งก็ถือว่าที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ในกรุงเทพฯที่น่าสนใจไม่น้อย ถ้ามีเวลาฉันก็อยากให้แวะมาเที่ยวมาชมกัน

    ขากลับฉันแวะที่บ้านบางแค เพื่อจองที่พักสำหรับตัวเองในบั้นปลายชีวิต เอ้ย!!! ไม่ใช่... แต่มาเพื่อแวะเยี่ยมเยียนผู้เฒ่าผู้แก่ที่บ้านพักคนชรา และยังได้ซื้อสินค้าหัตถกรรมฝีมือผู้สูงอายุบ้านบางแค ที่ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วยการประดิษฐ์งานฝีมือเล็กๆน้อยๆ มาวางขาย ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ประดิษฐ์ กระเป๋าผ้าใบเล็กๆ ลวดลายสวยๆ ถุงมือจับของร้อนหลากสีสัน ฯลฯ เลือกซื้อเพื่อช่วยอุดหนุนสินค้าของคุณตาคุณยาย หรือใครจะบริจาคเป็นตัวเงินก็สามารถทำได้เช่นกัน



    แวะบ้านบางแคเลือกซื้อสินค้าฝีมือคุณตาคุณยายกันก่อน


    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    "วัดนิมมานรดี" ตั้งอยู่เลขที่ 38 ถนนเพชรเกษม หมู่ 15 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร การเดินทาง จากถนนจรัญสนิทวงศ์ให้วิ่งมุ่งหน้ามายังแยกท่าพระ จากนั้นเลี้ยวขวาที่แยกท่าพระเพื่อเข้าสู่ถนนเพชรเกษม วิ่งตรงมาจนเลยซอยเพชรเกษม 39 ก็จะเจอกับบ้านบางแค และตลาดบางแค หากจะขับรถเข้ามาจอดที่วัดให้วิ่งเลยตลาดบางแคมาจนถึงสามแยกไฟแดงแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนบางแค แล้ววิ่งตามป้ายมาจนถึงตัววัด หรือหากนั่งรถประจำทางก็มีสาย 7, 80, 81, 84, 91, 157, 101, ปอ.9, ปอ.91 ลงที่ป้ายตลาดบางแค แล้วเดินเลียบคลองราชมนตรีมาจนถึงตัววัด ส่วน "ตลาดน้ำวัดนิมมานรดี" จะอยู่บริเวณด้านตรงข้ามกับวัด ริมคลองภาษีเจริญ สามารถมาท่องเที่ยวได้ในวันเสาร์-อาทิตย์ สอบถามรายละเอียดการท่องเที่ยวได้ที่ กองการท่องเที่ยวกรุงเทพมหานคร โทร.0-2225-7612 ถึง 4 ต่อ 213-216 หรือที่เขตภาษีเจริญ โทร.0-2413-0565
  • วัดเฉลิมพระเกียรติ" เมืองนนท์ งดงามริมน้ำเจ้าพระยา
    พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ไม่เพียงแต่จะมีพระปรีชาสามารถในเรื่องของการค้าขายจนได้รับพระฉายาว่า "เจ้าสัว" พระองค์ยังเป็นกษัตริย์ที่มีจิตใจฝักใฝ่ในพระพุทธศาสนา ในรัชกาลของพระองค์ได้ทรงสร้างและบูรณปฏิสังขรณ์วัดหลากหลายวัดด้วยกัน โดยวัดที่พระองค์ทรงสร้างหรือปฏิสังขรณ์นั้นก็จะมีเอกลักษณ์ตรงที่เป็นศิลปะแบบไทยผสมกับจีนซึ่งถือเป็นพระราชนิยมของพระองค์

    วันนี้ฉันได้ไปเยือนวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี ซึ่งถือเป็นวัดสุดท้ายที่รัชกาลที่ 3 ทรงสร้างขึ้นก่อนที่จะเสด็จสวรรคตไปในปี พ.ศ.2394 เป็นวัดที่มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่มากมาย นั่นก็คือ "วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร" วัดงามริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในจังหวัดนนทบุรี



    พระพุทธมหาโลกาภินันทปฏิมา พระประธานในพระอุโบสถ


    วัดเฉลิมพระเกียรตินี้เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้น ในพื้นที่ซึ่งเป็นนิวาสถานเดิมของพระอัยกา (ตา) พระอัยกี (ยาย) และพระราชมารดาของพระองค์ หรือเจ้าจอมมารดาเรียม ซึ่งภายหลังได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระศรีสุลาลัย โดยพระองค์ทรงเห็นว่าควรที่จะสถาปนาสถานที่แห่งนี้ขึ้นเป็นพระอารามหลวงสักแห่งหนึ่งเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติแก่บุคคลทั้งสามนั้น

    แต่เดิมบริเวณนี้เคยเป็นป้อมปราการเก่า ชื่อว่าป้อมทับทิม ใช้ในการสอดส่องป้องกันข้าศึกที่อาจจะรุกล้ำเข้ามาทางแม่น้ำ และเมื่อพระองค์มีพระราชประสงค์ในการสร้างวัด จึงโปรดเกล้าฯให้พระยาคลัง (ดิศ บุนนาค) ตำแหน่งที่สมุหพระกลาโหมเป็นแม่กองสร้างวัดขึ้น และโปรดให้สร้างป้อมปราการก่ออิฐถือปูน มีใบเสมาเป็นทำนองเดียวกันกับพระบรมมหาราชวังรอบวัดไว้เป็นอนุสรณ์ พร้อมทั้งพระราชทานนามวัดแห่งนี้ว่าวัดเฉลิมพระเกียรติ



    พระวิหารแห่งวัดเฉลิมพระเกียรติ


    เมื่อพระองค์จะเสด็จสวรรคต วัดเฉลิมพระเกียรตินี้ยังสร้างไม่เสร็จดี เพราะเมื่อในเวลานั้นพระองค์ยังได้ตรัสถึงวัดต่างๆ ที่ยังสร้างและบูรณปฏิสังขรณ์ค้างไว้ และขอให้ผู้ที่จะขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อจากพระองค์ได้ช่วยทนุบำรุงวัดที่ชำรุดและวัดที่ยังสร้างค้างอยู่นั้นให้เสร็จเรียบร้อยด้วย ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่4 เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติแล้ว พระองค์ก็ทรงรับเป็นพระราชภาระในการสร้างวัดเฉลิมพระเกียรติจนเสร็จเรียบร้อยในเวลาต่อมา

    ที่วัดแห่งนี้มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระอุโบสถ ที่รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทยผสมจีน ตามแบบพระราชนิยม หลังคาพระอุโบสถมุงด้วยกระเบื้องรางดินเผาทำเป็นลอนลูกฟูกแบบจีน หน้าบันประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสีสดจากประเทศจีน ประดับตกแต่งสีให้เป็นใบและดอกพุดตาน



    หน้าบันของพระวิหารที่ประดับด้วยเครื่องกระเบื้องลวดลายแบบจีน


    เมื่อเข้าไปด้านในจะได้พบกับ "พระพุทธมหาโลกาภินันทปฏิมา" พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หล่อด้วยทองแดง ซึ่งรัชกาลที่ 3 โปรดให้ขุดแร่ทองแดง ที่อำเภอจันทึก จังหวัดนครราชสีมา ได้แร่ทองแดงจำนวนมาก จึงโปรดให้หล่อพระพุทธรูปขนาดใหญ่เพื่อนำไปประดิษฐานเป็นพระประธานประจำในพระอุโบสถแห่งนี้ นอกจากนี้ บานประตู บานหน้าต่างพระอุโบสถยังเขียนลายรดน้ำปิดทอง ตราพระราชลัญจกรของรัชกาลที่ 3 และรูปกระต่ายภายในวงพระจันทร์เต็มดวง แต่ในตอนนี้อุโบสถกำลังซ่อมแซม อีกไม่นานคงจะแล้วเสร็จและงดงามเหมือนดังเดิม



    พระศิลาขาว ประดิษฐานอยู่ในพระวิหาร


    นอกจากพระอุโบสถแล้ว ก็ยังมีอาคารอีกสองหลังสร้างขนาบข้าง และมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมคล้ายกัน ทั้งหน้าบันที่มีศิลปะแบบไทยผสมจีน ต่างกันแต่เพียงขนาดของอาคาร นั่นก็คือพระวิหาร และการเปรียญหลวง ฉันเลือกเดินเข้าไปภายในพระวิหารก่อน เพื่อมากราบ "พระศิลาขาว" ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่รัชกาลที่ 4 โปรดให้อัญเชิญมาประดิษฐานในพระวิหาร จึงทำให้นิยมเรียกวิหารหลังนี้ว่าวิหารพระศิลาขาว พระองค์นี้ประดิษฐานอยู่ในบุษบกไม้สักลงรักปิดทองประดับกระจก มีลวดลายอ่อนช้อยสวยงาม ช่วยส่งเสริมให้องค์พระดูโดดเด่น ก่อนจะเดินไปยังการเปรียญหลวง ซึ่งภายในประดิษฐาน "พระพุทธปฏิมาชัยวัฒน์" เป็นพระประธาน จิตรกรรมฝาผนังภายในเขียนสีเป็นลายดอกไม้ร่วงสีอ่อนหวานเหมือนกับในพระวิหาร



    พระปฏิมาชัยวัฒน์ ในการเปรียญหลวง


    ส่วนบริเวณด้านหลังพระอุโบสถนั้น มองไปจะเห็นพระเจดีย์องค์สีขาวดูโดดเด่นอยู่เบื้องหลัง เป็นเจดีย์ทรงลังกา องค์เจดีย์เป็นรูปทรงกลมมีฐานแปดเหลี่ยมสองชั้น จากฐานถึงยอดมีความสูงประมาณ 45 เมตร ภายในบรรจุพระบรมธาตุ

    นอกจากในเขตพุทธาวาสแล้ว ส่วนของเขตสังฆาวาสก็ยังมีความน่าสนใจ เพราะเป็นหมู่กุฏิทรงไทย จำนวน 16 หลังด้วยกัน ซึ่งสร้างและจัดแผนผังอย่างมีระเบียบ เป็นเรือนไทยภาคกลางทรงมะนิลาใต้ถุนสูง มีความสวยงามบ่งบอกถึงความเป็นศิลปะไทยๆ แต่เนื่องจากบริเวณนี้เป็นเขตสังฆาวาส พวกเราซึ่งเป็นฆราวาสก็ควรต้องสงบสำรวมในการชมกันหน่อย
  • พระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ


    ชมภายในวัดจนทั่วแล้ว ลองเดินออกจากป้อมกำแพงวัดอีกครั้ง แล้วเดินเลียบแม่น้ำเจ้าพระยามาทางซ้ายมือ ก็จะได้พบกับพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวในท่าประทับยืนหันหน้าออกสู่แม่น้ำ ทางวัดจัดสร้างพระบรมรูปของพระองค์ขึ้นเพราะเป็นผู้ที่โปรดเกล้าฯให้สร้างวัดเฉลิมพระเกียรตินี้ขึ้น เมื่อฉันกราบสักการะท่านเสร็จแล้วจึงได้เดินไปอ่านคำจารึกด้านหลังพระบรมรูปที่จารึกไว้ว่า "พระมหากษัตริย์ผู้ทรงมีเชื้อสายฝ่ายสมเด็จพระบรมราชชนนีเป็นชาวเมืองนนทบุรี โดยสมเด็จพระศรีสุลาลัยทรงเป็นธิดาเจ้าเมืองนนทบุรีศรีมหาอุทยาน นนทบุรีนี้คือเมืองคู่พระบารมีแห่งพระองค์..."



    ป้อมและกำแพงวัดที่ดูคล้ายกำแพงของพระบรมมหาราชวัง


    เมื่อกราบสักการะพระบรมรูปแล้ว สิ่งสุดท้ายที่ฉันไม่อยากให้พลาดชมนั่นก็คือ "อุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก"สวนสาธารณะริมแม่น้ำซึ่งอยู่ติดกับวัด อุทยานแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เพื่อเป็นสถานที่รับรองพระราชอาคันตุกะ หรือแขกของรัฐบาลที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย รวมทั้งยังเป็นสถานที่ผักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายของประชาชน ซึ่งฉันเชื่อว่าต้องเป็นแหล่งพักผ่อนที่ดีแน่นอน เพราะภายในอุทยานนั้นตกแต่งอย่างงดงาม มีทั้งสระน้ำและต้นไม้ร่มรื่น อีกทั้งยังมีอาคารงดงามอย่าง "วิมานสราญนวมินทร์" เป็นอาคารพลับพลาโถงตั้งอยู่กลางสระน้ำ มีศาลาจตุรมุขงดงามสามหลังอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และยังเป็นศูนย์รวมพันธ์ไม้น้ำ ไม้ชายน้ำ พืชสวนชนิดต่างๆ ไว้บนเนื้อที่กว่า 100 ไร่



    ตุ๊กตาหินจีนก็มีให้เห็นในบริเวณวัด


    ในวันมาฆบูชาที่กำลังจะถึงนี้ (28 ก.พ.) ฉันก็อยากจะเชิญชวนทุกคนให้มาทำบุญตักบาตร ไหว้พระเวียนเทียน และชมสิ่งที่น่าสนใจภายในวัดเฉลิมพระเกียรติแห่งนี้ด้วยกัน



    วิมานสราญนวมินทร์ ในอุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก


    * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

    "วัดเฉลิมพระเกียรติ" ตั้งอยู่ที่ 86 หมู่ 3 ถนนท่าน้ำนนท์-วัดโบสถ์ดอนพรหม ตำบลบางศรีเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี การเดินทาง จากถนนนครอินทร์มุ่งหน้าสะพานพระราม 5 เมื่อวิ่งผ่านสี่แยกบางสีทอง(ถนนบางกรวย-ไทรน้อย) แล้วให้ชิดซ้ายเพื่อเข้าสู่ถนนท่าน้ำนนท์-วัดโบสถ์ แล้ววิ่งตรงไปตามทางเรื่อยๆ จนเจอโรงพยาบาลวัดเฉลิมพระเกียรติทางซ้ายมือ จากนั้นให้เลี้ยวขวาเข้าซอยวัดเฉลิมพระเกียรติ วิ่งไปจนถึงแม่น้ำเจ้าพระยาก็จะเจอวัด สำหรับพระวิหารและการเปรียญหลวงจะเปิดให้ชมเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์และวันสำคัญ สอบถามโทร.0-2881-6323, 0-2446-4035
  • ซื้อเรือเหาะมา ตั้งสเป็คเหาะสูง 3 กิโลเมตร แมร่งเหาะได้กิโลเดียว..(โดนสอยง่ายๆ)
    ซื้อเรือเหาะมา ตั้งสเป็คบรรทุกคน 3-4 คน แมร่งสรุปขึ้นได้คนเดียว..(เหงาชิปหาย)
    ส่งล่าช้าไป 6 เดือนแต่ไม่คิดค่าปรับ..(คนไทยน่า หยวนๆ)
    ส่งจากอเมริกามาถึงไทย อัดก๊าซเข้าไปรั่วแมร่ง 20 กว่าจุด..(เดือดร้อนช่างประยางจักรยาน)

    เดียวจับผ่าแบบ GT200 ซะนี่..!!

    โชคดีครับพี่น้องชาวไทย
  • ฮ่าๆๆๆ ไอ้ควายบิ๊กชิว โครงการที่มึงแพล่มมา ล้วนมาจากสมัยไอ้เหี้ยทักษิณทั้งนั้น
  • ไอ้หัวแบน หนวดจิ๋ม
  • วันนี้ (5 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บนแผงหนังสือทั่วไปได้มีการวางจำหน่ายนิตยสารเสียงทักษิณ (Voice of Taksin) ปีที่ 1 ฉบับที่ 16 ปักษ์แรก มีนาคม 2553 โดยบนปกมีข้อความระบุว่า ?ปิดหน้าปล้น แตกหัก? พร้อมทั้งลงภาพพญาครุฑถูกปิดหน้าด้วยรังผึ้ง ขณะที่บนโปรยด้านล่าง ระบุข้อความว่า ?โหด 6 ตุลาแห่งปี 53 ... บ้านจะดีต้องเริ่มที่พ่อ ... GT200 เครื่องจับแรงกดดันอนุพงษ์?

    ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า กองบรรณาธิการนิตยสารเสียงทักษิณมีความต้องการจะสื่ออะไรที่กระทบไปยังสถาบันเบื้องสูงหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภาพพญาครุฑถูกปิดหน้า เนื่องจาก ?พญาครุฑ? นั้นถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ของไทยที่มีมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยตราครุฑเป็นสัญลักษณ์แทนพระมหากษัตริย์ ดังที่ปรากฏอยู่ในดวงตราหรือพระราชลัญจกรประจำพระองค์ ประจำแผ่นดิน ประจำราชวงศ์ และประจำรัชกาล เป็นต้น

    ขณะที่ในปกหลังของหนังสือเสียงทักษิณฉบับล่าสุด ได้ขึ้นรูป พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีผู้โกงชาติและนักโทษหลบหนีโทษจำคุก 2 ปี พร้อมคำแปลโคลงศรีปราชญ์เป็นภาษาอังกฤษระบุว่า ?This land bears witness. We are student of great guru. We do wrong, we deserve punishment. We did not, but punished, may this sword be returned? ซึ่งแปลมาจากโคลงบทสุดท้ายของศรีปราชญ์ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวออกอากาศหลังได้รับทราบคำพิพากษายึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท เมื่อวันศุกร์ที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมาความว่า


    ธรณีนี่นี้ เป็นพยาน
    เราก็ศิษย์มีอาจารย์ หนึ่งบ้าง
    เราผิดท่านประหาร เราชอบ
    เราบ่ผิดท่านมล้าง ดาบนั้นคืนสนอง


    ข้อความหมิ่นศาลเต็มเล่ม

    เมื่อผู้สื่อข่าวพลิกมาชมในส่วนปกหน้าด้านในของนิตยสารเล่มดังกล่าว ก็ปรากฎภาพ ศาลพระภูมิที่ถูกประดับด้วยข้อความว่า ?ถิ่นกาขาว? เครื่องบินเด็กเล่น 1 ลำ ปืนกลปลอม 2 กระบอก และ ข้อความว่า ?ศาลสถิตอยุติธรรม ณ ทุ่งผีปอบ? โดยข้างล่างเป็นบนกวีแสดงความดูหมิ่นกระบวนการยุติธรรมของประเทศอย่างชัดเจน

    ขณะที่ในหน้าที่ 10 ก็ปรากฎข้อความว่า ?ตุลาการภิวัฒน์ ได้กลายเป็นตุลาการวิบัติไปแล้ว 'ศาล' ได้สูญเสียต้นทุนทางสังคมที่ประชาชนเคยเชื่อมั่นมาก่อนนับตั้งแต่ 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา การวินิจฉัยของตุลาการภิวัฒน์เพื่อเป็นเครื่องมือทำลายล้างทางการเมืองนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดวิกฤตการณ์การเมืองอย่างรอบด้านแล้ว ยังทำให้เกิดปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่แปลกประหลาดขึ้นมา เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 51 ในช่วงที่ศาลอาญามีคำพิพากษาคดีเลี่ยงภาษีหุ้นชินคอร์ปฯ จำคุก 'หญิงอ้อ-บรรณพจน์' 3 ปี นั้นมีผึ้งหลวงจำนวนมากมาทำรังปิดหน้าองค์ครุฑซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ของแผ่นดินสยาม ทำให้มีการตีความกันว่า การที่พญาผึ้งปิดหน้าองค์ครุฑ หมายถึงการที่ตุลาการได้ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือทางการเมืองให้กับระบอบอำมาตย์และแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนของบรรดาตุลาการ มากกว่าการทำหน้าที่ผดุงไว้ซึ่งความยุติธรรมในสังคม อันนำมาซึ่งการเสื่อมทรามในกระบวนการยุติธรรม ...? หนังสือเสียงทักษิณอ้าง

    บ้านจะดีต้องเริ่มที่ ?พ่อทักษิณ?

    ในส่วนของประโยคที่ว่า ?บ้านจะดี ต้องเริ่มที่พ่อ? ซึ่งระบุไว้บนปกหน้านั้น เมื่อผู้สื่อข่าวพลิกดูด้านในแล้วก็พบว่าไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับภาพบนปกเลย เพียงแต่ประโยคดังกล่าวเป็นชื่อบทความของ ดร.ชนาธิป ศิริปัญญาวงศ์ ในคอลัมน์ Family Secret ที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ชีวิตครอบครัว โดยตอนหนึ่งของบทความ ?บ้านจะดี ต้องเริ่มที่พ่อ? ดร.ชนาธิป ได้กล่าวไว้อย่างน่าสนใจว่า

    ?พ่อบางคนทำผิดซ้ำซาก บางทีไม่คิดด้วยซ้ำว่าที่ตัวเองทำนั้นผิด แต่ปากพร่ำสอนลูกว่าอย่าทำผิด เช่น ตัวเองสูบบุหรี่พ่นควันปุ๋ยๆ ต่อหน้าลูก แต่ปากพร่ำพูดว่า 'อย่าสูบบุหรี่นะลูก มันไม่ดี' พ่อบางคนใช้ทรัพย์สินเงินทองซื้อหาความสุขอย่างเกินขอบเขต แต่กลับบอกลูกว่า 'คนเราต้องประหยัดนะลูก อย่าใช้จ่ายเงินจนเกินตัว' พ่อบางคนร่ำรวยมั่งคั่งจากการทุจริตเบียดบังเงินทองคนอื่น ได้ทรัพย์สินเงินทองมาด้วยพฤติกรรมหลอกลวงปลิ้นปล้อน แต่กลับพร่ำสอนลูกว่า 'คนเราต้องทำงานหนัก ต้องเป็นคนดีของสังคม ต้องเสียสละเพื่อส่วนรวมนะลูก' ลูกที่พ่อพฤติกรรมอย่างนี้ก็ได้แต่หวานอมขมกลืน ก้าวเดินสู่โลกภายนอกได้ไม่สง่าผ่าเผย ??

    ทั้งนี้มิทราบว่า ดร.ชนาธิป คอลัมนิสต์ของนิตยสารเสียงทักษิณ เขียนบทความดังกล่าวโดยต้องการกล่าวกระทบกระเทียบไปถึง ครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ เพราะจากคำพิพากษาของศาลฎีกาเมื่อวันที่ 26 ก.พ. ระบุอย่างชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นพ่อที่ร่ำรวยมั่งคั่งจากการทุจริต คดโกงชาติ ทว่า เพียงไม่มีใครรู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งสอนบุตร-ธิดาทั้ง 3 คนของตัวเองว่าอะไรเท่านั้น
  • ผมว่ามันเกินไปแล้วนะ
    ใครๆก็เข้าใจว่าสัญลักษณ์ครุฑหมายถึงใคร
    แล้วไอ้ข้อความจากบทความอื่น เอามาแค่ "บ้านจะดีต้องเริ่มที่พ่อ" เนี่ย เอามาวางใต้ครุฑอีก
    เจตนามันชัดเจนมากอยู่แล้ว ต้องการให้เกิดความเข้าใจผิด และยุแยงสังคม
    ผมไม่เคยคอมเมนท์ข่าวการเมืองเลย แต่คราวนี้ไม่ไหวละ เกินจะทน
  • อ้าว..ไอ้สัมพเวสี แล้วเป็นโครงการยุคทักษิณ แล้วจะซื้อมาหาพ่อมรึงเหรอ ไอ้ควาย..
    แล้วสเป็คเค้ามีอยู่ดีๆแล้วพ่อมรึงก็เปลี่ยนสเป็คเอานั่น เอานี่ แล้วได้เหรี้ยอะไรมาหล่ะ ไอ้ควาย..!!
    แล้ว GT200 อ่ะใครซื้อวะ ไอ้ควาย..!!
  • ไอ้สัตว์มึงหมายความว่าไง
    ไฟล์แนบ
    553000003342604.jpg 70K
    553000003342601.jpg 75K
  • คิดยกตัวเองเทียบพระมหากษัตรย์นักรบของสยาม มึงเป็นใครไอ้กระเหรียง
    ไฟล์แนบ
    5530000033426042.jpg 70K
  • สู้
    ต่อ
    ไป
    ทัก
    กี้
    ไอ้
    หัว
    กะ
    ดอ.......งเต่า
  • เออ ห้องนี้เปิดให้ฟัดกันอยู่แล้ว ตามสบายเลย
  • ไอ้เหี้ยเอ้ยไม่กัดกันเศรษฐกิจแม่งก็แย่อยู่แล้วตลาดข้างนอกเงียบฉิบหาย กูไม่เชียร์แม่งทั้ง2ข้างอ่ะไอ่หน้าเหี้ย


    โกงกินทั้งคู่ขึ้นอยู่กับว่าใครถือช้อนซ่อมและมีด อย่าไปว่ามันเลยถ้าวันนี้กูได้ถือช้อนซ่อมและมีดกูก็เอาเหมือนกัน
  • ไอเหิ้ยเอ๊ย เคลียดชิพหายเงินไม่พอใช้
  • สัตว์เอ้ย...เมื่อไหร่เหล้า-บุหรี่ แมร่งจะลดราคาวะ แช่แฟ๊บ..!!

    เครียด...ชักว่าวดีกว่า เหลียงไปกะกรูป่ะ..??
  • CommentAuthorGhost CommentTime20 ชั่วโมงก่อน | March 5, 2010, 5:06 pm
    ไอ้หัวแบน หนวดจิ๋ม

    หน้าลาวด้วยหว่ะ กร๊ากกกกกๆๆๆ
  • สัมภเวสีพ่อมึงไงไอ้บิ๊กควาย

    เร่รอนไม่มีแผ่นดินอยู่
  • อืม~:m100:
  • มันส์ดีว่ะกระทู้นี้โอเพ่นไปเลย เฮ้ยบิ๊กชิวเพื่อนกูใครอย่าทะลึ่งแต่ใครด่ามันกูไม่เกี่ยวเป็นไงกูรักมึงมั้ยไอ้เห็บหมา555
    ไฟล์แนบ
    D1-0013.jpg 45K
  • หน้าเเม่งลาว แถมแต่งตัวลาวอีก ฮ่าๆๆๆไอ้โลนหม๋อยขึ้นปาก
  • *

    CommentAuthorbigchill
    * CommentTime22 ชั่วโมงก่อน | March 6, 2010, 12:48 pm


    สัตว์เอ้ย...เมื่อไหร่เหล้า-บุหรี่ แมร่งจะลดราคาวะ แช่แฟ๊บ..!!

    เครียด...ชักว่าวดีกว่า เหลียงไปกะกรูป่ะ..??
    ***********************************************************************************

    ก็มีคนแบบมึงนั้นแหละประเทศถึงไม่เจริญ คนเหี้ยไรวะหนักแผ่นดินฉิปหาย
  • ไม่ใช่หะมอยครับน้าผี ที่ขึ้นตรงปากมันคือขนตูดครับ 5555+++++
  • น้าผีตัวบนครับ ลองสังเกตุดีๆนะครับหม๋อยพึ่งโกนมากกว่าครับ
  • พระเสื้อแดงจะรวมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตร!! ?
    ไฟล์แนบ
    Image.jpg 58K
    3b050e9eea.jpg 86K
    %E0%.jpg 62K
  • เดียวนี้พระเสื้อแดงใช้สนตีนแทนตาลาปัตแล้วหรือหวะ กร๊ากกกกกกๆๆๆๆๆ
  • โคตรเท่ห์เลยหลังจากบวชเรียกมาหนึ่งพรรษาศรัทธากูก็เสื่อมล่ะ ยิ่งเห็นภาพนี้หมดศรัทธาไอ้พวกนี้กูไม่เรียกพระกูเรียกแพะไม่เกี่ยวกับการเมืองแค่ความเหมาะสม
  • ไอ้ควยหัวจะโล้นหนวดจะจิ๋มเค้าขอตังมึงมาทำรึงัยไอ้ควย
  • ไม่ได้ออกตัวแทนนะแต่หมั่นส้นตีนเสือกรัยกับชีวิตคนอื่น
    ตัวมึงเองทำตัวให้ดีเถอะไอ้สัด
  • เปลวแดดร้อนระอุของบ่ายวันที่ 6 มีนาคม กองปราบปราม ในวันหยุดทำการเงียบเหงาวังเวงกว่าปกติ มีเพียงเจ้าหน้าที่เวรไม่กี่นายคอยรักษาความปลอดภัยและพนักงานสอบสวนเวรไม่กี่นายในชุดไปรเวทนั่งเหงารอประชาชนผู้หมดที่พึ่งมาร้องทุกข์ ทันใดนั้น รถตู้โตโยต้าสีขาวซีด สภาพค่อนข้างเก่า ทะเบียนตรากงจักร 2481 วิ่งปุเลงๆฝ่าเปลวแดดร้อนของถนนพหลโยธินเข้ามาจอดเทียบบริเวณด้านหน้าตึกผู้บังคับบัญชากองปราบปราม

    สักครู่ปรากฏกายของชายชุดลายพรางเต็มยศ ร่างกายกำยำแม้ว่าวัยจะล่วงเลยมาจนใกล้เกษียณอยู่รอมร่อ เดินส่ายอาดๆพร้อมลูกน้องกลุ่มใหญ่ล้อมหน้าล้อมหลัง ? ขัตติยะ สวัสดิผล? ด้ายสีเงินปักชื่อบนอกด้านขวาของเขา สิบเวรรีบกุลีกุจอสอบถามถึงความประสงค์ เพราะทราบดีว่านี่คือ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก และนายทหารชื่อดังในทางลบมากกว่าบวก

    ?พี่นัดกับรองศานิตย์ไว้ จะมาถามถึงเรื่องคดีหน่อย? เสธ.คนดังกล่าวด้วยน้ำเสียงห้าวแต่แหบแห้ง

    ไม่รอช้าสิบเวรรีบเดินนำหน้าพาไปพบ พ.ต.อ.ศานิตย์ มหถาวร รองผู้บังคับการกองปราบปราม ที่นั่งรออยู่ในห้องทำงาน เขาเข้าไปพูดคุยกับ รองศานิตย์ เกือบชั่วโมงก็ลงมาเจอสื่อมวลชนหลายสำนักที่เพิ่งทราบข่าวการมาพบพนักงานสอบสวน หลังปิดข่าวจนเงียบและย่องมาในวันหยุดทำการ กองปราบปรามยามนี้คึกคักไปด้วยสื่อมวลชนอย่างทันทีทันใด

    ?ไม่มีอะไรพี่มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อถามคดี อาวุธปืนและอาวุธสงครามที่เจ้าหน้าที่ยึดได้ในบ้านพักซึ่งทราบว่าจะมีการสรุปสำนวนส่งฟ้องอัยการในวันที่ 8 มีนาคมนี้ โดย จะต้อง มาพบพนักงานสอบสวนในวันดังกล่าวเพื่อเดินทางพร้อมกับสำนวนไปรายงานตัวต่ออัยการ นอกจากนี้มาถามถึงคดีของ เคทอง ว่าจะมามอบตัวได้อย่างไร แต่ก็ยังไม่ชัดเจนเพราะพนักงานสอบสวนแจ้งว่าสำนวนยังส่งมาไม่ถึงกองปราบ ?

    นายพรวัฒน์ ทองธนบูรณ์ หรือ เคทอง คือลูกน้องคนสนิทของ พล.ต.ขัตติยะ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลใน 3 คดี คือ คดีทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวิธีอื่นใดเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร และขู่เข็ญให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจ และคดีนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ หลังเจ้าตัวจ้อผ่านแคมฟรอกซ์ว่าหลังวันที่ 26 กุมพาพันธุ์ จะเกิดเหตุวินาศกรรมในกรุงเทพฯขึ้น และแล้วก็เป็นไปตามนั้นเมื่อมือมืดโยนระเบิดใส่ ธนาคารกรุงเทพฯทั้งใน กทม.และปริมณฑล 5 จุด สร้างความตื่นตระหนกไปทั่ว

    เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งนครบาลและสอบสวนกลาง ต่างตามลากคอตัวเคทองกันให้ควัก แต่ก็ไร้วี่แววแต่อย่างใด มีเพียงข่าวลือข่าวอ้างว่าเคทอง หนีไปกบดานต่างประเทศแล้ว บ้างก็ว่าเคทองกบดานอยู่ที่อีสาน แต่ก็ไม่มีเจ้าหน้าที่หน่วยไหนตามหาเขาเจอเพราะทราบดีว่าเขาเป็นถึงบุคคลที่ เสธ.แดงให้ความเคารพ ถึงกับขั้นเรียกว่า"อาจารย์" ย่อมมีทางหนีทีไล่มากกว่าโจรห้าร้อยธรรมดา

    เสธ.แดงให้ความกระจ่างถึงเรื่องนี้ว่า ที่เรียกกันว่าอาจารย์เพราะเคทองเป็นหมอดูทำนายทายทักดวงเมือง และจัดรายการผ่านแคมฟรอกซ์ ส่วนเหตุปาระเบิดธนาคารกรุงเทพที่เกิดขึ้นนั้น พล.ต.ขัตติยะ ป้องลูกน้องคนสนิทว่า เคทองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด แต่ที่มีการพูดผ่านวิดีโอคลิปเกี่ยวกับเหตุระเบิดนั้นและเชื่อว่าเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า

    ?เคทองยังอยู่ในประเทศไม่ได้หลบหนีไปไหนหลังเสร็จคดีของผมจะพาเคทองมามอบตัวอย่างแน่นอน? เสธ.แดง กล่าวเปื้อนยิ้มด้วยอารมณ์ดี ก่อนโบกไม้โบกมือขอลานักข่าว เดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อขึ้นเครื่องไป อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เที่ยว 17.30 น. เวทีคนเสื้อแดงเหล่าสาวก ทักษิณ ชินวัตร รอเขาอยู่ที่นั่น

    ในขณะที่ พล.ต.ขัตติยะ กำลังให้สัมภาษณ์สื่ออย่างอารมณ์ดีอยู่นั้น ตำรวจกองปราบนอกเครื่องแบบ กำลังจับจ้องมองความเคลื่อนไวของพวกเขาตลอดเวลา โดยเฉพาะในรถตู้สีขาวตรากงจักร พบมีสิ่งผิดปกติหลายอย่างคือ มีการเปิดเครื่องรถยนต์ทิ้งไว้และแอร์คอนดิชั่น ทำงานตลอดเวลาตั้งแต่ที่มันมาจอด นอกจากนี้ภายในรถพบชายต้องสงสัย 2 ราย นั่งอยู่ไม่ยอมลงมาทั้งๆ ที่รถจอดกลางแดดเปรี้ยง อากาศร้อนตับแลบ

    เจ้าหน้าจึงรายงานความเคลื่อนไหวให้ พ.ต.อ.สานิตย์ ทราบ นอกจากนี้สายข่าวจากตำรวจสันติบาล แจ้งมาว่า เมื่อช่วงเช้าพบว่ารถตู้คันดังกล่าว ไปรับตัวเคทองมาจากต่างจังหวัด ก่อนขับไปโผล่ที่ สน.ลาดกระบัง เพื่อสอบถามในคดีเคทอง ครอบครองอาวุธปืน ที่ตำรวจลาดกระบังยึดได้ก่อนหน้านี้ ระหว่างนั้นกลุ่มของ เสธ.แดงได้เข้าไปข่มขู่ตำรวจโรงพักดังกล่าว โดยไม่มีใครกล้าต่อปากต่อคำกับเพราะรู้กิตติศัพท์ดีว่า เขาบ้าดีเดือดแค่ไหน ทำให้เขาย่ามใจพาเคทองมาลองของที่กองปราบปราม

    พ.ต.อ.ศานิตย์ พ.ต.ท.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ พ.ต.ท.อดินันท์ ชัยนันท์ รอง ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ธีรพัฒน์ ธารีไทย พ.ต.ต.จารุวัฒน์ พาหุมันโต สว.กก.1 บก.ป. พ.ต.ต.ต่อศักดิ์ พิทักษ์โกศล สว.กก.ปพ.บก.ป. พร้อมชุดสืบสวน กก.1 บก.ป. และหน่วยคอมมานโด 5 นาย ปรี่เข้าไปหา พล.ต.ขัตติยะ อีกครั้ง
  • ?พี่แดง ขออนุญาตตรวจสอบภายในรถตู้หน่อยครับ? รองฯ ศานิตย์ พูด
    ?ไม่มีอะไร ๆหรอกน้อง? พล.ต.ขัตติยะ เสียงเริ่มตะกุกตะกักขณะพูดกับนายตำรวจรุ่นน้อง

    จากนั้นกำลังตำรวจตรงเข้าไปเปิดประตูข้างด้านซ้ายรถตู้คันดังกล่าวก็พบชายสองคนนั่งอยู่ที่เบาะหลังสุดของรถ คนหนึ่งนั่งนิ่งๆ ส่วนชายอีกคนมีพิรุธลุกลี้ลุกลน ยกหนังสือพิมพ์ปิดใบหน้าแสร้งว่ากำลังอ่านข่าวอยู่ เมื่อขอดูหน้าก็คือ นายพรวัฒน์ ทองธนบูรณ์ หรือ เคทอง ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงที่หลายหน่วยงานต้องการตัวนั่นเอง เจ้าหน้าที่จึงเชิญลงมาสอบปากคำ พล.ต.ขัตติยะ ซึ่งเห็นเหตุการณ์ตลอดเวลาถึงกับหน้าถอดสีทันทีที่เคทองเดินออกมา แตกต่างกันลิบลับกับช่วงก่อนหน้านี้ที่ยังพูดจาหยอกล้อกับสื่อมวลชนอย่างสนุกสนาน

    ?สงสัยอาจารย์คงต้องนอนที่กองปราบเสียแล้ว? เสธ.แดงกล่าวยิ้มๆ ก่อนที่ทั้งสองขึ้นไปยังห้องประชุมชั้นสอง อาคารสำนักงานผู้บังคับบัญชา

    นี่คือการปรากฏกตัวเป็นครั้งแรกของ เจ้าของฉายาเคทอง ที่แท้แล้วเขาเป็นแค่คนธรรมดา ขอบตาช้ำเหมือนคนอมโรค ไม่ได้เป็นทหารอย่างที่หลายฝ่ายคาดไว้ แต่ชื่อของเขาสร้างความหวาดกลัวมานานตั้งแต่เหตุคนร้ายยิงเอ็ม 79 ใส่พันธมิตรฯ
    นายพรวัฒน์ บอกว่าเขาเป็นแค่นักจัดรายการโหราศาสตร์คู่การเมืองกับการทหาร วิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองผ่านทางแคมฟรอกซ์ ช่วงเวลา 22.00- 00.00 และ 01.00 -03.00 น. ซึ่งจัดมาได้ 3 ปีกว่าแล้ว โดย จะนำดวงเมืองมาช่วยวิเคราะห์ และจำลองภาพว่าจะเกิดอะไรขึ้นในทุกๆ 2 วัน ส่วนเหตุร้ายที่เกิดขึ้นนั้นยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด

    ต่อมา พ.ต.ท.อดินันท์ นำกำลังเข้าตรวจค้นคนเฝ้ารถของ พล.ต.ขัตติยะ แต่ถูกคนขับรถอ้างว่าเป็นอดีตทหารนาวิกโยธินขัดขวางพร้อมทั้งตะคอกว่า

    ?คุณไม่มีอำนาจตรวจค้น รู้ไหมผมผ่านมามากกว่าพวกคุณ? ชายผมทรงสกินเฮดกล่าวตะคอกพร้อมทั้งแสดงอาการไม่สบอารมณ์
    ?ใจเย็นๆก่อนผมก็ผ่านมาไม่น้อยกว่าคุณ ? พ.ต.ท.อดินันท์ กล่าว แต่ชายคนดังกล่าวยังดื้อดึง ทันใดนั้นเจ้าหน้าที่คอมมานโดและตำรวจนอกเครื่องแบบก็กรูกันเข้าไป
    ?อาศัยอำนาจตามกฏหมายผมขอตรวจค้นคุณ? เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปประชิดตัวชายคนดังกล่าว พร้อมตรวจค้นแต่ไม่พบสิ่งผิดกกหมายแต่อย่างใด ต่อมาเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นรถตู้คันดังกล่าวอีกครั้งกลับต้องตะลึงเมื่อ พบอาวุธปืนยี่ห้อบาร์เร็ทต้าขนาด 9 มม. จำนวน 1กระบอก ยี่ห้อคาร์ ขนาด 9มม. 1กระบอก ยี่ห้อ กล็อค ขนาด 9 มม.1กระบอก ยี่ห้อซีแซดขนาด 6.35 มม.1กระบอก กระสุนจำนวนมาก นอกจากนี้พบ มีดพก 2 เล่ม กระเป๋าหนังสีดำ 1 ใบ โน้ตบุ๊ค 1 เครื่อง และกล้องดิจิตอลอีก 1 เครื่อง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้ยึดอาวุธปืนกล็อคขนาด 9 มม.จากตัวการ์ด พล.ต.ขัตติยะ พร้อมกระสุนอีก 1 กระบอก

    ระหว่างนั้น พล.ต.ขัตติยะ เดินทางมาดูอาวุธปืนที่เจ้าหน้าที่ยึดได้ในรถโดยบอกว่า ทั้งหมดเป็นของตนและเคทอง มีใบอนุญาตครองครองถูกต้องตามกฏหมายทุกกระบอก ส่วนใบพกพาไม่ต้องมีเพราะเป็นนายทหาร ทั้งนี้ อาวุธทั้งหมดเอาไว้ป้องกันตัวเพราะมีคนจ้องเล่นงานอยู่

    ต่อมา พล.ต.ขัตติยะ ได้ขออนุญาต พ.ต.อ.ศานิตย์ ว่าจะพารถตู้ออกไปเพื่อไปขึ้นเครื่องบินเพื่อไปต่างจังหวัดแต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตทำให้ พล.ต.ขัตติยะ เกิดอาการฉุนเฉียวและแสดงไม่พอใจออกมาทาง พ.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง สว.กก.ปพ.บก.ป.จึงนำตำรวจคอมมานโดอาวุธครบมือจำนวน 5นาย เข้าล้อมกรอบรถตู้คันดังกล่าวและห้ามใครเข้าใกล้หรือเคลื่อนย้ายอย่างเด็ดขาด

    ต่อมาตำรวจคอมมานโดพร้อมอาวุธครบมือควบคุมตัว เสธ.แดงและสมุนประกอบด้วย ว่าที่ ร.ต.สุรภัศ จันทิมา อายุ 27 ปี นายมงคล สารพัน อายุ 42 ปี นายจักรชลัส คงสุวรรณ อายุ 37 ปี นายเริงฤทธิ์ ตุ้มทองคำ นายจรัญ ลอยพูล นายสุวิทย์ คีรีรักษ์ ก่อนแจ้งข้อหาร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดหรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดอันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษโดยให้พำนักแก่ผู้นั้นโดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนเข้าไปในเมือง หมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ส่วนนายพรวัฒน์ถูกแจ้งข้อหาเพิ่มคือ มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนเข้าไปในเมือง หมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร

    หลังถูกตลบหลังจับกุมเคทองอย่างง่ายดายแล้ว เสธ.แดงยังถูกตั้งข้อหาช่วยเหลือผู้ต้องหาอีกคดี เขาให้สัมภาษณ์ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวว่า "ผมจะนำเคทองมามอบตัว แต่ถูกตำรวจปฏิเสธ แถมยังมาทำกับผมอย่างนี้อีก รู้สึกเสียใจมากที่ถูกทำเหมือนหมา" ซึ่งแย้งกับที่ รอง ศานิตย์ บอกว่า ที่ เสธ.แดงอ้างว่าพาเคทองเข้ามอบตัวนั้น ที่จริงเสธ.แดงมากองปราบปรามเนื่องจากมีคดีที่นี่หลายคดี ซึ่งได้พูดคุยซักถามถึงคดีต่างๆ โดยมี 1 คดีที่มีการนัดหมายมอบตัว โดยคดีเสร็จแล้วและกำลังจะส่งอัยการ จึงต้องมีการส่งตัวผู้ต้องหาด้วยจึงสามารถส่งชั้นศาลได้ ที่คุยกันนานกว่า 1 ชั่วโมงก็คุยกันดีไม่มีปัญหาอะไร แต่ขณะที่เสธ.แดงจะกลับก็มีสายลับแจ้งว่า เคทองอาจหลบอยู่ในรถตู้ของเสธ.แดง จึงขอตรวจค้น ซึ่งเสธ.แดงก็บอกว่าไม่มี แต่ตรวจสอบพบว่าเคทองหลบอยู่ที่เบาะด้านหลัง ลักษณะใช้หนังสือพิมพ์บังตัวเองอยู่ โดยนายเคทองมีความผิด 2 หมาย เกี่ยวกับ พรบ.อาวุธปืน และ พรบ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งเมื่อผู้ต้องหามีหมายจับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นใครก็สามารถจับกุมได้ทันทีหากพบตัว

    นี่คือจุดจบของ เคทอง ผู้ต้องหาด้านความมั่นคงคนสำคัญอันดับต้นๆของประเทศ ขณะที่เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานกำลังไล่ล่าเขาแทบพลิกแผ่นดิน แต่เขากลับมาตายน้ำตื้น ถูกจับง่ายดายภายในกองปราบปรามนี่เอง นอกจากนี้ ยังทำให้ลูกพี่อย่างเสธ.แดงพลอยซวยโดนข้อพาผู้ต้องหลบหนีเพิ่มอีกคดี
  • เอ่อผมว่า เรามาดูเรื่องนี้กันบ้างดีกว่า ใครจะมีอะไรให้คนแก่เลี้ยงชีพ ได้บ้าง รัฐบาลทำอะไรอยู่ ทุกยุคเลย

    ไม่ว่าจะเป็นยุคใคร ไม่เห็นทำอะไรเลย ช่วงนี้จับยาบ้ากันได้ทุกวันปล่อยกำลังระบาดหนัก เศรษฐกิจทรุด

    คนทำมาหากินไม่พอเลี้ยงครอบครัว เฮ้ออ..!!!
  • สุดสลด ชุดปปส.รวบยายวัย 80 ปี จำหน่ายยาบ้าเลี้ยงชีพ เผยลูกสาวไม่เลี้ยงแต่กลับส่งขายบ้าให้ขายเอากำไรเลี ้ยงชีพ วาระสุดท้ายคาดต้องตายในเรือนจำ

    (8มี.ค.) เรื่องสลดถูกเปิดเผยเมื่อเวลา 07.30 น. นายชายชาญ เอี่ยมเจริญ นายอำเภอสัตบ นาวาเอก สุรนันท์ แสงรัตนกูล หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์ต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด ฐานทัพเรือสัตบ ( หน.ชปพ.ศ.ตส.ฐท.สส.) นาวาโท ณัฎฐชัย วิจิตรพันธุ์ นายสุรเชษฐ์ แก้วคำ ปลัดอำเภอสัตบ พร้อมด้วยอาสาสมัครชุดป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ได้ร่วมกันวางแผนให้สายลับใช้ธนบัตรที่ลงบันทึกประจำ วันไว้เข้าทำการล่อซื้อยาบ้าจาก นางแหวน ศรีสุข อายุ 80 ปี บ้านเลขที่ 34/39 หมู่ที่ 2 ซอยธรรมวิทยา ต.สัตบ อ.สัตบ จำนวน 3 เม็ด ราคา 740 บาท

    เมื่อสายลับให้สัญญาณว่าสามารถซื้อยาบ้าได้ เจ้าหน้าที่ซึ่งซุ่มโปร่งอยู่โดยรอบได้เข้าทำการควบค ุมตัว และตรวจค้น พบธนบัตรที่สายลับใช้ในการล่อซื้อ พร้อมยาบ้าจำนวน 3 เม็ด จึงได้ตั้งข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่าย และตรวจค้น นางสาวสมพิศ ศรีสุข อายุ 39 ปี พบยาบ้า จำนวน 6 เม็ด ตั้งข้อหามียาบ้าไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และทำการจับกุมตัว นางสาว น้ำฝน สร้อยสุวรรณ หรือเปรี้ยว อายุ 27 ปี ที่เข้ามาซื้อยาบ้าเพื่อเสพด้วยอีกราย

    จากการสอบสวน นางแหวน หรือ แม่ย่าแหวน ซอยธรรมวิทยา ได้ให้การรับสารภาพว่า ได้ซื้อยาบ้ามา จาก นางสมพิศ ศรีสุข ลูกสาวในสายเลือด เม็ดละ 200 บาท มาขายให้ลูกค้าราคาเม็ดละ 250 บาท เมื่อขายหมดก็ต้องนำต้นทุนคืนลูกสาว ส่วนผลกำไรก็ต้องนำมาซื้ออาหาร จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ และใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

    โดยลูกสาวได้รับยาบ้ามา จาก นายแฉะ หรือ นายสุรพล พุทธรักษา อายุ 52 ปี ในราคาเม็ดละ 160 บาท เป็นผู้มีอิทธิพลไม่มีใครกล้าแตะต้อง และไม่มีใครกล้าเป็นสายลับล่อซื้อยาบ้า เพราะกลัวถูกฆ่าตาย มีบ้านอยู่ในซอยธรรมวิทยา มีหมายจับจากสถานีตำรวจพลูตาหลวง อำเภอสัตบ ขณะนี้อยู่ในระหว่างหลบหนี แต่ก็ยังนำยาบ้าเข้า มาส่งให้ลูกค้าในซอยธรรมวิทยา และพื้นที่สัตบโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย แถมเงินทุนหนาให้เครดิต ขายหมดแล้วถึงจะนำเงินต้นทุนส่งคืนให้พร้อมรับยาบ้าช ุดใหม่มาจำหน่ายต่อไป

    นางแหวน เปิดเผยว่า ในอดีตเมื่อปี 2537 เคยต้องโทษคดีมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำ 11 ปี 4 วัน ยอมรับว่า ชีวิตสุขสบาย มีหมอ มีคนคอยดูแล เพราะอายุมากที่สุดในเรือนจำ แต่พอออกมาใช้ชีวิตอยู่ในโลกภายนอกกับต้องพบกับความร ะทมทุกข์ ลูกทั้งหมด 17 คน และ หลาน ไม่มีใครดูแลเอาใจใส่ต้องเลี้ยงตัวเอง ดูแลตัวเอง จะซื้อยารักษาโรค ข้าว ก็ไม่มีเงิน

    จึงได้ตัดสินใจขอซื้อยาบ้าจาก ลูกสาวมาจำหน่ายให้ลูกค้า เพื่อหาผลกำไรมาซื้ออาหารหล่อเลี้ยงชีวิต ส่วนลูกสาวไปทำตลาดใหม่ ที่พัทยาเพราะมี นาย แฉะ เป็นนายทุนใหญ่ให้เครดิตก่อน พอถึงวันนี้ถูกจับอีกคงเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว นับต่อแต่นี้ไปก็คงรอวันตายอยู่ในเรือนจำอย่างแน่นอน
  • อ่ะมีคลิปให้ดูด้วย เข้าตามลิ้งครับ

    http://www.junjaowka.com/webboard/showthread.php?t=114110
  • ไม่รู้ทำไมตำรวจถึงเหมือน ภูมิใจยังไงไม่ทราบ ทำไมจับได้แค่ยาย ทั้งๆที่เค้าก็บอกหมดว่าได้มาจากใคร

    แล้วมาจับยายเนี่ย เค้าไม่มีคนเลี้ยงดู บั้นปลายชีวิตของคนแก่มีลูก 17 คนเหี้ยหมด เลี้ยงแม่คนเดียวไม่ได้

    แกรู้ว่าผิด แต่แกไม่มีเงินซื้อยามารักษาตัว ลูกไม่มีให้ แล้วทำไง แล้วจะทำยังไงวะ ไอ้พวกรัฐมนตรี รัฐบาล

    ทุกยุค แล้วจะให้เค้าทำยังไง ทำยังไงวะ แมร่งอยู่นานจนเขาจะงอกกันแล้วแต่ละตัว กี่ทีๆ ก็หน้าเดิม ทำส้นตีนอะไรไม่ได้เลย
  • http://pitbullzone.com/community/comments.php?DiscussionID=13515
    เออ นั้นผมขอโทดกูอาจใช้คำพูดรุนแรงไป
    พอดีหมาผมเงี่ยนๆ หรือคุนผีจะมาดูดควยหมาผมเองละ
    อิอิ นักเลงคีบอด อั๋น พระบาง คอนหวันคับ อิอิ

    http://oun357.hi5.com hi5กูเอง ไอผี
    เปิดรับผสม นครสวรรค์ คับ

    ด่วนๆๆ กำลังเงี่ยนๆๆ อิอิ
  • เด็กนครสวรรค์นิสัยอย่างมึงเนี่ยต้องโดนกระทืบไอ้สัด
  • ควยแม่งเซ็งโว๊ย เบื่อ โคตร ทำงานแม่งเหนื่อยก็เหนื่อย เจอเจ้าของปัญญาอ่อนอีก ด่าไม่เลือก สัต
  • ผมเอาตัวรอด!


    http://www.youtube.com/watch?v=7cmb8hF2SSc
  • ควายทั้งหลายสู้เพื่อเอาประชาธิปไตรมาให้ผม !


    http://www.youtube.com/watch?v=tK4_M6jQai4&feature=related
  • สู้ต่อไปครับพี่น้องครับ เพื่อผม เพื่อครอบครัวของผม เพื่อทรัพย์สินเงินทองของผม ขอวิงวอนให้ชาวเสื้อแดงอย่าหวั่นไหว ผมเป็นแม่ทัพ แต่ออกหน้า หรือมาร่วมเจ็บร่วมตายกับพี่น้องชาวเสื้อแดงไม่ได้ เพราะถ้าผมเกิดตายเข้าจริงๆ พี่น้องจะเหลือใครให้สงสารบูชา จริงไหมครับ

    จำกันได้นะครับ ท่องเข้าไว้...สองมาตรฐาน รัฐบาลอภิสิทธิ์ อำมาตย์แกล้งทักษิณ...ท่องให้ขึ้นใจ ผมเชื่อว่าทุกคนปกป้องผมและครอบครัวได้ ยิ่งจุดไฟเผาบ้านเมืองเท่าไร โอกาสที่ผมจะกลับมาเป็นใหญ่มีทางเป็นไปได้สูงยิ่ง ยกสุดท้ายแล้วครับ เสียสละเถอะครับเลือดเนื้อและชีวิตของท่าน หากยังรัก เมตตา สงสาร ล้มล้างรัฐบาลและเผาบ้านเมืองนี้ให้วอดวาย แต่อย่าไปทำลายบ้านจันทร์ส่องหล้า ตึกชินฯ 1-2-3 รวมทั้งบริษัทในเครือของผมและตระกูล

    ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ ต่อการพลีชีพ สละเลือดเนื้อเพื่อผม

    ทักษิณ ชินวัตร
  • สงสัยลูกเมียทักษิณไม่รักประชาธิปไตร

    เปิดตูดสบายไปต่างประเทศแล้ว
  • แจกกันจะจะ




    เสื้อแดงมาด้วยใจนะจ๊ะ หุหุ







  • http://www.youtube.com/watch?v=izNHIDiBTT8


    อิอิ